Skip to content
  • ไทย
  • หน้าแรก
  • รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
    • รายละเอียดโบรกเกอร์ Forex
  • การเทรด Forex
    • วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex
    • คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex
  • คริปโตเคอร์เรนซี
    • รวมคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยม
    • พื้นฐานการลงทุนบล็อกเชน
  • การลงทุนในหุ้น
    • วิเคราะห์หุ้นกลุ่มยอดนิยม
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนหุ้น
    • แนะนำกองทุน ETF
  • การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
    • เจาะลึกการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
  • วิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
  • พื้นฐานการลงทุน
  • หน้าแรก
  • รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
    • รายละเอียดโบรกเกอร์ Forex
  • การเทรด Forex
    • วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex
    • คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex
  • คริปโตเคอร์เรนซี
    • รวมคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยม
    • พื้นฐานการลงทุนบล็อกเชน
  • การลงทุนในหุ้น
    • วิเคราะห์หุ้นกลุ่มยอดนิยม
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนหุ้น
    • แนะนำกองทุน ETF
  • การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
    • เจาะลึกการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
  • วิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
  • พื้นฐานการลงทุน

หน้าแรก - การเทรด Forex - คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

ค่าสเปรด คืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ แบบมือโปร ครบทุกเรื่องที่ต้องรู้

  • วันที่เผยแพร่บทความ: 2025-07-15
  • วันที่อัปเดตบทความ:2025-07-15
ภาพแสดงสเปรตบนกราฟ

สารบัญ

ค่าสเปรด คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้

ค่าสเปรด คือ ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ในตลาดการเงิน เป็นต้นทุนที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องจ่ายทุกครั้งที่เปิดโพซิชั่น ไม่ว่าจะเป็นในตลาด Forex, หุ้น, หรือคริปโต

การเข้าใจค่าสเปรดเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณคำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำ และเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ

สเปรดมีบทบาทสำคัญในทุกการเทรด เพราะมันเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จาก Forex หรือการลงทุนในตลาดอื่น ๆ

ในบทความนี้เราจะพาคุณเจาะลึกทุกมิติของสเปรด ตั้งแต่หลักการพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคการจัดการที่มือโปรใช้กัน

ภาพแสดงสเปรตบนกราฟ

เข้าใจ Bid, Ask และสเปรดอย่างครบถ้วน

ราคา Bid คืออะไร?

ราคา Bid คือราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อพร้อมจะจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์นั้น ๆ เป็นราคาที่คุณจะได้รับเมื่อขายโพซิชั่น

ใช้การเปรียบเทียบกับร้านแลกเงินหรือร้านทองคำจะเข้าใจง่าย เมื่อคุณไปขายทองให้ร้าน ร้านจะซื้อจากคุณในราคา Bid

ราคา Ask คืออะไร?

ราคา Ask คือราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยินดีจะขายสินทรัพย์นั้น เป็นราคาที่คุณต้องจ่ายเมื่อซื้อโพซิชั่น

กลับไปที่ตัวอย่างร้านทอง เมื่อคุณต้องการซื้อทอง ร้านจะขายให้คุณในราคา Ask ซึ่งสูงกว่าราคาที่ร้านรับซื้อ

สูตรคำนวณสเปรด

สเปรด = Ask – Bid

ตัวอย่างง่าย ๆ:

  • หากราคา EUR/USD แสดง 1.1050/1.1052
  • Bid = 1.1050, Ask = 1.1052
  • สเปรด = 1.1052 – 1.1050 = 0.0002 หรือ 2 pips

การเข้าใจสูตรนี้จะช่วยให้คุณคำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำ และส่งผลต่อการคำนวณภาษี Forex ในภายหลัง 

ทำไมสเปรดถึงมีอยู่? บทบาทของ Market Maker และสภาพคล่อง

ภาพหน้าที่ของ Market Maker

Market Maker คือใคร?

