ค่าสเปรด คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้
ค่าสเปรด คือ ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ในตลาดการเงิน เป็นต้นทุนที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องจ่ายทุกครั้งที่เปิดโพซิชั่น ไม่ว่าจะเป็นในตลาด Forex, หุ้น, หรือคริปโต
การเข้าใจค่าสเปรดเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณคำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำ และเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ
สเปรดมีบทบาทสำคัญในทุกการเทรด เพราะมันเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จาก Forex หรือการลงทุนในตลาดอื่น ๆ
ในบทความนี้เราจะพาคุณเจาะลึกทุกมิติของสเปรด ตั้งแต่หลักการพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคการจัดการที่มือโปรใช้กัน
เข้าใจ Bid, Ask และสเปรดอย่างครบถ้วน
ราคา Bid คืออะไร?
ราคา Bid คือราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อพร้อมจะจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์นั้น ๆ เป็นราคาที่คุณจะได้รับเมื่อขายโพซิชั่น
ใช้การเปรียบเทียบกับร้านแลกเงินหรือร้านทองคำจะเข้าใจง่าย เมื่อคุณไปขายทองให้ร้าน ร้านจะซื้อจากคุณในราคา Bid
ราคา Ask คืออะไร?
ราคา Ask คือราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยินดีจะขายสินทรัพย์นั้น เป็นราคาที่คุณต้องจ่ายเมื่อซื้อโพซิชั่น
กลับไปที่ตัวอย่างร้านทอง เมื่อคุณต้องการซื้อทอง ร้านจะขายให้คุณในราคา Ask ซึ่งสูงกว่าราคาที่ร้านรับซื้อ
สูตรคำนวณสเปรด
สเปรด = Ask – Bid
ตัวอย่างง่าย ๆ:
- หากราคา EUR/USD แสดง 1.1050/1.1052
- Bid = 1.1050, Ask = 1.1052
- สเปรด = 1.1052 – 1.1050 = 0.0002 หรือ 2 pips
การเข้าใจสูตรนี้จะช่วยให้คุณคำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำ และส่งผลต่อการคำนวณภาษี Forex ในภายหลัง
ทำไมสเปรดถึงมีอยู่? บทบาทของ Market Maker และสภาพคล่อง
Market Maker คือใคร?
Market Maker คือสถาบันการเงินขนาดใหญ่หรือโบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่สร้างสภาพคล่องในตลาด พวกเขาพร้อมซื้อและขายสินทรัพย์ตลอดเวลา
โดยปกติ Market Maker จะเป็นธนาคารใหญ่ ๆ เช่น JP Morgan, Goldman Sachs, หรือ Deutsche Bank ในตลาด Forex
สเปรดเป็นค่าตอบแทนการรับความเสี่ยง
Market Maker ต้องถือครองสินทรัพย์จำนวนมากเพื่อให้บริการลูกค้า ซึ่งมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคา
สเปรดจึงเป็นค่าตอบแทนที่ Market Maker ได้รับเพื่อชดเชยความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
การมีสเปรดทำให้ตลาดมีสภาพคล่อง ผู้เทรดสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอคู่ค้าโดยตรง
สำหรับผู้เทรดไทยที่ต้องคำนวณภาษี Forex หรือกำไร Forex เสียภาษี ต้องคิดสเปรดเป็นต้นทุนด้วย
สเปรดในตลาดต่าง ๆ มีความแตกต่างอย่างไร?
