ในตลาด Forex ความผันผวนไม่ใช่ศัตรูเสมอไป หากคุณรู้จักใช้ให้เป็น ความผันผวนก็อาจกลายเป็นเครื่องมือที่พาคุณทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะกับ “คู่เงินที่วิ่งแรง” ที่เป็นจุดหมายของนักเทรดหลายราย ไม่ว่าจะเป็นพวกเก็งกำไรระยะสั้นหรือเทรดเดอร์ที่ต้องการจังหวะเก็งกำไรจากข่าว
แต่ด้านหนึ่งของดาบที่แหลมนี้คือความเสี่ยงที่สูงตามมา ราคาที่พุ่งหรือร่วงร้อยกว่าพิพ อาจสร้างกำไรได้ในไม่กี่นาที หรือก็อาจทำลายพอร์ตของคุณได้เช่นกัน ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวง แต่อยู่ที่ “วินัย ระบบ และการประเมินความเสี่ยง”
คู่มือนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมของคู่เงินที่มีความผันผวนสูง ทั้งปัจจัยที่ขับเคลื่อน กลุ่มคู่เงินที่ควรจับตาในปี 2025 และกลยุทธ์เฉพาะทางที่ช่วยเปลี่ยนความผันผวนให้เป็นโอกาส พร้อมเคล็ดลับการป้องกันตัวอย่างมืออาชีพ

คู่เงินที่ “วิ่งแรง” คืออะไร และทำไมนักเทรดถึงสนใจ
คำว่า “คู่เงินที่วิ่งแรง” ไม่ใช่ศัพท์กีฬา แต่เป็นคำเรียกติดปากของนักทรีดที่ใช้กับคู่เงินที่มี ความผันผวนสูง (Volatility) — ซึ่งหมายถึง ราคาที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรงในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยทั่วไปวัดจากจำนวน “พิพ (Pips)” ที่เคลื่อนไหวเฉลี่ยแต่ละวัน
ยิ่งพิพที่เคลื่อนไหวมากเท่าไร แปลว่ามีโอกาส “เปิด-ปิด” แล้วทำกำไรจากความแตกต่างได้เร็วและมากขึ้น โดยเฉพาะนัก สกาล์ปเปอร์ (Scalper) และ เดย์เทรดเดอร์ ที่ต้องอาศัยแรงดันของราคาในการทำกำไรทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนสูงก็คือความเสี่ยงสูง หากคุณคาดทิศทางพลาดแม้เพียงเล็กน้อย การขาดทุนก็อาจบานปลายอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่มีระบบป้องกันที่ดี เช่น การตั้งคำสั่งตัดขาดทุน (Stop Loss) หรือบริหารขนาดตำแหน่ง (Position Sizing) อย่างมีวินัย

10 คู่เงินที่ผันผวนที่สุดในปี 2025 (อัปเดตล่าสุด)
ต่อไปนี้คือรายชื่อคู่เงินที่มีความผันผวนสูงที่สุด จัดอันดับตามค่าเฉลี่ยการเคลื่อนไหวรายวัน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักเพื่อให้เข้าใจรูปแบบการเคลื่อนไหวได้ง่าย
| อันดับ | คู่เงิน | ประเภท | การเคลื่อนไหวเฉลี่ย (พิพ/วัน) |
|---|
| 1 | GBP/JPY | คู่เงินรอง (Minor) | 150 – 250 |
| 2 | GBP/AUD | คู่เงินรอง (Minor) | 140 – 220 |
| 3 | EUR/NZD | คู่เงินรอง (Minor) | 130 – 200 |
| 4 | AUD/JPY | คู่เงินรอง (Minor) | 120 – 190 |
| 5 | USD/ZAR | คู่เงินเอกซ์โซติก (Exotic) | 1,000 – 2,000+ |
| 6 | USD/TRY | คู่เงินเอกซ์โซติก (Exotic) | 1,500 – 3,000+ |
| 7 | GBP/USD | คู่เงินหลัก (Major) | 100 – 160 |
| 8 | USD/CAD | คู่เงินหลัก (Major) | 90 – 150 |
| 9 | EUR/JPY | คู่เงินรอง (Minor) | 90 – 140 |
| 10 | XAU/USD (ทองคำ) | สินค้าโภคภัณฑ์ | 1,500 – 3,000+ (point) |
หมายเหตุ: ตัวเลขเป็นค่าประมาณ ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเปิดเผยข้อมูลในแต่ละวัน อาจแตกต่างกันระหว่างโบรกเกอร์