Market Maker คือสถาบันการเงินขนาดใหญ่หรือโบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่สร้างสภาพคล่องในตลาด พวกเขาพร้อมซื้อและขายสินทรัพย์ตลอดเวลา

โดยปกติ Market Maker จะเป็นธนาคารใหญ่ ๆ เช่น JP Morgan, Goldman Sachs, หรือ Deutsche Bank ในตลาด Forex

สเปรดเป็นค่าตอบแทนการรับความเสี่ยง

Market Maker ต้องถือครองสินทรัพย์จำนวนมากเพื่อให้บริการลูกค้า ซึ่งมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคา

สเปรดจึงเป็นค่าตอบแทนที่ Market Maker ได้รับเพื่อชดเชยความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

การมีสเปรดทำให้ตลาดมีสภาพคล่อง ผู้เทรดสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอคู่ค้าโดยตรง

สำหรับผู้เทรดไทยที่ต้องคำนวณภาษี Forex หรือกำไร Forex เสียภาษี ต้องคิดสเปรดเป็นต้นทุนด้วย

สเปรดในตลาดต่าง ๆ มีความแตกต่างอย่างไร?

ภาพจำลองสเปรดในตลาดต่าง ๆ

สเปรด Forex: จุดเริ่มต้นของนักเทรด

ในตลาด Forex สเปรดวัดหน่วยเป็น pip (percentage in point) ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดของการเปลี่ยนแปลงราคา

คู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs):

  • EUR/USD: 0.1 – 1.5 pips
  • GBP/USD: 0.5 – 2.5 pips
  • USD/JPY: 0.2 – 1.2 pips

คู่สกุลเงินรอง (Exotic Pairs):

  • USD/TRY: 10 – 30 pips
  • EUR/ZAR: 40 – 90 pips
  • GBP/TRY: 15 – 45 pips 

การเทรดForex ต่างประเทศต้องคำนวณสเปรดรวมกับเงินได้จากต่างประเทศ Forex เพื่อยื่นภาษี Forex ที่ถูกต้อง

สเปรดในตลาดหุ้น: SET50 vs MAI

ในตลาดหุ้นไทย สเปรดขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและ tick size

หุ้น SET50:

  • SET50: สเปรด 1-3 ช่องราคา (ticks)
  • MAI: สเปรด 2-5 ช่องราคา (ticks)

หุ้น MAI:

  • สเปรดกว้างกว่า 0.50-2.00 บาท
  • สภาพคล่องต่ำกว่า ความเสี่ยงสูงกว่า

การเลือกหุ้นที่มีสเปรดแคบจะช่วยลดต้นทุนการเทรดได้มาก

ตารางสเปรดหุ้นไทย: เข้าใจ Tick Size อย่างละเอียด

สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย การทำความเข้าใจ “ช่วงราคา” หรือ Price Spread (หรือที่เรียกว่า Tick Size) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่าราคาหลักทรัพย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ครั้งละเท่าใด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้กำหนดช่วงราคาตามระดับราคาของหลักทรัพย์ไว้ดังนี้

ตารางช่วงราคา (Price Spread) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ระดับราคาหุ้นช่วงราคา (Spread)
ต่ำกว่า 2 บาท0.01 บาท
ตั้งแต่ 2 บาท แต่ต่ำกว่า 5 บาท0.02 บาท
ตั้งแต่ 5 บาท แต่ต่ำกว่า 10 บาท0.05 บาท
ตั้งแต่ 10 บาท แต่ต่ำกว่า 25 บาท0.10 บาท
ตั้งแต่ 25 บาท แต่ต่ำกว่า 50 บาท0.25 บาท
ตั้งแต่ 50 บาท แต่ต่ำกว่า 100 บาท0.50 บาท
ตั้งแต่ 100 บาท แต่ต่ำกว่า 200 บาท1.00 บาท
ตั้งแต่ 200 บาท แต่ต่ำกว่า 400 บาท2.00 บาท
ตั้งแต่ 400 บาท แต่ต่ำกว่า 800 บาท4.00 บาท
ตั้งแต่ 800 บาทขึ้นไป6.00 บาท

