ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค การอ่านกราฟให้ออกไม่ใช่แค่เรื่องเส้นกับแท่งเทียน แต่คือการตีความพฤติกรรมของตลาดผ่านรูปแบบกราฟราคาต่าง ๆ หนึ่งในรูปแบบที่ได้รับการพิสูจน์มายาวนานและใช้กันทั่วโลก คือ Cup and Handle Pattern หรือชื่อไทยเรียกได้ว่า “รูปแบบถ้วยหูจับ”

ถอดรหัสพฤติกรรมตลาดผ่านกราฟ
รูปแบบนี้ไม่ใช่แค่ความโค้งมนที่ดูน่าสนใจบนชาร์ต แต่เป็นสัญญาณคาดการณ์ทิศทางราคาที่มีน้ำหนัก โดยเฉพาะก่อนแนวโน้มขาขึ้นจะกลับมาแรงอีกครั้ง บทความนี้จะพาคุณเข้าใจลึกซึ้งทั้งองค์ประกอบ กลยุทธ์การใช้งาน และตัวอย่างในตลาดจริง พร้อมคำแนะนำในการเพิ่มความแม่นยำด้วยเครื่องมือเสริม
Cup and Handle Pattern คืออะไร? รู้จักสัญญาณกระทิงในตำนาน
Cup and Handle เป็นรูปแบบกราฟประเภท “กระทิงต่อเนื่อง” หมายความว่ามันไม่เกิดลอย ๆ แต่งเกิดขึ้นภายในแนวโน้มขาขึ้นเดิม หลังจากทรัพย์สินมีการปรับฐานหรือขยับตัวช้าลง รูปแบบนี้บ่งบอกว่า “ตลาดกำลังพักเพื่อเตรียมพุ่งต่อ”
รูปแบบนี้ถูกเผยแพร่โดย William J. O’Neil ในหนังสือ How to Make Money in Stocks ปี 1988 เขาศึกษาจากบริษัทมหาชนระดับตำนานที่พุ่งราคาแบบร้อนแรง และพบว่าหลายตัวเคยผ่านการสร้างรูปแบบถ้วยหูจับมาก่อนการขึ้นแรง
ชื่อเรียกเกิดจากการที่รูปร่างกราฟคล้ายถ้วยแนวขวางที่มีหูจับเล็ก ๆ ทางด้านขวา — ช่วยให้จดจำได้ง่าย และแม้ดูผิวเผินเหมือนโครงสร้างง่าย ๆ แต่ความสมบูรณ์ของแต่ละองค์ประกอบคือหัวใจที่ทำให้มันน่าเชื่อถือ
ตามที่ Investopedia อธิบายไว้ การเปรียบเทียบนี้ไม่ใช่เพียงภาพลักษณ์ แต่ยังสะท้อนพฤติกรรมของผู้ลงทุน คือการซื้อ-ขาย สะสม และเก็งกำไรในช่วงเวลาที่เหมาะสม
The Cup (ตัวถ้วย)
- สื่อถึงช่วงการปรับฐานของราคาหลังขาขึ้นเดิม ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่
- ช่วงลงต้องค่อยเป็นค่อยไป แล้วฟื้นกลับด้วยความมั่นคง ไม่ดีดตัวกลับเหมือนรูปตัว “V”
- สัญญาณบ่งบอกว่าผู้ลงทุนประเภท “ขายทิ้งเมื่อกำไร” หรือ “ช็อกด้วยข่าวลบ” ได้ปล่อยหุ้น/เหรียญออกมาหมดแล้ว แรงขายหมดไป
The Handle (หูจับ)
- หลังฟื้นตัวถึงระดับสูงเกือบเท่าเดิม จะเริ่มผันผวนเล็กน้อย สร้างช่วง “พักตัว”
- หูจับมักมาในรูปของ sideways หรือการย่อเล็กน้อยในแนวโน้มขาข้าง
- เป็นบททดสอบครั้งสุดท้าย — หากแรงซื้อไม่ลดลงและยังดันต่อได้ แสดงว่าความต้องการยังแรง
เมื่อราคาเคลียร์แนวต้านของ “หูจับ” ขึ้นไปด้วยปริมาณมาก ถือเป็น “Breakout” ที่น่าจับตา และนี่คือจุดที่นักเทรดเชิงเทคนิคมองว่าเป็นโอกาสซื้อที่แข็งแกร่ง

องค์ประกอบสำคัญของ Cup and Handle Pattern
