คุณกำลังสงสัยว่า 1 pip เท่ากับกี่จุด อยู่ใช่มั้ย? คุณมาถูกที่แล้ว
ในโลกของการเทรด Forex ทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ การเข้าใจเรื่อง pip และ point ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก ไม่ใช่แค่รู้ตัวเลขเฉยๆ แต่ต้องเข้าใจว่าทำไมถึงมีหน่วยนี้ วิธีคำนวณ pip value อย่างไร และสุดท้ายคือ วิธีคำนวณกำไร forex จากข้อมูลเหล่านี้
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกรายละเอียด ตั้งแต่คำตอบตรงๆ ไปจนถึงการประยุกต์ใช้จริงในการเทรด รับรองว่าอ่านจบแล้วจะไม่งงอีกต่อไป
คำตอบด่วน: 1 Pip เท่ากับกี่จุด?
คำตอบชัดเจน: 1 Pip เท่ากับ 10 Points เสมอ
นี่คือกฎทองที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ Point เป็นหน่วยที่เล็กกว่าและแม่นยำกว่า Pip ทำให้เราสามารถวัดการเคลื่อนไหวของราคาได้ละเอียดขึ้น
ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หาก EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.1000 เป็น 1.1005 นั่นคือเคลื่อนไหว 5 pips หรือ 50 points
การที่เรามีทั้ง pip และ point นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากวิวัฒนาการของตลาด Forex ที่ต้องการความแม่นยำมากขึ้น
ทำไมถึงมี 2 หน่วย? เจาะลึกความแตกต่างระหว่าง Pip, Point และ Pipette
เมื่อก่อนในยุคเริ่มต้นของ Forex ออนไลน์ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะแสดงราคาเป็น 4 ตำแหน่งทศนิยม เช่น EUR/USD = 1.1234
แต่เมื่อตลาดแข่งขันรุนแรงขึ้น โบรกเกอร์เริ่มเพิ่มทศนิยมตำแหน่งที่ 5 เพื่อให้ spread แคบลงและเสนอราคาที่แม่นยำมากขึ้น เช่น EUR/USD = 1.12345
นิยามที่ชัดเจน:
- Pip: ตำแหน่งทศนิยมที่ 4 สำหรับคู่เงินทั่วไป (ตำแหน่งที่ 2 สำหรับคู่เงิน JPY)
- Point/Pipette: ตำแหน่งทศนิยมที่ 5 สำหรับคู่เงินทั่วไป (ตำแหน่งที่ 3 สำหรับคู่เงิน JPY)
สำหรับคู่เงิน JPY อย่าง USD/JPY ราคาจะแสดงเป็น 123.45 แทนที่จะเป็น 1.2345 เพราะเยนมีค่าต่ำกว่าดอลลาร์มาก
pip กับ point ต่างกันอย่างไร ก็คือ point เป็นหน่วยที่เล็กกว่า pip 10 เท่า ทำให้วัดการเคลื่อนไหวได้ละเอียดขึ้น
วิธีนับ Pip และ Point แบบมือโปร: คู่มือสำหรับทุกสินทรัพย์
การ นับ pip ให้ถูกต้องขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ที่เราเทรด แต่ละประเภทมีกฎการนับที่แตกต่างกัน
สำหรับคู่เงิน Forex ทั่วไป (เช่น EUR/USD, GBP/USD)
กฎทอง: Pip อยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 4, Point อยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 5
ตัวอย่าง: EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.12345 เป็น 1.12378
- การเปลี่ยนแปลง: 78 – 45 = 33 points
- แปลงเป็น pip: 33 ÷ 10 = 3.3 pips
คู่เงินหลัก อย่าง EUR/USD, GBP/USD, AUD/USD ใช้วิธีนับแบบนี้ทั้งหมด
