ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำว่า “แชร์ลูกโซ่ หมาย ถึง” กลายเป็นคำที่คนไทยต้องรู้จักกันมากขึ้น หลังจากมีเหตุการณ์ฉ้อโกงประชาชนหลายครั้ง ที่ทำให้ผู้คนสูญเสียเงินทองนับล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นคดี Forex-3D หรือกลโกงคริปโตฯ ต่างๆ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การเข้าใจว่า แชร์ลูกโซ่ คืออะไร จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของกลโกงเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การลงทุนออนไลน์มีความซับซ้อนมากขึ้น และมักเสนอผลตอบแทนสูงที่ดูดีเกินจริง
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องราวของแชร์ลูกโซ่ ตั้งแต่กลไกการทำงาน จิตวิทยาที่ใช้หลอกลวง ไปจนถึงวิธีป้องกันตัวและแจ้งความเมื่อตกเป็นเหยื่อ
เจาะลึกคำว่า “แชร์ลูกโซ่”: กลไกการทำงานและความแตกต่างจากธุรกิจที่ถูกกฎหมาย
แชร์ลูกโซ่ คืออะไร กันแน่? ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Ponzi Scheme ซึ่งเป็นรูปแบบการฉ้อโกงที่อาศัยการจ่ายเงินให้กับนักลงทุนเก่าด้วยเงินที่ได้จากนักลงทุนใหม่ โดยไม่มีธุรกิจจริงหรือการสร้างผลกำไรแท้จริงเลย
กลไกแชร์ลูกโซ่ทำงานแบบง่ายๆ แต่ชาญฉลาด ผู้ดำเนินการจะเริ่มต้นด้วยการเสนอโครงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าปกติ เช่น 10-30% ต่อเดือน พร้อมกับการแสดงหลักฐานการจ่ายเงินให้กับนักลงทุนรายแรกๆ
เงินที่จ่ายให้กับนักลงทุนเก่าจะมาจากเงินลงทุนของคนใหม่ที่เข้ามาในระบบ ทำให้ดูเสมือนว่าการลงทุนนี้ได้ผลจริง แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงการหมุนเวียนเงินเท่านั้น
ลักษณะ
|
แชร์ลูกโซ่
|
ธุรกิจขายตรง (MLM)
|
---|
แหล่งรายได้หลัก
|
เงินลงทุนใหม่
|
การขายสินค้าจริง
|
---|
ผลิตภัณฑ์
|
ไม่มีหรือเป็นเพียงข้ออ้าง
|
สินค้าที่มีคุณค่าจริง
|
---|
ความยั่งยืน
|
ล้มเหลวเสมอ
|
สามารถดำเนินต่อไปได้
|
---|
ผลตอบแทน
|
สูงผิดปกติ
|
สมเหตุสมผล
|
---|
สิ่งที่ทำให้แชร์ลูกโซ่ หมาย ถึงการฉ้อโกงที่อันตรายมากคือ ในระยะแรกมันจะทำงานได้จริง ทำให้นักลงทุนคนแรกๆ ได้เงินตามที่สัญญา และกลายเป็นพยานให้กับความน่าเชื่อถือของโครงการ
แต่เมื่อจำนวนนักลงทุนใหม่ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง หรือเมื่อนักลงทุนเก่าเริ่มถอนเงินออกมาจำนวนมาก ระบบก็จะเริ่มล่มสลาย ผู้ที่เข้ามาในช่วงหลังก็จะถอนเงินไม่ได้ และสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
จิตวิทยาเบื้องหลังการหลอกลวง: ทำไมคนฉลาดถึงหลงกลกับดัก
หลายคนมักสงสัยว่าทำไมคนที่ดูจะฉลาดและมีการศึกษาถึงได้ตกเป็นเหยื่อของกลโกงแชร์ลูกโซ่ คำตอบอยู่ที่จิตวิทยาที่ผู้ฉ้อโกงใช้อย่างเชี่ยวชาญ
จิตวิทยาที่สำคัญที่สุดคือการใช้ความโลภของมนุษย์ เมื่อได้ยินว่าจะได้ผลตอบแทนสูงผิดปกติ สมองของเราจะเริ่มคิดถึงสิ่งที่จะได้มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
FOMO หรือ Fear of Missing Out เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ใช้บ่อย ผู้ฉ้อโกงจะสร้างความรู้สึกว่าโอกาสนี้จะหายไป และคนที่ไม่เข้าร่วมจะพลาดการทำกำไรครั้งสำคัญ
อคติทางปัญญาต่างๆ ก็มีบทบาทสำคัญ เช่น:
- Confirmation Bias: การมองหาข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อของเรา
- Overconfidence Bias: ความมั่นใจเกินเหตุในความสามารถของตัวเอง
- Social Proof: การเชื่อตามคนอื่นที่ดูเหมือนประสบความสำเร็จ
กระบวนการสร้างความน่าเชื่อถือเป็นอีกหนึ่งศิลปะที่ผู้ฉ้อโกงใช้ เรียกว่า “บันไดไต่ความไว้วางใจ” ซึ่งเริ่มจากการให้ผลตอบแทนเล็กๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น
เมื่อนักลงทุนเห็นว่าได้เงินจริงจากการลงทุนครั้งแรก ความไว้วางใจก็จะเพิ่มขึ้น และพร้อมจะลงทุนจำนวนมากขึ้นในรอบต่อไป
ที่ซับซ้อนกว่านั้นคือ หลายคนที่ได้เงินจากแชร์ลูกโซ่ในช่วงแรกจะกลายเป็นแม่ทีมที่ไม่รู้ตัว โดยเอาเงินที่ได้ไปอวดหรือชักชวนเพื่อนๆ ให้เข้าร่วม