ทำไมคู่เงินพวกนี้ถึง “วิ่งแรง” สามกลุ่มหลักที่ต้องรู้
การรู้ว่า “อะไรขับเคลื่อนความผันผวน” คือกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ตลาดอย่างแม่นยำ
1. คู่เงินเอกซ์โซติก (Exotic Pairs): ผันผวนจากความเสี่ยงประเทศ
คู่เงินเช่น USD/TRY หรือ USD/ZAR ถือว่ามีความผันผวนสูงมาก เหตุผลหลักคือความอ่อนไหวต่อปัจจัยในประเทศของคู่เงินที่ไม่ใช่สกุลหลัก เช่น:
- ความไม่แน่นอนทางการเมือง (เช่น การประท้วง รัฐประหาร)
- วิกฤตเศรษฐกิจภายใน (เช่น เงินเฟ้อพุ่ง ดุลการค้าขาดดุลหนัก)
- สภาพคล่องต่ำ ทำให้สเปรดกว้าง และ “การกระดอนของราคา” (gapping) บ่อยครั้ง
ตัวอย่าง: ในช่วงที่ตุรกีเผชิญ อัตราเงินเฟ้อเกิน 80% และนโยบายดอกเบี้ยผิดปกติ ค่าเงินลีรา (TRY) ร่วงแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ USD/TRY พุ่งจาก 8 ไปถึง 20+ ในเวลาเพียงปีเดียว
2. คู่เงินไขว้ที่มี GBP และ JPY: ปะทะนโยบายการเงิน
คู่เงินอย่าง GBP/JPY หรือ GBP/AUD มีความผันผวนที่สูง เพราะเป็นการเผชิญหน้าของ “นโยบายการเงินขั้วตรงข้ามกัน”
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE): มักขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ): ยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดต่ำมานาน สนับสนุนให้ “ยืมเยนมาลงทุนที่อื่น” (Carry Trade)
เมื่อ BoE ประกาศขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินปอนด์แข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เยนยังอ่อนต่อเนื่อง ทำให้ GBP/JPY พุ่งแรงทันทีในชั่วข้ามคืน
3. คู่เงินเกี่ยวสินค้าโภคภัณฑ์: ตามราคาแร่และพลังงาน
คู่เงินที่สัมพันธ์กับสินค้าโภคภัณฑ์มีพฤติกรรมวิ่งตามราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
- AUD/USD และ AUD/JPY: ผูกกับราคาเหล็ก และสินแร่ที่ออสเตรเลียส่งออกไปจีน
- USD/CAD: ราคาขยับตามราคาน้ำมันดิบ เพราะแคนาดาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่
ตัวอย่าง: เมื่อราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลง 5% ในช่วงข่าวสงครามรัสเซีย-ยูเครน ค่าเงิน CAD ก็อ่อนตัวตาม ทำให้ USD/CAD ปรับตัวสูงขึ้นทันทีในวันนั้น

