Demand Supply Zone หรือ โซนอุปสงค์ อุปทาน เป็นหนึ่งในเทคนิคการเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่เทรดเดอร์ไทย โดยเฉพาะในวงการ Forex และ Smart Money Concept
หากคุณเคยสงสัยว่าทำไมราคาถึงหยุดและกลับตัวที่จุดบางจุดบนกราฟ หรือเคยได้ยินเรื่อง Demand Supply Zone ใน Pantip หรือกลุ่มเทรดเดอร์ต่างๆ บทความนี้จะตอบทุกคำถามและช่วยให้คุณเข้าใจเทคนิคนี้อย่างลึกซึ้ง พร้อมนำไปใช้ในการเทรดอย่างมืออาชีพ
ถอดรหัส Demand & Supply: กลไกตลาดที่ขับเคลื่อนโดยรายใหญ่
ก่อนที่เราจะเข้าใจ Demand Supply Zone เราต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของ กลไกตลาด ก่อน
ในทางเศรษฐศาสตร์ เมื่อ อุปสงค์ (Demand) มากกว่า อุปทาน (Supply) ราคาจะขยับสูงขึ้น และเมื่อ อุปทาน (Supply) มากกว่า อุปสงค์ (Demand) ราคาจะลดลง
แต่ใน Forex และตลาดการเงิน Demand Supply Zone ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎเศรษฐศาสตร์ธรรมดา
Demand Supply Zone คือพื้นที่ที่มีการสะสม Order ขนาดใหญ่จาก สถาบันการเงิน และ รายใหญ่ (Institutional Investors) ที่ยังไม่ได้ถูกเติมเต็ม
เมื่อราคากลับมาถึงโซนเหล่านี้ รายใหญ่ จะเข้าซื้อหรือขายด้วยปริมาณที่มหาศาล ทำให้ราคาเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างรวดเร็ว
นี่คือเหตุผลว่าทำไม Demand Supply Zone ถึงมีอัตราความแม่นยำ (Win Rate) ที่สูงกว่าเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ
ความแตกต่างที่สำคัญ: Demand Supply Zone vs. แนวรับแนวต้าน
หลายคนมักเข้าใจผิดว่า Demand Supply Zone และ แนวรับแนวต้าน เป็นสิ่งเดียวกัน แต่ความจริงแล้วมีข้อ แตกต่าง ที่สำคัญมาก
แนวรับแนวต้าน (Support & Resistance):
- เป็น เส้น ที่ราคาเคยแตะและกลับตัว
- มองจากประวัติศาสตร์ราคา
- ไม่ได้คำนึงถึงปริมาณการเทรด
Demand Supply Zone:
- เป็น พื้นที่ หรือ โซน ที่มีการสะสม Liquidity
- มองจากพฤติกรรมของ รายใหญ่ และ สถาบันการเงิน
- คำนึงถึงความแรงของการเคลื่อนไหว (Imbalance)
การเข้าใจ ความแตกต่าง นี้จะช่วยให้คุณเทรดได้แม่นยำกว่าการใช้ แนวรับแนวต้าน แบบเดิมๆ
4 รูปแบบพื้นฐานของ Demand Supply Zone ที่ต้องรู้
ใน Smart Money Concept และ Institutional Trading มีรูปแบบหลักของ Demand Supply Zone ที่เทรดเดอร์ต้องเข้าใจ:
1. Rally-Base-Drop (RBD) – Supply Zone
- ราคาขยับขึ้นแรงๆ (Rally)
- หยุดพักในพื้นที่แคบๆ (Base)
- ราคาดิ่งลง (Drop)
- Base คือ Supply Zone
2. Drop-Base-Rally (DBR) – Demand Zone
- ราคาดิ่งลงแรงๆ (Drop)
- หยุดพักในพื้นที่แคบๆ (Base)
- ราคาขยับขึ้นแรง (Rally)
- Base คือ Demand Zone
3. Rally-Base-Rally (RBR) – Demand Zone
- ราคาขยับขึ้นแรงๆ (Rally)
- หยุดพักในพื้นที่แคบๆ (Base)
- ราคาขยับขึ้นต่อ (Rally)
- Base คือ Demand Zone สำหรับการต่อทิศทาง
4. Drop-Base-Drop (DBD) – Supply Zone
- ราคาดิ่งลงแรงๆ (Drop)
- หยุดพักในพื้นที่แคบๆ (Base)
- ราคาดิ่งลงต่อ (Drop)
- Base คือ Supply Zone สำหรับการต่อทิศทาง
รูปแบบ
|
ประเภทโซน
|
การใช้งาน
|
ความแข็งแกร่ง
|
---|
RBD
|
Supply Zone
|
Reversal
|
สูง
|
---|
DBR
|
Demand Zone
|