วิวัฒนาการของ “แชร์ลูกโซ่” ในยุคดิจิทัล: กลโกงในตลาด Forex และคริปโต
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า รูปแบบของแชร์ลูกโซ่ก็ปรับตัวและซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาด Forex และ คริปโต ที่มีความซับซ้อนในตัวเอง
กลโกง Forex ที่โด่งดังที่สุดในประเทศไทยคือคดี Forex-3D ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำแชร์ลูกโซ่มาใช้ในรูปแบบใหม่ โดยอ้างว่าเป็นการเทรด Forex ที่ใช้เทคโนโลยี 3D
โครงการนี้สัญญาผลตอบแทนสูงถึง 15-20% ต่อเดือน พร้อมระบบการแนะนำที่ให้คอมมิชชั่นสูง ทำให้หลายคนกลายเป็นนักขายที่ไม่รู้ตัว
สิ่งที่ทำให้Forex-3D ดูน่าเชื่อถือคือการใช้คำศัพท์ทางเทคนิคที่ซับซ้อน การแสดงกราฟการเติบโตของพอร์ต และการมีสำนักงานที่ดูเป็นทางการ
สัญญาณเตือนที่ควรระวังเมื่อเจอโบรกเกอร์ Forex:
- ไม่มีใบอนุญาตโบรกเกอร์จากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
- สัญญาผลตอบแทนที่สูงเกินจริง
- ไม่สามารถถอนเงินไม่ได้เมื่อต้องการ
- ไม่มีการอธิบายกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน
- เน้นการหาคนมาร่วมมากกว่าการเทรดจริง
วิธีตรวจสอบโบรกเกอร์ Forex ที่ถูกต้อง:
- ตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์จาก CySEC, FCA หรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ
- ดูรีวิวจากแหล่งข้อมูลที่เป็นกลาง
- ทดสอบการถอนเงินด้วยจำนวนเล็กๆ ก่อน
- ตรวจสอบผ่านแอป SEC Check First
ในตลาดคริปโต สถานการณ์ก็ไม่ต่างกัน โครงการต่างๆ เช่น TukTuk Finance หรือ P Miner ก็เป็นตัวอย่างของการนำแชร์ลูกโซ่มาห่อหุ้มด้วยเทคโนโลยี Blockchain
กลโกง Crypto มักใช้คำศัพท์เช่น “DeFi”, “Yield Farming”, “Staking” เพื่อให้ดูทันสมัยและซับซ้อน แต่หลักการยังคงเป็นแชร์ลูกโซ่แบบเดิม
สิ่งที่ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นสนามเล่นที่ดีสำหรับมิจฉาชีพคือ:
- ความซับซ้อนที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจยาก
- การไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน
- ความต้องการผลตอบแทนสูงของนักลงทุน
- การโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ
รูปแบบกลโกงแชร์ลูกโซ่ที่ต้องระวัง
มิจฉาชีพมักใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายและปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง การรู้เท่าทันรูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้คุณป้องกันตัวเองได้ดียิ่งขึ้น:
- การเสนอผลตอบแทนสูงเกินจริงและเร่งรัดการตัดสินใจ: นี่คือกลโกงอันดับต้นๆ ที่มิจฉาชีพใช้ โดยเสนอผลตอบแทนที่สูงผิดปกติในระยะเวลาอันสั้น เช่น 10-30% ต่อเดือน หรือการันตีผลตอบแทนที่แน่นอน พร้อมทั้งสร้างความเร่งด่วนในการตัดสินใจ เช่น “วันนี้เท่านั้น” หรือ “มีจำนวนจำกัด” เพื่อกดดันให้คุณลงทุนโดยไม่ทันคิดไตร่ตรอง
- การอ้างว่า “ใคร ๆ ก็ลงทุน” หรือใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง: มิจฉาชีพมักสร้างภาพว่าโครงการนี้เป็นที่นิยมและประสบความสำเร็จ มีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วมลงทุนและร่ำรวยอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจมีการนำชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียง หรืออินฟลูเอนเซอร์มาแอบอ้าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นให้เกิดความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO)
- ธุรกิจที่จับต้องไม่ได้หรือขาดความโปร่งใส: โครงการแชร์ลูกโซ่มักอ้างว่าเป็นการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ชัดเจน หรือเป็นธุรกิจที่ซับซ้อนจนยากจะตรวจสอบได้ ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท แผนธุรกิจ หรือแหล่งที่มาของผลกำไรมักจะคลุมเครือ ไม่สามารถตรวจสอบได้จริง