ตัวอย่างเช่น หากหลักทรัพย์ ก. มีราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายที่ 110 บาท นักลงทุนจะต้องเสนอซื้อหรือเสนอขายเพิ่มขึ้นหรือลดลงจาก 110 บาท ครั้งละ 1 บาท เช่น 111 บาท หรือ 109 บาท เป็นต้น การทำความเข้าใจตาราง Tick Size หุ้นนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการซื้อขายได้อย่างแม่นยำและจัดการต้นทุนสเปรดหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สเปรดคริปโต: ความผันผวนสูง หลากหลายแพลตฟอร์ม

ตลาดคริปโตมีสเปรดกว้างกว่าตลาดอื่น เนื่องจาก:

  • ความผันผวนสูง
  • สภาพคล่องแตกต่างกันในแต่ละ Exchange
  • การควบคุมน้อยกว่า

Bitcoin (BTC/USD):

  • Bitcoin (BTC/USD): 0.01% – 0.5%
  • Coinbase: 0.1-0.3%
  • Local Exchange: 0.3-1.0%

Altcoins:

  • สเปรดกว้างกว่า 0.1% – 5%
  • บางเหรียญอาจสูงถึง 5-10%

เข้าใจ Slippage คริปโต: สิ่งที่เทรดเดอร์ต้องระวัง

นอกจากสเปรดแล้ว ในตลาดคริปโตที่มีความผันผวนสูง เทรดเดอร์ยังต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Slippage”

Slippage คือสถานการณ์ที่ราคาของคำสั่งซื้อขายถูกดำเนินการที่ราคาสูงหรือต่ำกว่าที่คุณคาดการณ์ไว้อย่างมาก 9 สิ่งนี้เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งเนื่องจากความผันผวนของราคาอย่างรวดเร็ว ปริมาณการซื้อขาย และสภาพคล่องที่แตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม

ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งใจซื้อ ETH ที่ราคา $1800 แต่เนื่องจากตลาดเคลื่อนไหวเร็ว คำสั่งของคุณอาจถูกดำเนินการที่ $1860 ซึ่งหมายถึง Slippage

แพลตฟอร์มบางแห่ง เช่น Coinbase อาจยกเลิกคำสั่งซื้อขายหาก Slippage เกินกว่าสเปรดที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการสูญเสียมูลค่าจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่คาดคิด การทำความเข้าใจ Slippage คริปโตจึงเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความเสี่ยงและคำนวณต้นทุนที่แท้จริงในการเทรดคริปโต

สเปรดทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์

ทองคำ (XAU/USD):

  • ทองคำ (XAU/USD): $0.10 – $0.60 ต่อออนซ์
  • เวลาเทรดเอเชียอาจกว้างกว่า

น้ำมันดิบ (WTI):

  • น้ำมันดิบ (WTI): $0.01 – $0.10 ต่อบาร์เรล
  • การเทรดทองคำก็เป็นรายได้เสริม ที่ต้องคำนวณภาษีเช่นกัน ตามกฎหมาย Forex ไทย

สเปรดพันธบัตรและการให้กู้

Yield Spread คือความแตกต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกับพันธบัตรรัฐบาล

เช่น:

  • พันธบัตรรัฐบาล 10 ปี: 2.5%
  • พันธบัตรบริษัท BBB: 4.2%
  • Credit Spread = 4.2% – 2.5% = 1.7%

สเปรดนี้สะท้อนความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้

Fixed Spread vs Floating Spread: แบบไหนดีกว่า?

ภาพ Fixed Spread vs Floating Spread
ประเภทสเปรดFixed SpreadFloating Spread
ความหมายสเปรดคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงสเปรดเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด
ช่วงปกติ2-3 pips0.8-5 pips
ข้อดีคาดการณ์ได้ง่าย, วางแผนต้นทุนชัดเจนสเปรดแคบในช่วงสภาพคล่องสูง
ข้อเสียสเปรดกว้างกว่าช่วงปกติไม่แน่นอน, อาจกว้างมากในช่วงข่าว
เหมาะกับมือใหม่, Long-term traderScalper, ผู้เทรดประสบการณ์
ตัวอย่างโบรกเกอร์Market MakerECN/STP

การเลือกแบบไหนดี?