กลยุทธ์และการจัดการความเสี่ยงสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ
การเทรดคู่เงินที่ผันผวนต้องอาศัยวิธีเฉพาะตัว ไม่สามารถใช้กลยุทธ์แบบเดียวกับคู่เงินหลักได้ทุกประการ
1. ตั้ง Stop Loss ให้เหมาะสม อย่าแคบเกินไป
คู่เงินบางตัวอย่าง GBP/JPY มี “การแกว่งตัวตามธรรมชาติ” สูง ถ้าคุณตั้ง Stop Loss แค่ 20 หรือ 30 พิพ มีโอกาสสูงที่จะโดน “เขี่ย” ออกก่อนที่เทรนด์จะเริ่มขึ้น
ใช้ Average True Range (ATR) เป็นเกณฑ์อ้างอิง ตั้ง Stop Loss ให้ห่างจากราคากลางหรือจุดเข้าอยู่ในช่วง 1.5 – 2 เท่าของ ATR โดยประมาณ เพื่อไม่ให้ตลาด “เขย่าพอร์ต” ได้ง่าย
2. เทรดตามข่าว: โอกาสเสี่ยงและผลตอบแทนสูง
คู่เงินผันผวนสูงมัก “พุ่งแรงที่สุด” ช่วงเวลาที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น:
- NFP (ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ)
- CPI (ดัชนีราคาผู้บริโภค)
- การประชุมธนาคารกลาง (FED, BoE, BoJ)
กลยุทธ์คือ “เข้าก่อนเปิดข่าวเล็กน้อยหรือรอปิดรูรับ” (Fade the move) แต่ต้องระวัง Slippage และ สเปรดที่ถ่างกว้าง อย่างรุนแรงหลังประกาศข่าว
แนะนำให้ติดตามตารางข่าวเศรษฐกิจจาก Forex Factory เพื่อวางแผนล่วงหน้า
3. ใช้กลยุทธ์ Breakout Trading
คู่เงินที่วิ่งแรงมักขยับตัวแบบ “เก็บพลังก่อนพุ่ง” คือการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Consolidation) เป็นเวลานาน จากนั้นพุ่งทะลุแนวต้านหรือแนวรับอย่างรุนแรง
กลยุทธ์คือ: รอให้เกิดการ breakout พร้อมปริมาณการซื้อขายสูง (volume) และเข้าเทรดตามทิศทางนั้นทันที โดยตั้งเป้ากำไร (Take Profit) ตามทฤษฎี “เท่าตัวของกรอบการสะสมพลัง” (measured move) และอย่าลืมใช้ Stop Loss

สรุป: ต้องรู้ว่า “ความเร็ว” ไม่ใช่ทุกอย่าง
การเลือกเทรด “คู่เงินที่วิ่งแรง” ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องเข้าใจสิ่งสำคัญคือ “คุณเหมาะกับมันไหม?”
ถ้าคุณมีระบบเทรดชัดเจน อารมณ์มั่นคง และเข้าใจกลไกตลาด คู่เงินผันผวนสูงคือสนามเดียวกับโอกาส แต่ถ้าคุณเทรดด้วยอารมณ์ หรือใช้เลเวอเรจสูงโดยไม่รู้ว่าตนเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน คุณอาจกลายเป็น “เชื้อเพลิง” ให้กับตลาดได้
คำแนะนำสำหรับมือใหม่: เริ่มต้นจากการทดลองกับคู่เงินหลักเช่น EUR/USD หรือ GBP/USD ก่อน ที่มีสภาพคล่องสูงและผันผวนปานกลาง เมื่อเชี่ยวชาญการจัดการพอร์ตและวินัยการเทรดแล้ว ค่อยค่อยศึกษาและทดลองกับคู่เงินที่ท้าทายมากขึ้น
และอย่าลืม: ช่วงเวลาที่ “ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กทับซ้อนกัน” (ประมาณ 19:00 – 23:00 น. ตามเวลาไทย) คือช่วงที่ความผันผวนสูงสุด ควรระมัดระวังทั้งโอกาสและอันตราย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
คู่เงิน Forex วิ่งแรงช่วงเวลาไหน?
ช่วงตลาดลอนดอนและนิวยอร์กทับซ้อนกัน (19:00–23:00 น. ไทย) มีสภาพคล่องสูงและความผันผวนรุนแรงที่สุด
เทรดคู่เงินรอง (Minor Pairs) เสี่ยงกว่าคู่เงินหลักหรือไม่?
ใช่ คู่เงินรองสภาพคล่องต่ำกว่า สเปรดกว้างกว่า และเกิด Slippage ง่าย แต่มีศักยภาพทำกำไรสูงกว่า
มีเทคนิคเฉพาะสำหรับคู่เงินที่ผันผวนสูงไหม?
นิยมใช้ Breakout Trading และ News Trading แต่ต้องมี Stop Loss ที่รัดกุม และควรทดสอบกับบัญชีเดโม่ก่อน
คู่เงินที่มีความสัมพันธ์กัน (Correlated Pairs) คืออะไร?
คือคู่เงินที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เช่น AUD/USD กับ NZD/USD หรือสวนทางกัน เช่น EUR/USD กับ USD/CHF
วันนี้ควรเทรดคู่เงินอะไรดี?
ไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นกับข่าวเศรษฐกิจที่ประกาศในวันนั้น เช่น NFP ของสหรัฐฯ จะโฟกัสคู่ที่มี USD