- การแสดงหลักฐานธุรกิจปลอมหรืออ้างลงทุนต่างประเทศ: เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ มิจฉาชีพอาจแสดงเอกสารการจดทะเบียนบริษัทปลอม ใบอนุญาตที่ไม่มีอยู่จริง หรือสร้างเว็บไซต์บริษัทปลอม
- นอกจากนี้ยังอาจอ้างว่านำเงินไปลงทุนในตลาดต่างประเทศ เช่น ตลาดหุ้นต่างประเทศ การเทรดสกุลเงิน หรือร่วมมือกับบริษัทระดับโลก ซึ่งยากต่อการตรวจสอบและติดตาม
- ระบบการจ่ายเงินที่ซับซ้อน: กลโกงสมัยใหม่มักใช้ระบบการโอนเงินที่ซับซ้อน เช่น การแปลงเงินลงทุนเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นเอง หรือการโอนเงินผ่านบัญชีต่างประเทศหลายทอด เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการติดตามเงินคืน
เกราะป้องกันนักลงทุน: คู่มือการตรวจสอบและแนวทางแก้ไขสำหรับเหยื่อในประเทศไทย
การป้องกันตัวเองจากหลอกลงทุนที่ดีที่สุดคือการมีความรู้และความระมัดระวัง โดยเฉพาะวิธีตรวจสอบการลงทุนที่ถูกต้อง
วิธีตรวจสอบการลงทุนที่ปลอดภัย:
1. ใช้แอป SEC Check First แอปพลิเคชันที่ก.ล.ต. พัฒนาขึ้นเพื่อให้นักลงทุนตรวจสอบความถูกต้องของบริษัทและผลิตภัณฑ์การลงทุน
2. ตรวจสอบใบอนุญาต
- ดูใบอนุญาตโบรกเกอร์จากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
- ตรวจสอบว่าบริษัทจดทะเบียนจริงหรือไม่
- เช็คประวัติของผู้บริหารบริษัท
3. วิเคราะห์ผลตอบแทน หากมีการสัญญาผลตอบแทนสูงที่ผิดปกติ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ผลตอบแทนที่สูงเกินไปมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย
4. ทดสอบการถอนเงิน ก่อนลงทุนจำนวนใหญ่ ควรทดสอบด้วยเงินจำนวนเล็ก และลองถอนเงินออกมาดูว่าได้จริงหรือไม่
แนวทางสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ:
ขั้นตอนแรกที่ต้องทำทันที:
- หยุดการลงทุนเพิ่มเติม
- รวบรวมหลักฐานการโกงทั้งหมด
- ไม่แชร์ข้อมูลให้คนอื่นต่อ
การรวบรวมหลักฐาน:
- ใบเสร็จการโอนเงิน
- Screenshot การสนทนา
- ข้อมูลการติดต่อของผู้ขาย
- เอกสารโฆษณาหรือสื่อประกอบ
ช่องทางแจ้งความและร้องเรียน:
หน่วยงาน
|
ช่องทางติดต่อ
|
เหมาะสำหรับกรณี
|
---|
ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
|
โทร 1359
|
กลโกงการเงินนอกระบบทั่วไป
|
---|
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
|
โทร 1202 หรือ 1441
|
คดีฉ้อโกงประชาชนขนาดใหญ่, คดีพิเศษ, คดีข้ามจังหวัด (เช่น Forex-3D, The Icon Group)
|
---|
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์)
|
โทร 1441 หรือแจ้งความออนไลน์ที่ www.thaipoliceonline.com
|
อาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ, กลโกงที่ใช้ช่องทางดิจิทัล
|
---|
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
|
โทร 1207, Facebook Page: สำนักงาน กลต., SEC Live Chat บน www.sec.or.th
|
กลโกงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ภายใต้การกำกับดูแล เช่น หุ้น, คริปโต, สินทรัพย์ดิจิทัล
|
---|
การแจ้งความแชร์ลูกโซ่ DSI:
ขั้นตอนการแจ้งความ:
- โทรสายด่วน 1441 เพื่อแจ้งข้อมูลเบื้องต้น
- เตรียมเอกสารหลักฐานทั้งหมด
- ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่
- ติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
การร้องเรียน ก.ล.ต.: สามารถร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ของก.ล.ต. หรือโทรสายด่วน 1202 โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเรื่องการลงทุน
ข้อควรรู้ด้านกฎหมาย:
กฎหมายแชร์ลูกโซ่ในประเทศไทยถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกและปรับ
การกระทำความผิดฐานแชร์ลูกโซ่และธุรกิจขายตรงแอบแฝงแบบแชร์ลูกโซ่ ถือเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ในฐานร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