สเปรด Forex: จุดเริ่มต้นของนักเทรด
ในตลาด Forex สเปรดวัดหน่วยเป็น pip (percentage in point) ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดของการเปลี่ยนแปลงราคา
คู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs):
- EUR/USD: 0.1 – 1.5 pips
- GBP/USD: 0.5 – 2.5 pips
- USD/JPY: 0.2 – 1.2 pips
คู่สกุลเงินรอง (Exotic Pairs):
- USD/TRY: 10 – 30 pips
- EUR/ZAR: 40 – 90 pips
- GBP/TRY: 15 – 45 pips
การเทรดForex ต่างประเทศต้องคำนวณสเปรดรวมกับเงินได้จากต่างประเทศ Forex เพื่อยื่นภาษี Forex ที่ถูกต้อง
สเปรดในตลาดหุ้น: SET50 vs MAI
ในตลาดหุ้นไทย สเปรดขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและ tick size
หุ้น SET50:
- SET50: สเปรด 1-3 ช่องราคา (ticks)
- MAI: สเปรด 2-5 ช่องราคา (ticks)
หุ้น MAI:
- สเปรดกว้างกว่า 0.50-2.00 บาท
- สภาพคล่องต่ำกว่า ความเสี่ยงสูงกว่า
การเลือกหุ้นที่มีสเปรดแคบจะช่วยลดต้นทุนการเทรดได้มาก
ตารางสเปรดหุ้นไทย: เข้าใจ Tick Size อย่างละเอียด
สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย การทำความเข้าใจ “ช่วงราคา” หรือ Price Spread (หรือที่เรียกว่า Tick Size) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่าราคาหลักทรัพย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ครั้งละเท่าใด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้กำหนดช่วงราคาตามระดับราคาของหลักทรัพย์ไว้ดังนี้
ตารางช่วงราคา (Price Spread) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ระดับราคาหุ้น | ช่วงราคา (Spread) |
ต่ำกว่า 2 บาท | 0.01 บาท |
ตั้งแต่ 2 บาท แต่ต่ำกว่า 5 บาท | 0.02 บาท |
ตั้งแต่ 5 บาท แต่ต่ำกว่า 10 บาท | 0.05 บาท |
ตั้งแต่ 10 บาท แต่ต่ำกว่า 25 บาท | 0.10 บาท |
ตั้งแต่ 25 บาท แต่ต่ำกว่า 50 บาท | 0.25 บาท |
ตั้งแต่ 50 บาท แต่ต่ำกว่า 100 บาท | 0.50 บาท |
ตั้งแต่ 100 บาท แต่ต่ำกว่า 200 บาท | 1.00 บาท |
ตั้งแต่ 200 บาท แต่ต่ำกว่า 400 บาท | 2.00 บาท |
ตั้งแต่ 400 บาท แต่ต่ำกว่า 800 บาท | 4.00 บาท |
ตั้งแต่ 800 บาทขึ้นไป | 6.00 บาท |
ตัวอย่างเช่น หากหลักทรัพย์ ก. มีราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายที่ 110 บาท นักลงทุนจะต้องเสนอซื้อหรือเสนอขายเพิ่มขึ้นหรือลดลงจาก 110 บาท ครั้งละ 1 บาท เช่น 111 บาท หรือ 109 บาท เป็นต้น การทำความเข้าใจตาราง Tick Size หุ้นนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการซื้อขายได้อย่างแม่นยำและจัดการต้นทุนสเปรดหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สเปรดคริปโต: ความผันผวนสูง หลากหลายแพลตฟอร์ม
ตลาดคริปโตมีสเปรดกว้างกว่าตลาดอื่น เนื่องจาก:
- ความผันผวนสูง
- สภาพคล่องแตกต่างกันในแต่ละ Exchange
- การควบคุมน้อยกว่า
Bitcoin (BTC/USD):
- Bitcoin (BTC/USD): 0.01% – 0.5%
- Coinbase: 0.1-0.3%
- Local Exchange: 0.3-1.0%
Altcoins:
- สเปรดกว้างกว่า 0.1% – 5%
- บางเหรียญอาจสูงถึง 5-10%
เข้าใจ Slippage คริปโต: สิ่งที่เทรดเดอร์ต้องระวัง
นอกจากสเปรดแล้ว ในตลาดคริปโตที่มีความผันผวนสูง เทรดเดอร์ยังต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Slippage”
