การวัดขนาดและสุขภาพของเศรษฐกิจประเทศเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจและการวางแผนพัฒนา มาตรการต่าง ๆ เช่น GDP, GNP และ GNI ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนมูลค่าการผลิตและรายได้ของชาติ แต่แต่ละตัวมีมุมมองที่ต่างกันอย่างชัดเจน หนึ่งในตัวชี้วัดที่บางครั้งถูกพูดถึงน้อยแต่มีความหมายลึกคือ GNP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดว่า GNP คืออะไร ต่างจาก GDP อย่างไร และทำไมในยุคปัจจุบัน องค์กรอย่าง World Bank กลับหันไปใช้ GNI มากขึ้น

GNP คืออะไร? ความหมายและหลักการพื้นฐาน
GNP ย่อมาจาก Gross National Product ซึ่งภาษาไทยเรียกว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ เป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดมูลค่ารวมของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ “พลเมืองและบริษัทของประเทศหนึ่ง” ผลิตขึ้น ไม่ว่าจะทำในประเทศของตนเองหรือต่างประเทศก็ตาม ต่างจาก GDP ที่วัดจากสถานที่ผลิต GNP เน้นที่ “สัญชาติ” หรือ “เชื้อชาติ” ของผู้ผลิต จึงสะท้อนถึงความสามารถทางเศรษฐกิจของชาวชาติ ไม่ว่าจะดำรงชีพอยู่ที่ไหนในโลก
ตัวอย่างเช่น บริษัทไทยที่ไปลงทุนในสหรัฐอเมริกา หากผลิตรถยนต์และทำรายได้กลับมายังประเทศไทย รายได้ส่วนนั้นจะนับใน GNP ของไทย ทั้งที่กิจกรรมการผลิตเกิดขึ้นนอกประเทศ ขณะที่ชาวต่างชาติที่มีบริษัทในไทยและทำกำไรอยู่ รายได้นั้นจะไม่นับรวมใน GNP เพราะไม่ได้เป็นของพลเมืองไทย นี่คือความแตกต่างที่สำคัญและเป็นหัวใจของแนวทางการคำนวณ GNP

GNP กับ GDP ต่างกันอย่างไร? วิเคราะห์อย่างละเอียด
ความสับสนระหว่าง GNP และ GDP เป็นเรื่องธรรมดา เพราะทั้งสองตัวมีตัวย่อใกล้เคียงกันและใช้ในบริบทเกี่ยวกับการวัดเศรษฐกิจ แต่แนวคิดพื้นฐานนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จากการวิเคราะห์ของ World Bank และหน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจระดับโลก จะเห็นว่าการเลือกใช้ตัวชี้วัดใดขึ้นอยู่กับ “เป้าหมาย” ของผู้วิเคราะห์