สิ่งที่น่าระวังคือ หากคุณได้ชักชวนคนอื่นมาร่วมลงทุนในโครงการที่ปรากฏว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ คุณอาจจะถูกดำเนินคดีด้วย แม้ว่าจะไม่ได้รู้ตัว
สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน: หลักการลงทุนที่ปลอดภัยในโลกการเงิน
การป้องกันตัวเองจากแชร์ลูกโซ่ หมาย ถึงการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยหลักการสามข้อหลัก
1. ความสงสัยที่มีเหตุผล (Healthy Skepticism) อย่าเชื่อข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง โดยเฉพาะเมื่อมีการสัญญาผลตอบแทนสูงที่ผิดปกติ การมีความสงสัยไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นเครื่องมือป้องกันที่สำคัญ
2. การตรวจสอบอย่างทั่วถึง ใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบบริษัท ผลิตภัณฑ์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
3. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โลกการเงินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รูปแบบการฉ้อโกงก็เปลี่ยนตามไปด้วย การติดตามข่าวสารและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้เรารู้ทันกลโกงได้
หลักการลงทุนที่ปลอดภัย:
- กระจายความเสี่ยง: ไม่ใส่ไข่ในตะกร้าใบเดียว
- ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ: หลีกเลี่ยงการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนเกินไป
- มีเป้าหมายที่ชัดเจน: รู้ว่าลงทุนเพื่ออะไร และมีแผนการออกที่ชัดเจน
- ไม่ลงทุนด้วยเงินกู้: ใช้เงินส่วนเกินที่สูญเสียแล้วไม่กระทบการดำรงชีวิต
การสร้างความรู้ทันกลโกง:
การศึกษาจากกรณีศึกษาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะช่วยให้เรารู้จักรูปแบบการฉ้อโกงใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
การติดตามข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ของก.ล.ต. หรือสื่อด้านการเงินที่มีชื่อเสียง
ภูมิคุ้มกันทางการเงินที่แข็งแกร่งไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการสั่งสมความรู้และประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเรามีความรู้และความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการลงทุน เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของฉ้อโกงประชาชนได้ง่าย และสามารถทำการลงทุนที่ปลอดภัยได้
ที่สำคัญคือ อย่าลืมแชร์ความรู้ที่ได้นี้ให้กับคนรอบข้าง การป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดคือการทำให้ทุกคนมีความรู้ เพื่อที่จะไม่มีใครตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่อีกต่อไป
สรุป
การเข้าใจว่า แชร์ลูกโซ่ หมาย ถึง อะไรเป็นเรื่องสำคัญในยุคที่การฉ้อโกงมีรูปแบบที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กลโกง Forex อย่าง Forex-3D หรือการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีที่ดูทันสมัย
ภูมิคุ้มกันทางการเงิน ที่แข็งแกร่งสามารถสร้างได้ด้วยการศึกษาอย่างต่อเนื่อง การมีความสงสัยที่สมเหตุสมผล และการ รู้ทันกลโกง ในรูปแบบต่างๆ
หากตกเป็นเหยื่อของ ฉ้อโกงประชาชน อย่าอายที่จะ แจ้งความแชร์ลูกโซ่ DSI ที่ สายด่วน 1441 หรือ ร้องเรียน ก.ล.ต. กลโกงลงทุน ที่ สายด่วน 1202 การรายงานจะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าหลงเชื่อ ผลตอบแทนสูง ที่ผิดปกติ เพราะในโลกการลงทุนที่แท้จริงไม่มีอะไรที่ “แน่นอน” และ “ปลอดภัย” ในเวลาเดียวกัน การสร้าง การลงทุนที่ปลอดภัย ต้องอาศัยความรู้ ความอดทน และการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
จำไว้ว่า การป้องกันตัวเองจากแชร์ลูกโซ่และการฉ้อโกงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในวันเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ต้องสั่งสมและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญกับการหลอกลวงในรูปแบบใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: แชร์ลูกโซ่ หมาย ถึง อะไรกันแน่?