สำหรับคู่เงินที่มี JPY (เช่น USD/JPY, EUR/JPY)
กฎทอง: Pip อยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 2, Point อยู่ที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 3
ตัวอย่าง: USD/JPY เคลื่อนไหวจาก 123.456 เป็น 123.523
- การเปลี่ยนแปลง: 523 – 456 = 67 points
- แปลงเป็น pip: 67 ÷ 10 = 6.7 pips
นับ pip JPY จึงต่างจาก คู่เงินเยน อื่นๆ เพราะมีทศนิยมน้อยกว่า
สำหรับทองคำ (XAU/USD) และโลหะมีค่า
สำหรับ pip ทองคำ การนับจะแตกต่างออกไป
กฎทอง: การเคลื่อนไหว $0.01 คือ 1 “tick” หรือ 1 “point”
ตัวอย่าง: ทองคำเคลื่อนไหวจาก $1,950.25 เป็น $1,951.50
- การเปลี่ยนแปลง: $1.25 = 125 ticks/points
- หาก XAUUSD จุด นับเป็น pip จะเท่ากับ 125 pips (แต่ในทองคำมักใช้คำว่า points มากกว่า)
สำหรับดัชนี (Indices) และน้ำมัน (Oil)
สำหรับดัชนี: การเคลื่อนไหว 1.00 คือ 1 point เต็ม สำหรับน้ำมัน: การเคลื่อนไหว 0.01 คือ 1 tick
ตัวอย่าง: US30 (Dow Jones) เคลื่อนไหวจาก 35,000 เป็น 35,025
- การเปลี่ยนแปลง: 25 points
นับ pip ดัชนี และ จุด Indices จึงตรงไปตรงมากว่าสกุลเงิน
จากการเคลื่อนไหวสู่ตัวเงิน: ทำความเข้าใจ “Pip Value”
รู้วิธีนับ pip แล้ว แต่ pip value คืออะไร?
Pip Value คือมูลค่าทางการเงินของการเคลื่อนไหว 1 pip ซึ่งจะแปรผันตาม:
- ประเภทสินทรัพย์ที่เทรด
- สกุลเงินในบัญชี
- Lot Size ที่ใช้เทรด
มูลค่า Pip ไม่ใช่ตัวเลขคงที่ แต่จะเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยเหล่านี้ เป็นเหตุผลว่าทำไมเทรดเดอร์มืออาชีพถึงต้องคำนวณทุกครั้งก่อนเปิดออเดอร์
จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ: Lot Size คืออะไร?
Lot Size คือหน่วยมาตรฐานในการวัดปริมาณการซื้อขาย เปรียบเหมือนการซื้อไข่เป็นแผง ไข่เป็นฟอง
ประเภท Lot Size มาตรฐาน:
ประเภท Lot
|
ขนาด (หน่วย)
|
ตัวอย่าง Forex
|
ตัวอย่างทองคำ
|
---|
Standard Lot
|
1.00
|
100,000 หน่วยเงิน
|
100 ออนซ์
|
---|
Mini Lot
|
0.10
|
10,000 หน่วยเงิน
|
10 ออนซ์
|
---|
Micro Lot
|
0.01
|
1,000 หน่วยเงิน
|
1 ออนซ์
|
---|
Nano Lot
|
0.001
|
100 หน่วยเงิน
|
0.1 ออนซ์
|
---|
lot size forex คืออะไร จึงเป็นตัวกำหนดระดับความเสี่ยงและผลกำไรในการเทรด ยิ่ง ขนาดล็อตเทรด ใหญ่ ยิ่งได้กำไรหรือขาดทุนมาก
มาตรฐานล็อต เหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์จัดการความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ
สูตรคำนวณ Pip Value ฉบับจับมือทำ
สูตรหลัก:
Pip Value = (Pip ในทศนิยม × Lot Size) ÷ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
มาดูตัวอย่างจริงกัน:
ตัวอย่างที่ 1: บัญชี USD เทรดคู่เงิน USD เป็นสกุลเงินอ้างอิง
กฎง่าย: สำหรับคู่เงินที่ลงท้ายด้วย USD (เช่น EUR/USD, GBP/USD) ในบัญชี USD
คำนวณ Pip Value USD:
- Standard Lot (1.00): $10 ต่อ pip
- Mini Lot (0.10): $1 ต่อ pip
- Micro Lot (0.01): $0.10 ต่อ pip
ตัวอย่าง Pip Value: หากเทรด EUR/USD ด้วย 0.5 lot Pip Value = $10 × 0.5 = $5 ต่อ pip
ตัวอย่างที่ 2: บัญชี USD เทรด USD เป็นสกุลเงินหลัก
สำหรับคู่เงินอย่าง USD/JPY การคำนวณซับซ้อนกว่า
คำนวณ Pip Value USD JPY: สมมติ USD/JPY = 150.00, เทรด 1.00 lot
Pip Value = (0.01 × 100,000) ÷ 150.00 = ¥1,000 ÷ 150.00 = $6.67
ตัวอย่าง Pip Value ที่ซับซ้อน นี้แสดงให้เห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนมีผลต่อ pip value
ตัวอย่างที่ 3: การคำนวณสำหรับทองคำ (XAU/USD)
คำนวณ Pip Value ทองคำ ง่ายกว่าคู่เงิน
สูตร: การเปลี่ยนแปลง $0.01 × จำนวนออนซ์ = มูลค่าใน USD
ตัวอย่าง: เทรดทองคำ 1.00 lot (100 ออนซ์) ทองคำขึ้น $0.50 = 50 ticks มูลค่า Pip XAUUSD = $0.01 × 100 × 50 = $50
Pip Gold จึงคำนวณได้ตรงไปตรงมา
การนำไปใช้จริง: คำนวณกำไร-ขาดทุนจาก Pips
สูตรสุดท้าย
สูตรกำไรขาดทุน:
กำไร/ขาดทุน = จำนวน Pips ที่เคลื่อนไหว × Pip Value
ตัวอย่าง
สถานการณ์: ซื้อ GBP/USD ที่ 1.2500 ด้วย 0.2 lot
รายละเอียด:
- Entry: 1.2500
- Exit: 1.2565
- การเคลื่อนไหว: 65 pips กำไร
- Pip Value: $10 × 0.2 = $2 ต่อ pip
การคำนวณ Pips: กำไร = 65 pips × $2 = $130
ตัวอย่างคำนวณกำไร นี้แสดงขั้นตอนที่เทรดเดอร์ต้องทำทุกครั้ง
คำนวณขาดทุน Pip ก็ใช้สูตรเดียวกัน แต่จะเป็นตัวเลขลบ
ประโยชน์ของการคำนวณ Pip Value ที่นักเทรดต้องรู้
การทำความเข้าใจและคำนวณ Pip Value อย่างแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดทุกคน เพราะช่วยให้สามารถวางแผนและบริหารความเสี่ยงได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์หลักๆ ได้แก่:
- กำหนดความเสี่ยงที่แม่นยำ คุณสามารถทราบได้อย่างชัดเจนว่าหากการเทรดชนจุด Stop Loss จะขาดทุนเป็นจำนวนเงินเท่าใด หรือหากชน Take Profit จะได้กำไรเท่าไหร่ สิ่งนี้ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าการเทรดนั้นคุ้มค่ากับความเสี่ยงหรือไม่
- คำนวณ Lot Size ที่เหมาะสม เมื่อคุณทราบ Pip Value คุณจะสามารถกำหนดขนาดล็อต (Lot Size) ที่เหมาะสมกับการบริหารความเสี่ยงของคุณได้ ตัวอย่างเช่น นักเทรดมืออาชีพมักจะจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดไว้ที่ 1-2% ของเงินทุนทั้งหมด การคำนวณ Pip Value ช่วยให้คุณปรับ Lot Size ให้สอดคล้องกับเป้าหมายความเสี่ยงนี้
- ประเมินผลตอบแทนต่อความเสี่ยง การรู้ Pip Value ช่วยให้คุณประเมินอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Risk-Reward Ratio) ของการเทรดแต่ละครั้งได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณสามารถเลือกเทรดที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูงและมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Pip กับต้นทุนการเทรด: ทำความเข้าใจ Bid-Ask Spread