GDP คืออะไร?
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product) หรือ GDP วัดมูลค่าของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตขึ้น “ภายในดินแดนของประเทศ” ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นชาวไทย บริษัทญี่ปุ่น หรือบริษัทอเมริกัน ขอแค่กิจกรรมการผลิตเกิดขึ้นในประเทศไทย รายได้ตรงนั้นก็จะนับใน GDP
ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น โรงงานของบริษัท Toyota ที่ตั้งอยู่ในไทย แม้เป็นการลงทุนโดยญี่ปุ่น การผลิตรถยนต์และขายในไทยหรือส่งออกไปต่างประเทศก็ยังถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของ GDP ของไทย เพราะกิจกรรมเศรษฐกิจเกิดขึ้นในพื้นที่
ตารางเปรียบเทียบ GNP และ GDP
หัวข้อ | GNP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) | GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) |
---|
หลักการสำคัญ | พิจารณาตาม สัญชาติ ของผู้ผลิต | พิจารณาตาม อาณาเขต ที่เกิดกิจกรรม |
คำนิยาม | รายได้จากการผลิตของพลเมืองและบริษัทชาติ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด | รายได้จากกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในประเทศ โดยไม่สนใจสัญชาติผู้ผลิต |
สูตร | GDP + รายได้สุทธิจากต่างประเทศ | C + I + G + (X – M) |
ตัวอย่าง (ประเทศไทย) | กำไรของบริษัท Red Bull จากยุโรป นับใน GNP | กำไรจากโรงงาน Toyota ที่อยู่ในไทย นับใน GDP |
สูตรคำนวณ GNP และองค์ประกอบภายใน
การคำนวณ GNP ไม่ใช่การวัดจากศูนย์ แต่เริ่มต้นจากรางวัลที่มีอยู่แล้วอย่าง GDP ก่อน จากนั้นจึงนำ “รายได้สุทธิจากต่างประเทศ” มาบวกเพิ่มเติม สูตรหลักคือ:
$$GNP = GDP + รายได้สุทธิจากต่างประเทศ$$
“รายได้สุทธิจากต่างประเทศ” ได้แก่ ผลต่างระหว่าง
- รายได้ที่คนไทยหรือบริษัทไทยได้รับจากกิจกรรมในต่างประเทศ (เช่น การส่งออกแรงงาน เงินลงทุนต่างประเทศ)
- รายได้ที่ชาวต่างชาติและบริษัทต่างชาติได้รับจากกิจกรรมในไทย
หากผลลัพธ์เป็นบวก แปลว่า GNP > GDP ซึ่งอาจเกิดกับประเทศที่มีแรงงานจำนวนมากทำงานต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์หรือเนปาล
สำหรับ GDP สูตรพื้นฐานคือ:
$$GDP = C + I + G + (X – M)$$
- C (การบริโภค): ค่าใช้จ่ายของประชาชน เช่น ซื้อของ บริการ
- I (การลงทุน): การลงทุนในเครื่องจักร โรงงาน บ้าน ฯลฯ
- G (การใช้จ่ายภาครัฐ): ค่าใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐาน ข้าราชการ
- (X – M) (ส่งออกสุทธิ): มูลค่าส่งออกหักนำเข้า
ดังนั้นสูตรเต็มของ GNP คือ:
$$GNP = C + I + G + (X – M) + รายได้สุทธิจากต่างประเทศ$$

ทำไม GNI ถึงกลายเป็นที่นิยมแทน GNP?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา องค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งอย่าง International Monetary Fund (IMF) ได้ชี้ให้เห็นแนวโน้มว่า นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนควรใช้ GNI มากกว่า GNP โดยเฉพาะในแง่การเปรียบเทียบรายได้ของประเทศ ซึ่ง Investopedia ก็อธิบายไว้อย่างละเอียดว่า GNI สะท้อนภาพรวมรายได้ของชาติได้ตรงกว่า และปัจจุบันถูกใช้แทน GNP ในการเผยแพร่ข้อมูลและจัดอันดับความมั่งคั่งของประเทศ
แม้แนวคิดของ GNI จะใกล้เคียงกับ GNP แต่จุดต่างสำคัญคือ GNI คำนึงถึง “รายได้ที่แท้จริง” มากกว่าการผลิตเพียงอย่างเดียว โดยรวมถึงภาษีทางอ้อม ค่าเสื่อมราคา และเงินอุดหนุนที่เกี่ยวข้อง ทำให้ GNI สะท้อน “ความสามารถในการใช้จ่าย” ของประชาชนในชาติได้ดีกว่า
ตัวอย่างเช่น ประเทศที่มีการผลิตสูงแต่ต้องส่งภาษีหรือผลกำไรกลับไปยังบริษัทต่างชาติมาก แม้ GDP สูงแต่ GNI อาจต่ำ ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินว่าประชาชนในประเทศนั้นมีอำนาจซื้อจริงเท่าใด
ด้วยเหตุนี้ World Bank ใช้ GNI ต่อหัวเป็นตัวชี้วัดในการจัดกลุ่มประเทศเป็น “รายได้สูง” หรือ “รายได้ต่ำ” แทนที่จะใช้ GNP ซึ่งสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจได้ตรงกับชีวิตจริงมากกว่า