The Cup (ถ้วย)
- รูปทรง: ควรมีลักษณะโค้งกลมมนเป็นรูป “U” แทนที่จะเป็น “V” แหลม เพราะรูป “U” บ่งบอกว่าโครงสร้างฐานมั่นคง ผู้ซื้อค่อยสะสมหุ้นโดยไม่เร่งหรือตื่นตระหนก
- ความลึก: ควรร่วงลงระหว่าง 15% ถึง 30% จากจุดสูงสุดของขอบถ้วยด้านซ้าย หากลึกเกิน 40% ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง เพราะอาจบ่งบอกถึงแรงขายที่รุนแรงหรือแนวโน้มเริ่มอ่อนลง
- ระยะเวลา: ถ้วยควรมีเวลาในการก่อตัว ตั้งแต่ 1 ถึง 6 เดือนในกราฟรายวัน หรือหลายไตรมาสในกราฟรายสัปดาห์ การใช้เวลาเหล่านี้ช่วยดักจับการสะสมของนักลงทุนรายใหญ่ และกรองผู้เล่นระยะสั้นที่ไม่อดทนออกไป
The Handle (หูจับ)
- ตำแหน่ง: หูจับควรอยู่ในครึ่งบนของตัวถ้วยเสมอ หากย่อน้ำหนักลงไปอยู่ครึ่งล่าง แปลว่าแรงซื้อไม่แข็งแกร่งพอ โอกาสล้มเหลวสูง
- การย่อตัว: โดยทั่วไปควรย่อตัวไม่เกิน 10–15% จากจุดสูงสุดของหูจับ และมักเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ หรือค่อย ๆ ย่อตัวลงอย่างช้า ๆ (pullback) ไม่ใช่การหลุดฐาน
- ระยะเวลา: หูจับสั้นกว่าถ้วยมาก ใช้ประมาณ 1–4 สัปดาห์ การก่อตัวเร็ว แต่ต้องเข้าเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด
Volume (ปริมาณการซื้อขาย)
- ช่วงก้นถ้วย: Volume ควรลดลงอย่างชัดเจน แสดงว่าแรงขายถดถอยหรือหมด ผู้ที่จะขายได้ขายไปหมดแล้ว
- ช่วงฟื้นตัวของถ้วย: เมื่อราคาเริ่มไต่กลับขึ้นจากก้นถ้วย Volume ควรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น บ่งชี้ว่าแรงซื้อเริ่มกลับมา
- ช่วง Breakout: จุดที่สำคัญที่สุดคือจุดที่ราคาทะลุแนวต้านของหูจับ — Volume ต้องเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน อย่างน้อย 40–50% สูงกว่าค่าเฉลี่ย หรือเป็น “Volume spike” เพื่อยืนยันว่าการทะลุนั้นเกิดจากความต้องการที่แรงของนักลงทุนรายใหญ่ ไม่ใช่แค่แรงซื้อปลอม
หากขาด Volume ยืนยัน แม้ราคาจะทะลุแนวต้านก็อาจเป็นเพียง “False Breakout” และตกลงมาอย่างรวดเร็ว

วิธีการเทรดด้วย Cup and Handle Pattern (Step-by-Step)
Step 1: การหาจุดเข้า (Entry Point)
จุดเข้าที่ดีที่สุดคือ ขณะหรือหลังที่ราคา “ปิดแท่งเทียน” ที่บริเวณปัจจุบันสูงกว่าแนวต้านของหูจับอย่างชัดเจน และมี Volume ที่พุ่งสูงขึ้น
ไม่แนะนำให้ซื้อระหว่างที่ราคา “แตะแนวต้าน” โดยยังไม่ปิดเหนือ หรือซื้อก่อนที่จะเกิด Breakout เนื่องจากเสี่ยงต่อการล้มเหลว
การรอให้แท่งเทียนรายวันปิดเหนือแนวต้าน จะช่วยยืนยันสัญญาณ และลดโอกาสเสียจาก “เบรคขึ้นแล้วดิ่งลง” ที่เกิดบ่อยในตลาดผันผวน
Step 2: การตั้ง Stop-loss