A: แชร์ลูกโซ่ หมาย ถึง รูปแบบการฉ้อโกงที่ใช้เงินของนักลงทุนใหม่มาจ่ายให้นักลงทุนเก่า โดยไม่มีธุรกิจหรือการลงทุนจริง ทำให้ดูเหมือนว่าได้ผลกำไร แต่จริงๆ แล้วเป็นการหมุนเวียนเงินเท่านั้น
Q2: แชร์ลูกโซ่ คืออะไรที่ต่างจาก MLM?
A: แชร์ลูกโซ่ไม่มีสินค้าหรือบริการจริง รายได้มาจากเงินลงทุนของคนใหม่เท่านั้น ในขณะที่ MLM จะมีสินค้าจริงและสามารถขายได้ มีผลตอบแทนจากการขายสินค้าไม่ใช่แค่การชักชวนคนใหม่
Q3: ถ้าเจอกลโกง Forex ต้องทำอย่างไร?
A: หยุดการลงทุนทันที รวบรวมหลักฐานทั้งหมด และแจ้งความ แชร์ลูกโซ่ DSI ที่สายด่วน 1441 หรือร้องเรียน ก.ล.ต. การลงทุนที่สายด่วน 1202
Q4: วิธีตรวจสอบโบรกเกอร์ Forex ที่ถูกต้องคืออะไร?
A: ตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์จากหน่วยงานกำกับดูแล ใช้แอป SEC Check First และทดสอบการถอนเงินด้วยจำนวนเล็กๆ ก่อน อย่าเชื่อผลตอบแทนสูงที่ผิดปกติ
Q5: ถ้าถอนเงินไม่ได้จากโบรกเกอร์ต้องทำอย่างไร?
A: รวบรวมหลักฐานการโอนเงินและการสื่อสารทั้งหมด แจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ และโทรร้องเรียนที่สายด่วน 1441 (DSI) หรือ 1202 (ก.ล.ต.)
Q6: Forex-3D คืออะไร?
A: Forex-3D คือคดีกลโกงแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในไทย อ้างว่าเป็นการเทรด Forex ด้วยเทคโนโลยี 3D สัญญาผลตอบแทนสูง 15-20% ต่อเดือน แต่จริงๆ เป็นการหมุนเวียนเงินของนักลงทุน
Q7: จิตวิทยาใดที่ทำให้คนหลงกับดักแชร์ลูกโซ่?
A: ความโลภ, FOMO (ความกลัวพลาด), อคติทางปัญญา, และการเห็นคนอื่นสำเร็จ (Social Proof) เป็นจิตวิทยาหลักที่ผู้ฉ้อโกงใช้หลอกลวงเหยื่อ
Q8: ผลตอบแทนสูงแค่ไหนถึงจะน่าสงสัย?
A: ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารมากเกินไป (เช่น 10-30% ต่อเดือน) โดยไม่มีความเสี่ยงที่สมเหตุสมผล ถือว่าน่าสงสัยและควรระวัง
Q9: ถ้าเคยชักชวนคนอื่นเข้าแชร์ลูกโซ่จะผิดกฎหมายไหม?
A: อาจจะถูกดำเนินคดีได้ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่รู้เท่าไม่ทัน ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ ควรหยุดการชักชวนทันทีและแจ้งความ
Q10: ฉ้อโกงประชาชนในรูปแบบใหม่มีอะไรบ้าง?
A: กลโกงคริปโต, P2P Lending ปลอม, การลงทุนใน AI Trading Bot, และการใช้ Influencer หลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นรูปแบบใหม่ที่ต้องระวัง