Slippage คือสถานการณ์ที่ราคาของคำสั่งซื้อขายถูกดำเนินการที่ราคาสูงหรือต่ำกว่าที่คุณคาดการณ์ไว้อย่างมาก 9 สิ่งนี้เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งเนื่องจากความผันผวนของราคาอย่างรวดเร็ว ปริมาณการซื้อขาย และสภาพคล่องที่แตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม
ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งใจซื้อ ETH ที่ราคา $1800 แต่เนื่องจากตลาดเคลื่อนไหวเร็ว คำสั่งของคุณอาจถูกดำเนินการที่ $1860 ซึ่งหมายถึง Slippage
แพลตฟอร์มบางแห่ง เช่น Coinbase อาจยกเลิกคำสั่งซื้อขายหาก Slippage เกินกว่าสเปรดที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการสูญเสียมูลค่าจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่คาดคิด การทำความเข้าใจ Slippage คริปโตจึงเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความเสี่ยงและคำนวณต้นทุนที่แท้จริงในการเทรดคริปโต
สเปรดทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์
ทองคำ (XAU/USD):
- ทองคำ (XAU/USD): $0.10 – $0.60 ต่อออนซ์
- เวลาเทรดเอเชียอาจกว้างกว่า
น้ำมันดิบ (WTI):
- น้ำมันดิบ (WTI): $0.01 – $0.10 ต่อบาร์เรล
- การเทรดทองคำก็เป็นรายได้เสริม ที่ต้องคำนวณภาษีเช่นกัน ตามกฎหมาย Forex ไทย
สเปรดพันธบัตรและการให้กู้
Yield Spread คือความแตกต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกับพันธบัตรรัฐบาล
เช่น:
- พันธบัตรรัฐบาล 10 ปี: 2.5%
- พันธบัตรบริษัท BBB: 4.2%
- Credit Spread = 4.2% – 2.5% = 1.7%
สเปรดนี้สะท้อนความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้
Fixed Spread vs Floating Spread: แบบไหนดีกว่า?
ประเภทสเปรด | Fixed Spread | Floating Spread |
ความหมาย | สเปรดคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง | สเปรดเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด |
ช่วงปกติ | 2-3 pips | 0.8-5 pips |
ข้อดี | คาดการณ์ได้ง่าย, วางแผนต้นทุนชัดเจน | สเปรดแคบในช่วงสภาพคล่องสูง |
ข้อเสีย | สเปรดกว้างกว่าช่วงปกติ | ไม่แน่นอน, อาจกว้างมากในช่วงข่าว |
เหมาะกับ | มือใหม่, Long-term trader | Scalper, ผู้เทรดประสบการณ์ |
ตัวอย่างโบรกเกอร์ | Market Maker | ECN/STP |
การเลือกแบบไหนดี?
Fixed Spread เหมาะกับ:
- มือใหม่ที่ต้องการความแน่นอน
- Long-term trader ที่ไม่ได้เทรดบ่อย
- ผู้ที่ต้องการวางแผนการคำนวณภาษี Forexอย่างแม่นยำ
Floating Spread เหมาะกับ:
- Scalper ที่เทรดบ่อย
- ผู้ที่เทรดในช่วงสภาพคล่องสูง
- Professional trader ที่เข้าใจตลาดดี
ปัจจัยที่ส่งผลต่อขนาดสเปรด
สภาพคล่อง (Liquidity)
สภาพคล่องสูง = สเปรดแคบ
ในตลาด Forex:
- EUR/USD มีสภาพคล่องสูงที่สุด สเปรดแคบที่สุด
- Exotic pairs มีสภาพคล่องต่ำ สเปรดกว้าง
ความผันผวน (Volatility)
ความผันผวนสูง = สเปรดกว้าง
เมื่อตลาดผันผวนมาก Market Maker เพิ่มสเปรดเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ตัวอย่าง:
- ช่วงปกติ EUR/USD: 1.0 pip
- ช่วงประกาศข่าว Fed: 3-5 pips
- ช่วง Brexit: 10-20 pips
ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume)
Volume สูง = สเปรดแคบ
ช่วงเวลาที่มี Volume สูง:
- London Session (15:00-24:00 น. เวลาไทย)
- New York Session (20:00-05:00 น. เวลาไทย)
- Overlap London-New York (20:00-24:00 น.)