จุดตัดขาดทุนควรอยู่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ “หูจับ” เพียงเล็กน้อย — เช่น 0.5–1% ต่ำกว่า
เหตุผล: หากมีการ “Break” แนวรับของหูจับลง แปลว่ารูปแบบพัง ไม่มีแรงซื้อพอจะผลักดันราคาต่อ
การจัดการจุด Stop-loss ที่ชัดเจนช่วยให้เทรดเดอร์รู้ “ความเสียสูงสุดต่อธุรกรรม” ลดอารมณ์และการตัดสินใจผิดพลาดเวลาเครียด
Step 3: การตั้งเป้าหมายราคา (Price Target)
เป้าหมายราคาของ Cup and Handle สามารถคำนวณเบื้องต้นได้ดังนี้:
- วัดความสูงจาก “ก้นถ้วย” ขึ้นไปยัง “ระดับ Breakout” (หรือขอบถ้วยด้านซ้าย)
- นำระยะทางดังกล่าว ไปบวกกับราคา Breakout ขึ้นไป
ตัวอย่าง: ถ้วยลึก 40 บาท จาก 160 บาท มาที่ 200 บาท (จุด Breakout) เป้าหมายมินิมัมคือ 200 + 40 = 240 บาท
นี่คือ “เป้าหมายขั้นต่ำ” — ในภาวะที่แนวโน้มแข็งแรง หรือมีเหตุการณ์สนับสนุน (เช่น ข่าว ผลประกอบการ) ราคาอาจพุ่งข้ามเป้าไปไกลได้

ข้อดี ข้อจำกัด และข้อควรระวังในการใช้งาน
ข้อดี (Pros)
- สัญญาณชัดเจน: ความชัดเจนในการเข้า ออก และตั้งเป้าหมาย ทำให้ง่ายต่อการวางกลยุทธ์
- Risk/Reward Ratio ดี: จุดตัดขาดทุนใกล้จุดเข้า เปรียบเทียบกับเป้าหมายไกล ช่วยให้หนึ่งครั้งที่ได้กำไร อาจครอบคลุมหลายครั้งที่ขาดทุน
- มีประวัติความสำเร็จ: ผ่านการทดลองโดยนักเทรดมาหลายยุค มีสถิติจากกลุ่มหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในตลาด
ข้อจำกัด (Cons)
- ก่อตัวช้า: ต้องรอหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน ไม่เหมาะกับ Day Trader ที่ต้องการระบุสัญญาณเร็ว
- เสี่ยง False Breakout: ในตลาด Sideways หรือตลาดหมี อาจจะมีการเบรคขึ้นแล้วดิ่งลงได้สูง
- ตีความได้หลายมุม: บางครั้ง นักเทรดใหม่อาจเห็น “รูปถ้วย” ในทุกกราฟ ขาดเกณฑ์การตรวจสอบที่เฉพาะเจาะจง
ข้อควรระวัง (Cautions)
ต้องชัดเจนว่า: ไม่มีรูปแบบใด 100% แม่นยำ การใช้ Cup and Handle ควรมี “ตัวยืนยัน” เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มน้ำหนัก
ตัวอย่างเครื่องมือเสริม:
- เช็คแนวโน้มตลาดโดยรวมว่าอยู่ในภาวะ Bullish หรือไม่
- ใช้ RSI ดูว่า หลัง Breakout ยังไม่อยู่ในภาวะ Overbought จนเกินไป
- ใช้ MACD หรือ Moving Average เพื่อดูว่า มีโมเมนตัมขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ โดยเฉพาะ 200-day SMA ที่อยู่ต่ำกว่าราคา
ข้อเตือนที่สำคัญที่สุดคือ: การ Breakout โดยไม่มี Volume สนับสนุน
เรื่องนี้ Fidelity ได้ยกย่องอย่างจริงจังว่า Volume คือหัวใจของความน่าเชื่อถือ — หากขาดไป แม้รูปแบบจะสมบูรณ์ก็อาจไร้ค่า
เงื่อนไข | ลักษณะที่ควรจะเป็น |