ข้อดีและข้อจำกัดของ GNP ที่ต้องเข้าใจ
ข้อดีของ GNP
- เน้นความมั่งคั่งของประชาชนชาติ: สำหรับประเทศที่มีแรงงานต่างประเทศจำนวนมาก (เช่น อินเดีย สเปน ไทยบางช่วง) GNP จะสะท้อน “รายได้ที่ไหลกลับเข้าประเทศ” ได้ดีกว่า GDP ทำให้เห็นภาพความมั่งคั่งที่แท้จริงของครอบครัวในชาติ
- ใช้เปรียบเทียบในระดับนานาชาติได้: ช่วยให้เข้าใจว่า ประชาชนชาติใดมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนหรือแรงงานในเวทีโลก
ข้อจำกัดของ GNP
- ไม่สะท้อนความเหลื่อมล้ำ: ตัวเลข GNP ที่สูงอาจมาจากคนรวยเพียงกลุ่มน้อย แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังยากจน จึงไม่สามารถใช้วัดความเท่าเทียมได้
- ไม่นับรวมเศรษฐกิจไม่เป็นทางการ: กิจกรรมขายของริมทาง แรงงานชั่วคราว หรือธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ขึ้นทะเบียนไม่ถูกนับ ทำให้ตัวเลขอาจต่ำกว่าความจริง
- ไม่ใช่ตัวชี้วัดคุณภาพชีวิต: GNP วัดแค่ตัวเงิน ไม่ได้บ่งบอกว่าประชาชนมีสุขภาพดี การศึกษาเพียงพอ หรือสิ่งแวดล้อมอยู่ในสภาพดีหรือไม่
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
GNP กับ GDP อันไหนสำคัญกว่ากัน?
ไม่มีตัวใด “สำคัญกว่า” เสมอไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หากผู้กำหนดนโยบายในประเทศต้องการวัดกิจกรรมเศรษฐกิจภายในเพื่อปรับโครงสร้างภาษีหรือการสนับสนุนอุตสาหกรรม GDP จะมีประโยชน์มากกว่า แต่หากต้องการดูว่า “คนของเรา” มั่งคั่งแค่ไหนในเวทีโลก GNP หรือ GNI จะให้ภาพที่ลึกกว่า
คนไทยทำงานต่างประเทศ รายได้เข้า GNP หรือ GDP?
รายได้จากแรงงานไทยในต่างประเทศจะนับใน GNP ของประเทศไทย เพราะยึดตามสัญชาติผู้ผลิตรายได้ แต่รายได้นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของ GDP ของประเทศที่เขาทำงานอยู่ เนื่องจากเป็นกิจกรรมเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศนั้น
GNP สามารถติดลบได้ไหม?
GNP มูลค่ารวมจริง ๆ ไม่มีทางเป็นลบได้ เพราะเป็นการรวมมูลค่าผลผลิตที่มีค่าเป็นบวกเสมอ แต่ “อัตราการเติบโตของ GNP” สามารถติดลบได้ และนั่นคือสัญญาณของ “สภาวะเศรษฐกิจหดตัว” เช่น ลดลง 2% จากปีก่อน
ประเทศไทยใช้ GNP หรือ GDP วัดเศรษฐกิจ?
ประเทศไทยใช้ GDP เป็นหลักในการติดตามและวางแผนเศรษฐกิจ โดย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูล อย่างไรก็ตาม ข้อมูล GNP และ GNI ก็ถูกรวบรวมเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบระดับนานาชาติ รวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้มการโอนเงินจากคนต่างประเทศกลับมาไทย
GNP บ่งบอกถึงคุณภาพชีวิตได้ไหม?
GNP เองไม่ใช่ตัววัดคุณภาพชีวิตโดยตรง แต่เมื่อนำมาคำนวณเป็น GNP ต่อหัว แล้ว มักมีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้น เช่น ประเทศที่มี GNP ต่อหัวสูง มักมีระบบสาธารณสุข โรงเรียน และโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนามากกว่า
การคำนวณ GNP ในทางปฏิบัติยากแค่ไหน?
ค่อนข้างซับซ้อนทีเดียว เพราะต้องติดตามรายได้ที่พลเมืองและบริษัทชาติผลิตในต่างประเทศ รวมถึงรายได้ของชาวต่างชาติในประเทศ ต้องอาศัยระบบการรายงานที่เข้มงวดจากธนาคาร หน่วยงานกำกับดูแลการลงทุนระหว่างประเทศ และหน่วยงานสถิติระดับชาติ
ทำไมเราควรสนใจ GNP ด้วย?
แม้จะไม่ถูกใช้บ่อยเท่า GDP แต่ GNP ช่วยให้เรามองเห็นภาพเศรษฐกิจในมุม “ชาติและประชาชน” ไม่ใช่แค่ภูมิศาสตร์ นักลงทุนสามารถใช้ GNP วิเคราะห์ว่า ชาติใดกำลังขยายอิทธิพลผ่านการลงทุนต่างประเทศ ขณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใจว่า รายได้ของคนในชาติไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศ แต่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกอย่างลึกซึ้ง