ช่วงเวลาที่มี Volume ต่ำ:
- Asian Session (ยกเว้น JPY pairs)
- วันหยุดสุดสัปดาห์
- วันหยุดนักขัตฤกษ์
รูปแบบโบรกเกอร์
ECN (Electronic Communication Network):
- เชื่อมต่อกับ Liquidity Provider โดยตรง
- สเปรดแคบ แต่มีค่าคอมมิชชั่น
- ราคาแท้จากตลาด
Market Maker:
- โบรกเกอร์เป็นคู่ค้าโดยตรง
- Fixed spread โดยปกติ
- อาจมีผลประโยชน์ขัดแย้ง
สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย Forex ไทย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่โปร่งใสและForex ถูกกฎหมายไหม
สเปรดส่งผลต่อการเทรดของคุณอย่างไร?
ต้นทุนทันทีเมื่อเปิดโพซิชั่น
เมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ใหม่ คุณจะขาดทุนทันทีเท่ากับขนาดสเปรด
ตัวอย่าง:
- ซื้อ EUR/USD ที่ 1.1052 (Ask)
- ราคาปัจจุบัน Bid = 1.1050
- ขาดทุนทันที = 2 pips
การคำนวณต้นทุนจริง
สำหรับ Scalper ที่เทรด 10 ครั้งต่อวัน:
- สเปรดเฉลี่ย 1.5 pips
- ต้นทุน = 1.5 × 10 = 15 pips ต่อวัน
- ต้นทุนต่อเดือน = 15 × 22 = 330 pips
- หากเทรด 1 lot EUR/USD = $330 ต่อเดือน
Break-even Point
กำไรต้องมากกว่าสเปรดเพื่อให้ได้กำไรจริง
ถ้าสเปรด EUR/USD = 1.5 pips:
- ราคาต้องเคลื่อนที่อย่างน้อย 1.5 pips ในทิศทางที่ถูกต้อง
- จึงจะ Break-even (ไม่กำไรไม่ขาดทุน)
การคำนวณนี้สำคัญมากสำหรับรายได้จาก Forex และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
การเลือกโบรกเกอร์: สเปรดมีความสำคัญแค่ไหน?
สิ่งที่ต้องดู: ไม่ใช่แค่สเปรดเฉลี่ย
สเปรดเฉลี่ย อาจทำให้เข้าใจผิดได้ ต้องดู:
- สเปรดในช่วงเวลาที่คุณเทรดจริง
- สเปรดในช่วงข่าวสำคัญ
- สเปรดของคู่สกุลเงินที่คุณเทรดหลัก
คอมมิชชั่น vs สเปรด
แบบ Commission-based (ECN):
- สเปรดแคบ 0.1-0.8 pips
- คอมมิชชั่น $3-7 ต่อ lot
แบบ Spread-only (Market Maker):
- สเปรด 1.5-3.0 pips
- ไม่มีคอมมิชชั่น
การคำนวณต้นทุนรวม:
- ECN: 0.5 pip + $6 commission = ~1.1 pips รวม
- Market Maker: 2.0 pips รวม
โบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุม vs ไม่ได้รับการควบคุม
ได้รับการควบคุม:
- ราคาโปร่งใส จาก Liquidity Provider จริง
- ไม่มีการจัดการราคา (Price manipulation)
- ปลอดภัยกว่า เงินลงทุนมีประกัน
ไม่ได้รับการควบคุม:
- อาจมีการจัดการราคา
- สเปรดอาจกว้างกว่าที่ประกาศ
- ความเสี่ยงสูงกว่า
สำหรับเทรดเดอร์ไทย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่สามารถปรึกษาภาษี Forex ได้ และมีความโปร่งใสในกรมสรรพากร Forex compliance
วิธีเลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำ: คู่มือสำหรับเทรดเดอร์ไทย
การเลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดต้นทุนการเทรดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร สเปรดเป็นต้นทุนการเทรดที่สำคัญที่สุด และการเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำจะช่วยให้คุณซื้อคู่สกุลเงินได้ในราคาที่ถูกกว่า
นี่คือขั้นตอนและข้อควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ Forex สเปรดต่ำสำหรับเทรดเดอร์ไทย:
- เปรียบเทียบสเปรดของโบรกเกอร์:
- ศึกษาและเปรียบเทียบสเปรดของโบรกเกอร์ต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีข่าวสำคัญซึ่งสเปรดมักจะขยายตัว