---|
แนวโน้มก่อนหน้า | ต้องเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน (อย่างน้อย 2–3 เดือน) |
รูปทรงถ้วย (Cup) | โค้งมนเป็น “U” ไม่แหลมเป็น “V” |
ความลึกของถ้วย | 15% ถึง 30% ของขาขึ้นก่อนหน้า (ไม่ควรเกิน 40%) |
ตำแหน่งหูจับ (Handle) | ต้องอยู่ในครึ่งบนของตัวถ้วย |
ปริมาณการซื้อขาย (Volume) | ลดต่ำที่ก้นถ้วย / พุ่งสูงที่จุด Breakout |

สรุป
รูปแบบ Cup and Handle เป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมและผ่านการพิสูจน์มาอย่างยาวนาน จุดเด่นคือช่วยระบุช่วงพักตัวในแนวโน้มขาขึ้น และมักตามมาด้วยโอกาสทำกำไรเมื่อเกิดการ Breakout
อย่างไรก็ตาม การใช้งานต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกและการยืนยันด้วยปัจจัยเสริม เช่น Volume, แนวโน้มตลาดโดยรวม และอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพราะหากองค์ประกอบไม่ครบถ้วน ก็มีโอกาสเกิด False Breakout ได้สูง
ข้อดี:
ให้สัญญาณเข้าออกที่ค่อนข้างชัดเจน
อัตรา Risk/Reward น่าสนใจ
มีสถิติสนับสนุนจากตลาดหุ้นและคริปโตทั่วโลก
ข้อจำกัด:
ก่อตัวช้า ต้องใช้ความอดทน
ไม่เหมาะกับ Day Trader ที่ต้องการสัญญาณเร็ว
อาจถูกตีความผิดโดยนักลงทุนที่ขาดประสบการณ์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Cup and Handle (FAQ)
Cup and Handle เป็นรูปแบบกระทิงใช่หรือไม่?
ใช่ เป็นรูปแบบกระทิงต่อเนื่องที่บ่งชี้ว่าราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มจะกลับมาขึ้นต่อหลังจากพักตัว โดยเฉพาะเมื่อเกิดหลังแนวโน้มขาขึ้นเดิมที่แข็งแรง
กฎของรูปแบบ Cup and Handle มีอะไรบ้าง?
ควรมีแนวโน้มขาขึ้นมาก่อน ถ้วยเป็นรูป “U” ความลึกประมาณ 15–30% หูจับอยู่ในครึ่งบนของถ้วย ย่อตัวไม่ลึกเกินไป และต้องมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อทะลุแนวต้านของหูจับ
กรอบเวลา (Timeframe) ใดดีที่สุดสำหรับ Cup and Handle?
ใช้ได้หลายกรอบเวลา แต่โดยทั่วไปน่าเชื่อถือที่สุดในกราฟรายวันและรายสัปดาห์ เพราะสะท้อนการสะสมที่ลึกและมีน้ำหนักของผู้เล่นรายใหญ่
รูปแบบ Cup and Handle แม่นยำแค่ไหน?
ไม่มีรูปแบบใดแม่น 100% แต่เมื่อมี Volume ยืนยันและสอดคล้องกับแนวโน้มหลัก อัตราความสำเร็จถือว่าสูง ควรใช้งานร่วมกับการตั้ง Stop-loss ทุกครั้งเพื่อจำกัดความเสี่ยง
จะคำนวณเป้าหมายราคาของ Cup and Handle ได้อย่างไร?
วัดระยะจากก้นถ้วยถึงระดับ Breakout แล้วนำระยะนั้นไปบวกกับราคา Breakout เพื่อได้เป้าหมายขั้นต่ำ และควรพิจารณาร่วมกับโซน Fibonacci หรือแนวต้านสำคัญอื่น ๆ เพื่อประเมินความสมเหตุสมผล