Reversal
|
สูง
|
---|
RBR
|
Demand Zone
|
Continuation
|
ปานกลาง
|
---|
DBD
|
Supply Zone
|
Continuation
|
ปานกลาง
|
---|
วิธีการหาและตีกรอบโซน: คู่มือทีละขั้นตอน
การหา Demand Supply Zone ที่ถูกต้องต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจน:
ขั้นตอนที่ 1: ค้นหา Imbalance
มองหาเทียนที่มีการเคลื่อนไหวแรงๆ โดยมีคุณสมบัติ:
- เทียนยาวผิดปกติ
- ปริมาณการเทรดสูง
- ไม่มี Shadow หรือมีน้อยมาก
- การเคลื่อนไหวที่รุนแรงนี้มักเรียกว่า “Momentum Candle” ซึ่งบ่งบอกถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่มหาศาล นอกจากนี้ Fair Value Gap (FVG) หรือช่องว่างราคาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ Imbalance ที่แสดงถึงความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
ขั้นตอนที่ 2: ระบุ Base
หาพื้นที่ที่ราคา “พัก” ก่อนเกิด Imbalance:
- มักเป็นช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ
- มีการซื้อขายหนาแน่น
- ระยะเวลาการพักมากกว่า 3-5 เทียน
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) ในช่วง Base จะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของโซนได้ หากมี Volume สูง แสดงว่ามีการสะสมออเดอร์ของรายใหญ่จำนวนมาก
ขั้นตอนที่ 3: ลากเส้นโซน
- Proximal Line: เส้นที่ใกล้ที่สุดกับ Imbalance
- Distal Line: เส้นที่ไกลที่สุดจาก Imbalance
- ใช้ High และ Low ของ Base เป็นหลัก
ขั้นตอนที่ 4: ทำเครื่องหมายโซน
- ระบายสี Demand Zone เป็นสีเขียว
- ระบายสี Supply Zone เป็นสีแดง
- ใส่ป้ายกำกับเพื่อความชัดเจน
- การฝึกฝน Demand Supply Zone วิธีใช้ และการตีกรอบโซนบนกราฟจริงจะช่วยให้คุณเข้าใจและทำได้เร็วขึ้น
การฝึกฝนการตีกรอบโซนบนกราฟจริงจะช่วยให้คุณเข้าใจและทำได้เร็วขึ้น
การประเมินความแข็งแกร่งของโซน: ไม่ใช่ทุกโซนจะเทรดได้
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยของเทรดเดอร์คือการเทรดทุกโซนที่เจอ
ความจริงคือ ไม่ใช่ทุกโซนจะเทรดได้ และมีปัจจัยสำคัญ 3 ข้อที่ใช้ การประเมินความแข็งแกร่งของโซน:
1. ความแรงของการเคลื่อนไหว (Imbalance Strength)
- Imbalance ยาวและแรงมากเท่าไหร่ โซนจะแข็งแกร่งมากเท่านั้น
- มองจากจำนวน Pips ที่ราคาเคลื่อนไหว
- ดูจากขนาดของเทียนใน Imbalance
2. เวลาที่ใช้ในการสร้าง Base
- Base ที่ใช้เวลานานจะแข็งแกร่งกว่า Base ที่เกิดขึ้นเร็ว
- ยิ่งมีการซื้อขายหนาแน่นมากเท่าไหร่ ยิ่งมี Liquidity มาก
- โซนที่แข็งแกร่งมักใช้เวลาสร้างอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงใน Timeframe ที่ดู
3. ความสด (Freshness) ของโซน
- Fresh Zone คือโซนที่ยังไม่เคยถูกทดสอบ
- ยิ่งโซนสดมากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือจะสูงมากเท่านั้น
- หลีกเลี่ยงโซนที่ถูกทดสอบหลายครั้งแล้ว
ระดับความแข็งแกร่ง
|
Imbalance
|
Base Duration
|
Freshness
|
Win Rate
|
---|
สูงมาก
|
> 100 pips
|
> 4 ชั่วโมง
|
ยังไม่ถูกทดสอบ
|
85-90%
|
---|
สูง
|
50-100 pips
|
2-4 ชั่วโมง
|
ทดสอบ 1 ครั้ง
|
70-85%
|
---|
ปานกลาง
|
30-50 pips
|
1-2 ชั่วโมง
|
ทดสอบ 2 ครั้ง
|
50-70%
|
---|
ต่ำ
|
< 30 pips
|