- เน้นสเปรดของคู่สกุลเงินที่คุณตั้งใจจะเทรดเป็นหลัก
- ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์แสดงสเปรดในหน่วย “จุด” (points) หรือ “pips” (10 จุด เท่ากับ 1 pip) เพื่อให้คำนวณต้นทุนได้อย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์:
- ตรวจสอบใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น ASIC, FCA, CySEC
- อ่านรีวิวจากผู้ใช้ ประสบการณ์การบริการ และประเด็นเกี่ยวกับการฝาก/ถอนเงิน โบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมจะมีความโปร่งใสมากกว่าและเงินลงทุนมีประกัน
- ตรวจสอบเงื่อนไขการฝากและถอน:
- อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขการฝากและถอนเงินอย่างละเอียด รวมถึงความเร็วในการดำเนินการ โบรกเกอร์ชั้นนำมักมีการฝากเงินทันทีและถอนเงินภายใน 5-30 นาที
- ทดลองใช้โบรกเกอร์สเปรดต่ำ:
- ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของโบรกเกอร์ ความเสถียรของระบบ และการบริการลูกค้า Exness แนะนำให้เปิดบัญชีจริงแบบ Standard (ไม่ต้องฝากเงิน) เพื่อตรวจสอบสเปรดแบบเรียลไทม์ หรือใช้บัญชีทดลองสำหรับบัญชี Pro, Zero, Raw Spread
- พิจารณาประโยชน์อื่นๆ:
- นอกเหนือจากสเปรดต่ำแล้ว ให้พิจารณาโบรกเกอร์ที่เสนอโปรโมชั่นหรือโบนัส ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนการเทรดได้ อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดของโบนัสอย่างละเอียด
โบรกเกอร์ที่ดีไม่ได้มีแค่สเปรดต่ำเท่านั้น แต่ยังต้องมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ใบอนุญาตที่น่าเชื่อถือ การบริการลูกค้าที่ดี ความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง ความเร็วในการฝาก/ถอนเงิน และความเสถียรของระบบ
เทคนิคการจัดการสเปรดสำหรับเทรดเดอร์
เทรดในช่วงสภาพคล่องสูง
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด (เวลาไทย):
- 15:00-18:00 น.: London เปิด สภาพคล่องเริ่มสูง
- 20:00-24:00 น.: London-New York Overlap สภาพคล่องสูงสุด
- 21:30-22:30 น.: Economic data release หลัก
หลีกเลี่ยงช่วง:
- วันศุกร์บ่าย (ตลาดเริ่มเงียบ)
- วันจันทร์เช้า (Gap เปิดตลาด)
- วันหยุดนัก stockพต
หลีกเลี่ยงช่วงข่าวสำคัญ
ข่าวที่ส่งผลกระทบสูง:
- การประกาศดอกเบี้ย Fed, ECB, BOJ
- NFP (Non-Farm Payroll) สหรัฐ
- GDP, Inflation data หลัก
- การประชุม FOMC
การเตรียมตัว:
- ตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจล่วงหน้า
- ปิดโพซิชั่นก่อนข่าวสำคัญ 30 นาที
- หรือใช้ Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยง
เลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง
คู่สกุลเงินที่แนะนำ:
- EUR/USD: สเปรดแคบที่สุด
- GBP/USD: สภาพคล่องสูง
- USD/JPY: สเปรดคงที่
หลีกเลี่ยงคู่สกุลเงิน:
- Exotic pairs (EUR/TRY, USD/ZAR)
- Cross currency ที่ไม่มี USD
- คู่สกุลเงินในช่วงวันหยุดประเทศนั้น ๆ
เปรียบเทียบต้นทุนรวม
ไม่ใช่แค่สเปรด แต่ต้องคิด:
- Overnight swap/financing cost
- คอมมิชชั่น (ถ้ามี)
- Deposit/withdrawal fees
- Inactivity fees
สูตรคำนวณต้นทุนรวมต่อเดือน:
ต้นทุนรวม = (สเปรดเฉลี่ย × จำนวนเทรด) + คอมมิชชั่น + Swap + Fees อื่น ๆ
การคำนวณนี้จำเป็นสำหรับวิธีเสียภาษี Forex และการทำภงด 90 Forex ที่ถูกต้อง
การบริหารจัดการเมื่อสเปรดกว้างกว่าปกติ
การปรับกลยุทธ์เมื่อสเปรดกว้าง
ลดจำนวนการเทรด:
- มุ่งเน้นโอกาสที่มีความแน่นอนสูง
- เพิ่ม Take Profit เป็น 2-3 เท่าของสเปรด
- ใช้ Position Size เล็กลง
เปลี่ยนรูปแบบการเทรด:
- จาก Scalping เป็น Swing Trading
- มุ่งเน้น High probability setup
- ใช้เวลาถือโพซิชั่นนานขึ้น
การใช้ Order Types ที่เหมาะสม
Market Order:
- ได้ราคา Ask/Bid ทันที
- เสียสเปรดเต็มจำนวน
Limit Order:
- กำหนดราคาที่ต้องการเข้า
- อาจลดผลกระทบจากสเปรด
- แต่มีความเสี่ยงไม่ได้เข้าออร์เดอร์
Stop Limit Order:
- ป้องกันสเปรดกว้างเกินไป
- กำหนดราคาสูงสุดที่ยอมรับได้
ผลกระทบของสเปรดต่อกลยุทธ์เทรดต่าง ๆ
Scalping Strategy
ความท้าทาย:
- ต้องกำไรเกินสเปรดในเวลาสั้น
- ต้นทุนสะสมสูงจากการเทรดบ่อย
การปรับตัว:
- เลือกโบรกเกอร์ ECN ที่มีสเปรดแคบที่สุด
- เทรดเฉพาะช่วงสภาพคล่องสูง
- ใช้ Take Profit อย่างน้อย 3-5 pips
Day Trading Strategy
ผลกระทบปานกลาง:
- การถือโพซิชั่นนานกว่าช่วยลดผลกระทบของสเปรด
- สามารถรอโอกาสที่ดีกว่า
การจัดการ:
- Take Profit อย่างน้อย 10-20 pips
- หลีกเลี่ยงเทรดช่วงสเปรดกว้าง
Swing Trading Strategy
ผลกระทบน้อยที่สุด:
- การถือโพซิชั่นหลายวันทำให้สเปรดไม่สำคัญมาก
- มุ่งเน้นการวิเคราะห์มากกว่าต้นทุนระยะสั้น
ข้อได้เปรียบ:
- สามารถใช้ Market Maker ที่มี Fixed Spread ได้
- ไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงสเปรดระยะสั้น
การคำนวณภาษีจากการเทรดที่มีสเปรด
สเปรดเป็นต้นทุนที่หักได้
ตามมาตรา 40(4) Forex และประกาศป.161/2566 Forex สเปรดถือเป็นค่าใช้จ่ายในการหารายได้
การคำนวณ:
รายได้สุทธิ = รายได้รวม – สเปรด – คอมมิชชั่น – ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
การเก็บหลักฐาน
เอกสารที่ต้องเก็บ:
- Statement จากโบรกเกอร์ที่ระบุสเปรดชัดเจน
- รายละเอียดสเปรดแต่ละเทรด
- หลักฐานการโอนเงิน/ฝาก-ถอน
- ใบเสร็จค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
การใช้เครดิตภาษีต่างประเทศ
หากโบรกเกอร์หักภาษี ณ ที่จ่ายในต่างประเทศ สามารถใช้เครดิตภาษีต่างประเทศได้ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน
การคำนวณเครดิตภาษี:
- ภาษีที่จ่ายในต่างประเทศสามารถนำมาหักจากภาษีในไทยได้
- ต้องมีหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากต่างประเทศ
การไม่ยื่นภาษี Forexหรือแจ้งรายได้ไม่ครบถ้วนอาจเสี่ยงต่อบทลงโทษเลี่ยงภาษี ตามกฎหมาย
สเปรดในอนาคต: เทรนด์และการเปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยี AI และ Algorithmic Trading
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น:
- High-frequency trading ทำให้สเปรดแคบลง
- AI ช่วยปรับสเปรดแบบ Real-time
- Competition ระหว่างโบรกเกอร์ทำให้สเปรดลดลง
การควบคุมและกฎระเบียบ
แนวโน้มการควบคุม:
- ความโปร่งใสในการแสดงสเปรด
- การป้องกันการจัดการราคา
- มาตรฐานสากลในการรายงานสเปรด
สำหรับเทรดเดอร์ไทย การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกรมสรรพากร Forex compliance และการคำนวณภาษี