ในตลาด Forex ราคาที่คุณเห็นมักจะประกอบด้วยสองส่วนคือ ราคา Bid (ราคาที่คุณสามารถขายได้) และราคา Ask (ราคาที่คุณสามารถซื้อได้) ความแตกต่างระหว่างสองราคานี้เรียกว่า “Spread” หรือ “Bid-Ask Spread”
Spread นี้คือต้นทุนหลักของการเทรด และมักจะถูกวัดเป็น pips ตัวอย่างเช่น หากคู่ EUR/USD มีราคา Bid ที่ 1.1009 และราคา Ask ที่ 1.1014 นั่นหมายความว่า Spread คือ 5 pips (1.1014 – 1.1009 = 0.0005 หรือ 5 pips)
การทำความเข้าใจว่า Spread ถูกวัดเป็น pips มีความสำคัญเพราะ:
- ส่งผลต่อกำไรขาดทุนทันที เมื่อคุณเปิดการเทรด คุณจะเริ่มต้นด้วยการขาดทุนเท่ากับค่า Spread ทันที เพราะคุณซื้อที่ราคา Ask ที่สูงกว่า และหากปิดทันทีจะขายที่ราคา Bid ที่ต่ำกว่า
- การคำนวณจุดคุ้มทุน คุณต้องคำนวณให้ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คุณต้องการอย่างน้อยเท่ากับ Spread เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนก่อนที่จะเริ่มทำกำไร
ทางลัดสำหรับเทรดเดอร์: เครื่องคำนวณ Pip และเครื่องมือบนแพลตฟอร์ม
แนะนำเครื่องคำนวณ Pip
การคำนวณด้วยมือทุกครั้งใช้เวลามาก เครื่องคำนวณ pip ออนไลน์จึงเป็นเครื่องมือที่จำเป็น
ฟีเจอร์ของ Pip Calculator:
- ใส่สกุลเงินบัญชี คู่เงิน และ lot size
- ได้ผล Pip Value ทันที
- อัปเดตตามอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์
เครื่องมือเทรด เหล่านี้ช่วยประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาด
การใช้เครื่องมือในแพลตฟอร์ม
เครื่องมือ MT4 MT5 มี Crosshair Tool ที่มีประโยชน์มาก
วิธีใช้:
- กดปุ่ม Crosshair (เครื่องหมาย +)
- ลากจากจุดเริ่มต้นไปจุดสิ้นสุด
- จะแสดงระยะทางเป็น points, pips และมูลค่าเงิน
Crosshair เทรด และ วัดระยะ Pip ทำให้วิเคราะห์ชาร์ตได้รวดเร็วขึ้น
เครื่องมือเหล่านี้มีมาให้ใช้ฟรีในแพลตฟอร์มเทรด ไม่ต้องไปหาโปรแกรมเพิ่มจากที่อื่น
เทคนิคขั้นสูงสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ
การใช้ Pip ในการตั้ง Stop Loss และ Take Profit
เมื่อเข้าใจ pip value แล้ว การตั้ง Stop Loss จะแม่นยำขึ้น
ตัวอย่าง: บัญชี $10,000 ยอมรับความเสี่ยง 2% = $200 หาก pip value = $5 ดังนั้น Stop Loss = $200 ÷ $5 = 40 pips
การจัดการ Position Size ด้วย Pip
หลักการ: กำหนดความเสี่ยงต่อเทรดก่อน จากนั้นคำนวณ lot size ที่เหมาะสม
Lot Size = ความเสี่ยงที่ยอมรับ ÷ (Stop Loss pips × Pip Value)
Pip ในการวิเคราะห์เทคนิค
เทรดเดอร์มักใช้ pip เป็นหน่วยวัด:
- Average True Range (ATR)
- ระดับ Support/Resistance
- เป้าหมายจาก Pattern ต่างๆ
การใช้ pip เป็นมาตรฐานทำให้เปรียบเทียบได้ง่าย
ความผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีหลีกเลี่ยง
ข้อผิดพลาดที่ 1: สับสนระหว่าง Pip กับ Point