< 1 ชั่วโมง
|
ทดสอบ 3+ ครั้ง
|
< 50%
|
---|
กลยุทธ์การเทรด Demand Supply Zone ฉบับสมบูรณ์
เมื่อเรารู้จักและประเมินโซนได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำไปใช้ในการเทรดจริง
การวางแผนเทรด: Entry, Stop Loss, และ Take Profit
Entry Strategy
วิธีเทรด Demand Supply Zone ที่ถูกต้องต้องรอ Entry ที่เหมาะสม:
- Limit Order Entry:
- วาง Buy Limit ที่ Demand Zone
- วาง Sell Limit ที่ Supply Zone
- เหมาะสำหรับโซนแข็งแกร่ง
- Market Order Entry:
- รอ Confirmation ก่อนเข้า
- ใช้ Price Action เป็นตัวยืนยัน
- เหมาะสำหรับโซนปานกลาง
- Confirmation Signals:
- Bullish Engulfing ที่ Demand Zone
- Bearish Engulfing ที่ Supply Zone
- Pin Bar หรือ Doji
Stop Loss Placement
Stop Loss ต้องวางให้ถูกต้องเพื่อจัดการ ความเสี่ยง:
- Demand Zone: วาง Stop Loss ใต้ Distal Line
- Supply Zone: วาง Stop Loss เหนือ Distal Line
- เพิ่มพื้นที่ Buffer 5-10 pips เพื่อป้องกัน Spike
Take Profit Strategy
การกำหนด Take Profit มีหลายวิธี:
- Fixed R:R (Risk Reward):
- ใช้อัตราส่วน 1:2 หรือ 1:3
- คำนวณจาก Stop Loss ที่ตั้งไว้
- Target Next Zone:
- เป้าหมายที่ Supply Zone ใกล้ที่สุด (สำหรับ Buy)
- เป้าหมายที่ Demand Zone ใกล้ที่สุด (สำหรับ Sell)
- Trailing Stop:
- ใช้ Trailing Stop ตามโครงสร้างของตลาด
- เคลื่อนที่ตาม Swing High/Low
ตัวอย่างการเทรด Demand Zone
สถานการณ์: พบ Demand Zone แข็งแกร่งบนคู่ EUR/USD
การดำเนินการ:
- Entry: Buy Limit ที่ Proximal Line ของ Demand Zone
- Stop Loss: ใต้ Distal Line ลง 10 pips
- Take Profit: ที่ Supply Zone ใกล้ที่สุด
- Risk Reward: 1:2.5
ผลลัพธ์: ราคาเด้งจากโซนและเข้าเป้าหมายสำเร็จ
Level Up: จาก Demand Supply สู่ Smart Money Concepts
เมื่อเราเข้าใจ Demand Supply Zone แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ Level Up ไปสู่ Smart Money Concept (SMC) ที่ครอบคลุมมากขึ้น
Order Block คืออะไร และเกี่ยวข้องกับ Demand Supply อย่างไร
Order Block (OB) คือรูปแบบขั้นสูงของ Demand Supply Zone ที่เฉพาะเจาะจงและแม่นยำกว่า
คุณสมบัติของ Order Block:
- เป็นเทียนสุดท้ายที่ตรงข้ามกับทิศทางของ Imbalance
- ขนาดเทียนใหญ่และมี Volume สูง
- ตำแหน่งที่ สถาบันการเงิน วางออเดอร์ขนาดใหญ่
Order Block ให้ Entry ที่แม่นยำกว่า Demand Supply Zone แบบเดิม และมี Win Rate ที่สูงกว่า
รู้จัก Fair Value Gap: อีกหนึ่งร่องรอยของสถาบัน
Fair Value Gap (FVG) หรือ Imbalance คือช่องว่างราคาที่เกิดขึ้นเมื่อตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
FVG เกิดขึ้นเมื่อ:
- High ของเทียนที่ 1 ต่ำกว่า Low ของเทียนที่ 3
- Low ของเทียนที่ 1 สูงกว่า High ของเทียนที่ 3
FVG มักทำหน้าที่เป็น:
- Magnet ที่ดึงดูดราคากลับมาเติม
- Support หรือ Resistance ชั่วคราว
- จุดที่ สถาบันการเงิน มักเข้าเทรด
การรวม Demand Supply Zone, Order Block, และ FVG เข้าด้วยกันจะทำให้คุณมีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับ Institutional Trading
ข้อดีและข้อเสียของ Demand Supply Zone
การทำความเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ Demand Supply Zone จะช่วยให้คุณนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง
ข้อดี
- ระบุได้ง่าย Demand Supply Zone มักจะแสดงร่องรอยที่ชัดเจนบนกราฟ ทำให้ง่ายต่อการระบุ
- จุดเข้าและออกที่ชัดเจน โซนเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกำหนด จุดเข้าเทรด และ จุดทำกำไร ได้อย่างแม่นยำ
- ความหลากหลาย สามารถใช้ได้กับกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย ทั้งการเทรดแบบกลับตัว (Reversal) และการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following)
- อิงปริมาณการซื้อขาย การประเมิน Demand Supply Zone มักจะเชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย ซึ่งช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของโซน
- สอดคล้องกับรายใหญ่ กลยุทธ์นี้ช่วยให้คุณเทรดไปในทิศทางเดียวกับนักลงทุนสถาบันหรือ รายใหญ่ ซึ่งมีอิทธิพลต่อตลาด
- การบริหารความเสี่ยง ช่วยให้สามารถวางแผน การบริหารความเสี่ยง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการกำหนด จุดตัดขาดทุน
ข้อเสียและข้อจำกัด
- ความซับซ้อน แม้จะดูเรียบง่าย แต่การระบุโซนที่มีคุณภาพสูงและนำไปใช้จริงอาจมีความซับซ้อน
- ความผันผวน ตลาดที่มีความผันผวนสูงอาจทำให้โซนเหล่านี้ทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- ขึ้นอยู่กับกรอบเวลา ประสิทธิภาพของโซนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละกรอบเวลา
- ความไม่แน่นอน ไม่มีกลยุทธ์ใดที่รับประกันผลกำไร 100% และโซนอาจล้มเหลวได้
- ความเป็นอัตวิสัย การตีความและการวาดโซนอาจมีความเป็นอัตวิสัย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเทรดเดอร์แต่ละคน
- โซนที่อ่อนแอ ไม่ใช่ทุกโซนจะสามารถเทรดได้ โซนที่ถูกทดสอบหลายครั้ง หรือมี Base ที่บางและไม่มีปริมาณการซื้อขายที่สำคัญ มักจะเป็นโซนที่อ่อนแอและควรหลีกเลี่ยง
ความเสี่ยงและข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
แม้ว่า Demand Supply Zone จะเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มี ความเสี่ยง และ ข้อผิดพลาด ที่เทรดเดอร์ต้องระวัง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
1. เทรดทุกโซนที่เจอ
หลายคนคิดว่า Demand Supply Zone ใช้ได้ 100% แต่ความจริงคือ ไม่ใช่ทุกโซนจะเทรดได้
วิธีแก้ไข:
- ใช้เกณฑ์ การประเมินความแข็งแกร่งของโซน อย่างเข้มงวด
- เทรดเฉพาะโซนที่ผ่านเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อ
- ทำ Backtest ก่อนเทรดจริง
2. ไม่รอ Confirmation
เข้าเทรดทันทีที่ราคามาถึงโซนโดยไม่รอสัญญาณยืนยัน
วิธีแก้ไข:
- รอ Price Action ยืนยัน
- ใช้ Candlestick Pattern เป็นตัวช่วย
- ตั้ง Alert แทนการเข้าเทรดทันที
3. Stop Loss ผิดตำแหน่ง
วาง Stop Loss ใกล้เกินไป หรือไกลเกินไป
วิธีแก้ไข:
- ยึดกฎ Stop Loss นอก Distal Line
- คำนวณ Risk Reward ให้เหมาะสม
- ไม่ปรับ Stop Loss ย้อนหลังหลังจากเข้าเทรด
ความเสี่ยงที่ต้องระวัง
1. การเปลี่ยนแปลงของตลาด
เมื่อมีข่าวสำคัญ Demand Supply Zone อาจ ไม่ใช้ได้ ชั่วคราว
วิธีจัดการ:
- ติดตาม Economic Calendar
- หลีกเลี่ยงการเทรดช่วงข่าวสำคัญ
- ใช้ Position Size ที่เหมาะสม
2. False Break
ราคาทะลุผ่านโซนแต่กลับเข้ามาใหม่อย่างรวดเร็ว
วิธีจัดการ:
- ใช้ Confirmation ก่อนเข้าเทรด
- ไม่ Revenge Trade เมื่อโซนล้มเหลว
- ยอมรับว่าไม่มีเทคนิคใดที่ชนะ 100%
3. จิตวิทยาการเทรด
ข้อผิดพลาด ที่พบบ่อยที่สุดคือการไม่ยึดตาม Rule ที่ตั้งไว้
วิธีแก้ไข:
- เขียน Trading Plan ที่ชัดเจน
- ใช้ Position Size ที่เหมาะสม
- ฝึกฝน Discipline ในการเทรด
เทคนิคขั้นสูง: การรวม Demand Supply กับ Price Action
การเทรด Demand Supply Zone จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อรวมกับ Price Action และเทคนิคอื่นๆ
การใช้ Multiple Timeframe
- วิเคราะห์โซนใน Timeframe ใหญ่ (H4, Daily)
- หา Entry ใน Timeframe เล็ก (H1, M15)
- เพิ่มความแม่นยำในการเข้าเทรด
การรวมกับ Trend Analysis
- เทรดในทิศทางเดียวกับ Trend หลัก
- ใช้ Demand Zone ในการ Buy ตลาดขาขึ้น
- ใช้ Supply Zone ในการ Sell ตลาดขาลง
การใช้ Volume Analysis
- ดูปริมาณการเทรดที่ Base
- ยิ่งมี Volume สูงยิ่งแข็งแกร่ง
- ใช้ Volume Profile เป็นตัวช่วย
การเรียนรู้และพัฒนาทักษะ
แหล่งเรียนรู้ที่แนะนำ
- Forex Thailand – ฟอรัมเทรดเดอร์ไทย
- Pantip – หัวข้อ Demand Supply Zone
- YouTube – ช่องสอน Smart Money Concept
- Trading Academy – Bravo Trade Academy และอื่นๆ
การฝึกฝนทักษะ
- ใช้ Demo Account ฝึกหาโซน
- ทำ Backtesting บนกราฟอดีต
- เก็บ Trading Journal ทุกการเทรด
- เรียนรู้จากความผิดพลาด
การพัฒนาต่อยอด
- ศึกษา Institutional Trading เพิ่มเติม
- เรียนรู้ Order Flow และ Market Structure
- รวม Demand Supply กับ Harmonic Pattern
สรุป: เปลี่ยนความรู้ให้เป็นกำไรอย่างยั่งยืน
Demand Supply Zone ไม่ใช่แค่เทคนิคการเทรดอีกอันหนึ่ง แต่เป็นวิธีการมองตลาดในมุมมองของ สถาบันการเงิน และ รายใหญ่
หัวใจสำคัญของการเทรด Demand Supply Zone ให้ได้ กำไรอย่างยั่งยืน อยู่ที่:
- ความเข้าใจที่ถูกต้อง: เข้าใจว่า Demand Supply Zone คือพื้นที่ที่มี Liquidity สะสมอยู่
- การคัดเลือกโซน: ไม่เทรดทุกโซน แต่เลือกเฉพาะโซนที่แข็งแกร่ง
- การจัดการความเสี่ยง: ใช้ Stop Loss และ Position Size ที่เหมาะสม
- ความอดทน: รอโอกาสที่ดีแทนการเทรดบ่อยๆ
สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องการเรียนรู้ Demand Supply Zone ขอแนะนำให้:
- เริ่มต้นด้วย Demo Account
- ฝึกหาโซนบนกราฟอดีต
- ทำ Backtesting อย่างน้อย 100 เทรด
- เก็บ Trading Journal ทุกการเทรด
การเทรด Demand Supply Zone ต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์ และวินัย เมื่อคุณเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เทคนิคนี้จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างกำไรจากตลาด Forex และตลาดการเงินอื่นๆ
จำไว้ว่าความสำเร็จในการเทรดไม่ได้มาจากการหา Holy Grail แต่มาจากการเข้าใจพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และการจัดการ ความเสี่ยง อย่างมีวินัย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. Demand Supply Zone คืออะไร?