Decentralized Finance (DeFi) และสเปรด
แพลตฟอร์ม DeFi:
- Automated Market Maker (AMM) ใช้อัลกอริทึมคำนวณสเปรด
- สเปรดขึ้นอยู่กับอัตราส่วน Token ใน Pool
- ไม่มี Market Maker แบบดั้งเดิม
ผลกระทบ:
- สเปรดอาจผันผวนมากกว่าแบบดั้งเดิม
- แต่อาจแคบกว่าในช่วงสภาพคล่องสูง
กรณีศึกษา: การจัดการสเปรดในสถานการณ์จริง
กรณีที่ 1: Covid-19 และความผันผวนสูง
สถานการณ์ (มีนาคม 2020):
- EUR/USD สเปรดปกติ 1.0 pip เพิ่มเป็น 8-15 pips
- GBP/USD จาก 1.5 pips เป็น 20-40 pips
- Exotic pairs หยุดเทรดชั่วคราว
การปรับตัวของเทรดเดอร์:
- ลดจำนวนการเทรด 70-80%
- เปลี่ยนจาก Scalping เป็น Position Trading
- ใช้ Position Size เล็กลงเพื่อจัดการความเสี่ยง
กรณีที่ 2: Brexit Vote และสเปรดกว้าง
สถานการณ์ (มิถุนายน 2016):
- GBP/USD สเปรดกว้างถึง 50-100 pips
- EUR/GBP เกือบหยุดเทรด
- ตลาดเกิด Gap มากมาย
บทเรียนที่ได้:
- การมี Stop Loss ไม่สามารถป้องกันได้ 100%
- ความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยง
- การไม่เทรดช่วงข่าวใหญ่เป็นทางเลือกที่ดี
กรณีที่ 3: Flash Crash และปัญหาสภาพคล่อง
สถานการณ์ (มกราคม 2015 – Swiss Franc):
- EUR/CHF เคลื่อนไหว 2,000+ pips ในไม่กี่นาที
- สเปรดกว้างจนเกือบไม่สามารถเทรดได้
- โบรกเกอร์หลายรายล้มละลาย
ข้อคิด:
- Black Swan Events สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
- การมี Position Size ที่เหมาะสมช่วยรอดได้
- ความสำคัญของการเลือกโบรกเกอร์ที่แข็งแกร่ง
เครื่องมือและแอปพลิเคชั่นสำหรับติดตามสเปรด
แพลตฟอร์มการเทรดหลัก
MetaTrader 4/5:
- แสดงสเปรด Real-time ใน Market Watch
- สามารถติดตั้ง EA เพื่อติดตามสเปรด
- Export ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์
TradingView:
- ไม่แสดงสเปรดโดยตรง แต่มี Price feed หลากหลาย
- เปรียบเทียบราคาจากโบรกเกอร์ต่าง ๆ ได้
เว็บไซต์เปรียบเทียบสเปรด
Forex Factory:
- ตาราง Spread comparison แบบ Real-time
- รีวิวโบรกเกอร์และ Spread analysis
MyFxBook:
- เปรียบเทียบสเปรดโบรกเกอร์
- Statistics และ Historical data
แอปมือถือ
Mobile Trading Apps:
- MT4/MT5 Mobile แสดงสเปรดแบบ Real-time
- Push notification เมื่อสเปรดกว้างผิดปกติ
Spread Alert Apps:
- แจ้งเตือนเมื่อสเปรดแคบกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
- เหมาะสำหรับ Scalper ที่ต้องการ Entry ที่เหมาะสม
แนวทางการศึกษาเพื่อเข้าใจสเปรดให้ลึกขึ้น
หนังสือแนะนำ
“Market Microstructure Theory” by Maureen O’Hara:
- อธิบายโครงสร้างตลาดและการเกิดสเปรด
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจระดับลึก
“Trading and Exchanges” by Larry Harris:
- ครอบคลุมหลักการ Market Making
- อธิบายสาเหตุของการมีสเปรด
คอร์สออนไลน์
Coursera – Financial Markets:
- Yale University โดย Robert Shiller
- ครอบคลุมหลักการตลาดการเงินพื้นฐาน
edX – Introduction to Trading:
- อธิบายกลไกการทำงานของตลาด
- รวมถึงบทบาทของ Market Maker
การฝึกฝนจริง
Demo Account:
- ฝึกสังเกตพฤติกรรมสเปรดในสถานการณ์ต่าง ๆ
- ทดลองกลยุทธ์การจัดการสเปรด
Backtesting:
- ทดสอบกลยุทธ์โดยคิดสเปรดเข้าไปด้วย
- วิเคราะห์ผลกระทบของสเปรดต่อผลตอบแทน
สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องการปรึกษาภาษี Forex เพิ่มเติม ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายภาษีและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
สรุป: ทำไมความเข้าใจเรื่องสเปรดจึงสำคัญต่อทุกเทรดเดอร์
สเปรด = ต้นทุนพื้นฐานของการเทรด
ค่าสเปรด คือต้นทุนพื้นฐานที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ การเข้าใจและจัดการสเปรดอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
ความรู้พื้นฐานสำหรับการเริ่มต้น
การเข้าใจสเปรดเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเทรด เมื่อคุณเข้าใจว่าสเปรดทำงานอย่างไร คุณจะสามารถ:
- เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรด
- คำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำ
- วางกลยุทธ์การเทรดที่คำนึงถึงต้นทุนจริง
- จัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทคโนโลยีใหม่ ๆ และรูปแบบการเทรดที่พัฒนาขึ้นจะส่งผลต่อโครงสร้างสเปรดในอนาคต
การติดตามข้อมูลและปรับปรุงความรู้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณอยู่ในเกมได้อย่างยาวนาน
สำหรับเทรดเดอร์ไทยโดยเฉพาะ การเข้าใจเรื่องสเปรดยังช่วยในการคำนวณภาษี Forex และการปฏิบัติตามกฎหมาย Forex ไทย ได้อย่างถูกต้อง
ไม่ว่าจะเป็นรายได้เสริมจากการเทรดหรือการเทรดแบบมืออาชีพ ความเข้าใจเรื่องสเปรดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นและสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน
จำไว้ว่า การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การคาดเดาทิศทางราคา แต่เป็นการจัดการความเสี่ยงและต้นทุนอย่างเป็นระบบ และสเปรดเป็นส่วนสำคัญหนึ่งของต้นทุนนั้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: สเปรดแคบสุดคือเท่าไหร่?
A: ในตลาด Forex คู่ EUR/USD สเปรดแคบที่สุดอยู่ที่ประมาณ 0.1-0.3 pips สำหรับโบรกเกอร์ ECN ในช่วงสภาพคล่องสูง
Q: ทำไมสเปรดบางครั้งกว้างกว่าปกติ?
A: สเปรดจะกว้างขึ้นเมื่อสภาพคล่องลดลง ความผันผวนสูง หรือช่วงประกาศข่าวสำคัญ เป็นการป้องกันความเสี่ยงของ Market Maker
Q: Fixed Spread หรือ Floating Spread ดีกว่า?
A: ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด Fixed Spread เหมาะกับมือใหม่และ Long-term trader ส่วน Floating Spread เหมาะกับ Scalper และเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
Q: การเทรด Forex ในไทยเสียภาษีไหม?
A: ใช่ ตามกฎหมาย Forex ไทย กำไรจากการเทรด Forex ถือเป็นรายได้ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องยื่นภาษี Forex ตามมาตรา 40(4)
Q: สเปรดสามารถนำมาหักภาษีได้ไหม?
A: ได้ สเปรดถือเป็นค่าใช้จ่ายในการหารายได้ สามารถนำมาหักจากรายได้รวมเพื่อคำนวณรายได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี
Q: โบรกเกอร์ไหนมีสเปรดดีที่สุด?
A: ไม่มีโบรกเกอร์ไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ต้องพิจารณาจากสไตล์การเทรด คู่สกุลเงินที่เทรด และเวลาที่เทรด ควรเปรียบเทียบสเปรดในช่วงที่คุณเทรดจริง