วิธีแก้: จำไว้ว่า 1 pip = 10 points เสมอ
ข้อผิดพลาดที่ 2: ไม่คำนวณ Pip Value ก่อนเทรด
วิธีแก้: ใช้เครื่องคำนวณหรือตารางอ้างอิงก่อนเปิดออเดอร์ทุกครั้ง
ข้อผิดพลาดที่ 3: ใช้ Lot Size ผิด
วิธีแก้: เช็คให้แน่ใจว่าใส่ lot size ถูกต้องก่อนกด Buy/Sell
ข้อผิดพลาดที่ 4: ไม่เข้าใจคู่เงิน JPY
วิธีแก้: จำไว้ว่าคู่เงิน JPY มีทศนิยมน้อยกว่าคู่เงินอื่น 2 ตำแหน่ง
ข้อผิดพลาดที่ 5: คำนวณความเสี่ยงผิด
สาเหตุ: ใช้ pip value ผิด หรือไม่นับ spread
วิธีแก้: รวม spread เข้าไปในการคำนวณ Stop Loss ด้วย
เคล็ดลับ: ใช้สูตร Stop Loss = Technical Stop Loss + Average Spread
ข้อผิดพลาดที่ 6: ไม่เข้าใจผลกระทบของ Leverage
สาเหตุ: คิดว่า leverage ไม่ส่งผลต่อ pip value
วิธีแก้: เข้าใจว่า leverage มีผลต่อ margin ไม่ใช่ pip value แต่ส่งผลต่อความเสี่ยงโดยรวม
ข้อผิดพลาดที่ 7: ใช้ข้อมูลเก่าในการคำนวณ
สาเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
วิธีแก้: ใช้ข้อมูลแบบ Real-time จากแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือออนไลน์
ข้อควรระวังและเคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับมือใหม่
สำหรับนักเทรดมือใหม่ การทำความเข้าใจเรื่อง Pip และ Point อาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่ด้วยการฝึกฝนและเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในการเทรดได้:
- เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง ฝึกฝนการคำนวณ Pip Value และการจัดการ Lot Size ในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนที่จะใช้เงินจริงเสมอ สิ่งนี้ช่วยให้คุณคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มและกลไกการเทรดโดยไม่มีความเสี่ยง
- ทำความเข้าใจความสัมพันธ์ จดจำเสมอว่า 1 Pip เท่ากับ 10 Points และ Pip Value จะเปลี่ยนแปลงไปตามคู่เงิน ขนาดล็อต และสกุลเงินในบัญชีของคุณ
- ใช้เครื่องมือช่วย อย่าลังเลที่จะใช้เครื่องคำนวณ Pip Value ออนไลน์ หรือเครื่องมือที่โบรกเกอร์ของคุณมีให้ เพื่อความแม่นยำและประหยัดเวลา
- เน้นการบริหารความเสี่ยง ก่อนเปิดการเทรดทุกครั้ง ให้กำหนด Stop Loss และ Take Profit ที่ชัดเจนโดยอิงจากจำนวน pips ที่คุณยอมรับความเสี่ยงได้ และคำนวณ Lot Size ให้สอดคล้องกับเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงของเงินทุนที่คุณตั้งไว้
- ศึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลาด Forex มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การอัปเดตความรู้เกี่ยวกับแนวคิดใหม่ๆ และเทคโนโลยีการเทรดจะช่วยให้คุณก้าวทันตลาด
เทคนิคเพิ่มเติมสำหรับมืออาชีพ
การใช้ Position Sizing Calculator: เทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้เครื่องมือคำนวณ position size อัตโนมัติ ที่รวม pip value, account balance, risk percentage ไว้ด้วยกัน