Demand Supply Zone คือพื้นที่บนกราฟราคาที่มีการสะสมออเดอร์ขนาดใหญ่จาก สถาบันการเงิน และ รายใหญ่ ที่ยังไม่ได้ถูกเติมเต็ม เมื่อราคากลับมาถึงโซนเหล่านี้ มักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างรวดเร็ว
2. Demand Supply Zone ต่างจากแนวรับแนวต้านอย่างไร?
ความแตกต่าง หลักคือ Demand Supply Zone เป็น พื้นที่ ที่มี Liquidity สะสมอยู่ ไม่ใช่เส้นตรงเหมือน แนวรับแนวต้าน และมองจากพฤติกรรมของ รายใหญ่ มากกว่าประวัติศาสตร์ราคา
3. วิธีเทรด Demand Supply Zone ให้ได้กำไร?
– เลือกเฉพาะโซนที่แข็งแกร่ง (ผ่านเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อ)
– รอ Confirmation ก่อนเข้าเทรด
– ใช้ Stop Loss นอก Distal Line
– กำหนด Take Profit ที่เป็นไปได้
– จัดการ Risk Reward ให้เหมาะสม
4. Fresh Zone คืออะไร?
Fresh Zone คือ Demand Supply Zone ที่ยังไม่เคยถูกราคาแตะหรือทดสอบมาก่อน โซนแบบนี้มักจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าโซนที่ถูกทดสอบหลายครั้งแล้ว
5. Win Rate ของ Demand Supply Zone สูงแค่ไหน?
Win Rate ขึ้นอยู่กับคุณภาพของโซน:
– โซนแข็งแกร่งมาก: 85-90%
– โซนแข็งแกร่ง: 70-85%
– โซนปานกลาง: 50-70%
– โซนอ่อน: ต่ำกว่า 50%
6. Demand Supply Zone ใช้ได้กับทุกตลาดไหม?
ใช่ Demand Supply Zone ใช้ได้กับทุกตลาด รวมถึง Forex, หุ้น, Cryptocurrency, Commodity เพราะเป็นหลักการพื้นฐานของ กลไกตลาด
7. การประเมินความแข็งแกร่งของโซนทำอย่างไร?
ใช้เกณฑ์ 3 ข้อ:
– ความแรงของ Imbalance (ความยาวและขนาดของการเคลื่อนไหว)
– เวลาที่ใช้สร้าง Base (ยิ่งนานยิ่งแข็งแกร่ง)
– ความสด (Freshness) ของโซน (ยังไม่เคยถูกทดสอบ)
8. Order Block เกี่ยวข้องกับ Demand Supply Zone อย่างไร?
Order Block คือรูปแบบขั้นสูงของ Demand Supply Zone ที่เฉพาะเจาะจงกว่า โดยเป็นเทียนสุดท้ายที่ตรงข้ามกับทิศทางของ Imbalance ให้ Entry ที่แม่นยำกว่า
9. Smart Money Concept คืออะไร?
Smart Money Concept (SMC) คือแนวคิดการเทรดที่มองตลาดในมุมมองของ สถาบันการเงิน และ รายใหญ่ รวมถึง Demand Supply Zone, Order Block, FVG, และ Liquidity Hunt
10. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเทรด Demand Supply Zone?
– เทรดทุกโซนที่เจอ
– ไม่รอ Confirmation
– วาง Stop Loss ผิดตำแหน่ง
– ไม่คำนวณ Risk Reward
– ไม่เก็บ Trading Journal