การสร้าง Excel Sheet สำหรับคำนวณ:
คอลัมน์ที่ต้องมี:
- คู่เงิน
- ราคาปัจจุบัน
- Lot Size
- Pip Value
- Risk Amount
- Stop Loss pips
- Position Size ที่แนะนำ
การใช้ Multiple Time Frame: เมื่อวิเคราะห์ pip target บน time frame ใหญ่ (H4, Daily) แล้วเข้าเทรดบน time frame เล็ก (M15, H1) จะได้ pip target ที่แม่นยำขึ้น
เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้ทำให้ความรู้เรื่อง pip หมดความสำคัญ แต่กลับยิ่งสำคัญมากขึ้น
เหตุผล:
- Algorithm ต้องการข้อมูลที่แม่นยำ: โค้ดต้องรู้ pip value เพื่อคำนวณ position size
- การ Backtesting ใช้ pip เป็นหน่วยวัด: ผลกำไรขาดทุนในอดีตจะแสดงเป็น pips
- Risk Management ขึ้นอยู่กับ pip value: EA ต้องคำนวณความเสี่ยงต่อเทรด
- Slippage ส่งผลต่อ pip: ต้องนับรวมการหลุดราคาในการคำนวณ
การเทรดด้วย Expert Advisor (EA): แม้ EA จะเทรดให้อัตโนมัติ แต่เทรดเดอร์ยังต้องเข้าใจพื้นฐาน pip เพื่อ:
- ตั้งค่า EA ให้ถูกต้อง
- ตรวจสอบผลการเทรด
- ปรับแต่งความเสี่ยง
High-Frequency Trading (HFT): เทรดเดอร์ที่ใช้ HFT ต้องคำนวณ pip value ในระดับ microsecond เพราะกำไรมาจากการเก็บ pip น้อยๆ หลายๆ ครั้ง
Machine Learning ในการทำนาย Pip: AI สมัยใหม่สามารถวิเคราะห์ pattern และทำนายการเคลื่อนไหวเป็น pip ได้ แต่ต้องเข้าใจพื้นฐานก่อน
การเทรด Copy Trading และ Social Trading
Copy Trading: เมื่อ copy เทรดเดอร์คนอื่น ต้องเข้าใจ pip value ของบัญชีตัวเอง เพราะ:
- Lot size อาจแตกต่างกัน
- สกุลเงินบัญชีอาจต่างกัน
- ผลกำไรขาดทุนจะไม่เหมือนกัน
Social Trading Platform: แพลตฟอร์มจะแสดงผลการเทรดเป็น pips แต่ต้องคำนวณเงินจริงด้วย pip value ของตัวเอง
การใช้ API ในการเทรด
เทรดเดอร์ที่ใช้ API เพื่อเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มต่างๆ ต้องเข้าใจ:
- Price Feed: ข้อมูลราคาจะมาเป็น points
- Order Management: ต้องส่ง lot size และ pip value ที่ถูกต้อง
- Real-time Calculation: คำนวณ pip value แบบ real-time
Blockchain และ DeFi Trading
Decentralized Exchange (DEX): การเทรดบน DEX มีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะ:
- Gas Fee ส่งผลต่อ pip value
- Slippage สูงกว่า Forex ทั่วไป
- ต้องคำนวณ Impermanent Loss
Yield Farming: แม้ไม่ใช่การเทรดโดยตรง แต่ผลตอบแทนมักคำนวณในรูปแบบคล้าย pip
Pip ในตลาดคริปโตและ DeFi: หน่วยวัดที่กำลังพัฒนา
แม้ว่า Pip จะเป็นแนวคิดที่ถือกำเนิดขึ้นในตลาด Forex แต่ด้วยการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัล (Crypto) และการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) คำถามที่ว่า Pip มีบทบาทอย่างไรในพื้นที่เหล่านี้จึงมีความสำคัญมากขึ้น
ความท้าทายในการประยุกต์ใช้ Pip กับ Crypto:
- ความผันผวนสูง สกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนของราคาสูงกว่าคู่เงิน Forex ทั่วไปมาก ทำให้การกำหนด “Pip” ที่เป็นมาตรฐานอาจทำได้ยากขึ้น
- โครงสร้างราคาที่แตกต่างกัน สินทรัพย์ดิจิทัลบางชนิดมีราคาที่สูงมากและมีทศนิยมน้อยกว่า ในขณะที่บางชนิดมีราคาต่ำมากและมีทศนิยมจำนวนมาก
- Gas Fee และ Slippage ในการเทรดบน Decentralized Exchange (DEX) ค่าธรรมเนียม Gas Fee และ Slippage อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลกำไรขาดทุนในหน่วยที่เล็กที่สุด ซึ่งต้องนำมาพิจารณาร่วมกับการเคลื่อนไหวของราคา
แนวโน้มการใช้ Pip ในอนาคตของ Crypto/DeFi:
- การกำหนดหน่วยย่อยเฉพาะ ตลาดคริปโตอาจพัฒนาหน่วยวัดการเคลื่อนไหวราคาที่คล้ายคลึงกับ Pip แต่ปรับให้เข้ากับลักษณะเฉพาะของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆ
- การวิเคราะห์เชิงปริมาณ นักเทรดเชิงปริมาณและอัลกอริทึมยังคงใช้การเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กที่สุด (คล้ายกับ Pip) ในการสร้างแบบจำลองและกลยุทธ์การเทรดความถี่สูง (HFT)
- ความโปร่งใสของ Blockchain เทคโนโลยี Blockchain อาจนำมาซึ่งวิธีการคำนวณและแสดงผลการเคลื่อนไหวของราคาที่โปร่งใสและตรวจสอบได้มากขึ้น
แนวโน้มอนาคตของ Pip และ Point
การเพิ่มทศนิยมในอนาคต
บางโบรกเกอร์เริ่มเสนอ 6 ทศนิยม สำหรับคู่เงินหลัก อาจทำให้เกิดหน่วยเล็กกว่า point
การรวม Crypto ในระบบ Pip
สกุลเงินดิจิทัลอาจมีระบบการนับ pip ที่แตกต่าง เพราะความผันผวนสูงกว่า
เทคโนโลยี Blockchain
อาจนำไปสู่ความโปร่งใสในการคำนวณและแสดง pip value
ด้านล่างนี้คือข้อความที่คุณส่งมา โดยปรับให้ ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ในสไตล์มืออาชีพ พร้อมคง เนื้อหาเดิมทุกจุด ไว้ครบถ้วน:
กรณีศึกษา: การใช้ Pip ในสถานการณ์จริง
กรณีศึกษาที่ 1: การเทรดข่าว
สถานการณ์: การประกาศตัวเลข Non-Farm Payroll ของสหรัฐฯ
การเตรียมการ:
- คำนวณมูลค่า pip สำหรับคู่เงินที่มี USD
- ตั้ง Stop Loss ให้กว้างกว่าปกติ (เนื่องจากความผันผวนสูง)
- ลดขนาด Lot เพื่อชดเชย Stop Loss ที่กว้างขึ้น
ผลลัพธ์: EUR/USD เคลื่อนไหวถึง 150 pips ภายในเวลาเพียง 30 นาที
หาก pip value = $1 และใช้ lot size = 0.5 lot
กำไร = 150 × $1 × 0.5 = $75
กรณีศึกษาที่ 2: การทำกำไรจาก Swap
สถานการณ์: การเทรด AUD/JPY เพื่อเก็บดอกเบี้ยบวก (Positive Swap)
การคำนวณ:
- Pip value สำหรับ AUD/JPY = ¥1,000 ÷ อัตราแลกเปลี่ยน USD/JPY
- คำนวณค่า Swap ที่ได้รับต่อคืน
- กำหนดเป้าหมาย pip ให้ครอบคลุม Spread และ Commission
ผลลัพธ์: ถือ Position เป็นเวลา 3 เดือน ได้รับ Swap รวม $200 พร้อม Capital Gain อีก 300 pips
กรณีศึกษาที่ 3: การป้องกันความเสี่ยง
สถานการณ์: บริษัทส่งออกต้องการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
การวางแผน:
- คำนวณ Exposure ในสกุลเงินต่างประเทศ
- หามูลค่า pip ของคู่เงินที่เกี่ยวข้อง
- เปิด Position ในทิศทางตรงข้ามเพื่อชดเชยความเสี่ยง
ผลลัพธ์: ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ถึง 80% ด้วยต้นทุนเพียง 50 pips
กรณีศึกษาที่ 4: การกระจายความเสี่ยงของพอร์ต
สถานการณ์: กองทุนต้องการกระจายความเสี่ยงในหลายคู่เงิน
วิธีการ:
- คำนวณมูลค่า pip โดยอิงจากสกุลเงินฐาน (USD)
- กำหนดสัดส่วน (น้ำหนัก) ของแต่ละคู่เงินในพอร์ต
- ปรับขนาด Lot ของแต่ละ Position ให้มีความเสี่ยงเท่ากัน
ผลลัพธ์: ลดความเสี่ยงโดยรวมลงได้ 40% เมื่อเทียบกับการถือ Position ในคู่เงินเดียว
สรุปและข้อเสนอแนะสุดท้าย
สรุป Pip Point ที่สำคัญ:
- 1 pip เท่ากับ 10 points เสมอ
- Pip value ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ สกุลเงินบัญชี และ lot size
- การคำนวณกำไรขาดทุน = pips × pip value
- ใช้เครื่องมือช่วยคำนวณเพื่อความแม่นยำ
คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์:
- ฝึกคำนวณ pip ให้ชำนาญ
- ใช้เครื่องคำนวณเป็นเครื่องมือช่วย
- เช็ค pip value ก่อนเทรดทุกครั้ง
- จัดการความเสี่ยงด้วยหลัก pip
- อัปเดตความรู้ตามเทคโนโลยีใหม่
การเทรดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพต้องเริ่มจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความเข้าใจเรื่อง pip และ point คือรากฐานสำคัญที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จในการเทรด
อย่าลืมว่าการเทรดมีความเสี่ยง ใช้เงินที่พร้อมจะเสียได้เท่านั้น และศึกษาให้มากก่อนลงทุนจริง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: 1 pip เท่ากับกี่จุด?
A: 1 pip เท่ากับ 10 points เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคู่เงินไหน
Q2: Pip Value ของทองคำ (XAUUSD) คือเท่าไหร่?
A: สำหรับทองคำ 1 lot (100 ออนซ์) การเคลื่อนไหว $0.01 มีค่าเท่ากับ $1 ต้องคำนวณตาม lot size ที่ใช้
Q3: ฉันจำเป็นต้องคำนวณ Pip Value ทุกครั้งหรือไม่?
A: ควรคำนวณทุกครั้ง หรือใช้เครื่องคำนวณ pip เพื่อความแม่นยำ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
Q4: Lot Size ที่เล็กที่สุดที่ฉันสามารถเทรดได้คือเท่าไหร่?
A: ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ โดยทั่วไปคือ 0.01 lot (Micro Lot) แต่บางโบรกเกอร์อนุญาตให้เทรด 0.001 lot (Nano Lot)
Q5: pip กับ point ใช้กับสินทรัพย์ไหนได้บ้าง?
A: ใช้ได้กับ Forex, ทองคำ, เงิน, น้ำมัน และดัชนี แต่การนับอาจแตกต่างกันไปตามประเภทสินทรัพย์
Q6: เครื่องคำนวณ pip ที่ไหนน่าเชื่อถือ?
A: ส่วนใหญ่โบรกเกอร์จะมีให้บนเว็บไซต์ หรือสามารถใช้ของ Investing.com, XM ได้
Q7: ทำไม JPY ต่างจากคู่เงินอื่น?
A: เพราะค่าเงินเยนต่ำกว่าดอลลาร์มาก จึงใช้ทศนิยมน้อยกว่า คือ 2-3 ตำแหน่งแทนที่จะเป็น 4-5 ตำแหน่ง