Fixed Spread เหมาะกับ:

  • มือใหม่ที่ต้องการความแน่นอน
  • Long-term trader ที่ไม่ได้เทรดบ่อย
  • ผู้ที่ต้องการวางแผนการคำนวณภาษี Forexอย่างแม่นยำ

Floating Spread เหมาะกับ:

  • Scalper ที่เทรดบ่อย
  • ผู้ที่เทรดในช่วงสภาพคล่องสูง
  • Professional trader ที่เข้าใจตลาดดี

ปัจจัยที่ส่งผลต่อขนาดสเปรด

ภาพปัจจัยที่ส่งผลต่อสเปรด

สภาพคล่อง (Liquidity)

สภาพคล่องสูง = สเปรดแคบ

ในตลาด Forex:

  • EUR/USD มีสภาพคล่องสูงที่สุด สเปรดแคบที่สุด
  • Exotic pairs มีสภาพคล่องต่ำ สเปรดกว้าง

ความผันผวน (Volatility)

ความผันผวนสูง = สเปรดกว้าง

เมื่อตลาดผันผวนมาก Market Maker เพิ่มสเปรดเพื่อป้องกันความเสี่ยง

ตัวอย่าง:

  • ช่วงปกติ EUR/USD: 1.0 pip
  • ช่วงประกาศข่าว Fed: 3-5 pips
  • ช่วง Brexit: 10-20 pips

ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume)

Volume สูง = สเปรดแคบ

ช่วงเวลาที่มี Volume สูง:

  • London Session (15:00-24:00 น. เวลาไทย)
  • New York Session (20:00-05:00 น. เวลาไทย)
  • Overlap London-New York (20:00-24:00 น.)

ช่วงเวลาที่มี Volume ต่ำ:

  • Asian Session (ยกเว้น JPY pairs)
  • วันหยุดสุดสัปดาห์
  • วันหยุดนักขัตฤกษ์

รูปแบบโบรกเกอร์

ECN (Electronic Communication Network):

  • เชื่อมต่อกับ Liquidity Provider โดยตรง
  • สเปรดแคบ แต่มีค่าคอมมิชชั่น
  • ราคาแท้จากตลาด

Market Maker:

  • โบรกเกอร์เป็นคู่ค้าโดยตรง
  • Fixed spread โดยปกติ
  • อาจมีผลประโยชน์ขัดแย้ง

สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย Forex ไทย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่โปร่งใสและForex ถูกกฎหมายไหม

สเปรดส่งผลต่อการเทรดของคุณอย่างไร?

ต้นทุนทันทีเมื่อเปิดโพซิชั่น

เมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ใหม่ คุณจะขาดทุนทันทีเท่ากับขนาดสเปรด

ตัวอย่าง:

  • ซื้อ EUR/USD ที่ 1.1052 (Ask)
  • ราคาปัจจุบัน Bid = 1.1050
  • ขาดทุนทันที = 2 pips

การคำนวณต้นทุนจริง

สำหรับ Scalper ที่เทรด 10 ครั้งต่อวัน:

  • สเปรดเฉลี่ย 1.5 pips
  • ต้นทุน = 1.5 × 10 = 15 pips ต่อวัน
  • ต้นทุนต่อเดือน = 15 × 22 = 330 pips
  • หากเทรด 1 lot EUR/USD = $330 ต่อเดือน

Break-even Point

กำไรต้องมากกว่าสเปรดเพื่อให้ได้กำไรจริง

ถ้าสเปรด EUR/USD = 1.5 pips:

  • ราคาต้องเคลื่อนที่อย่างน้อย 1.5 pips ในทิศทางที่ถูกต้อง
  • จึงจะ Break-even (ไม่กำไรไม่ขาดทุน)

การคำนวณนี้สำคัญมากสำหรับรายได้จาก Forex และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

การเลือกโบรกเกอร์: สเปรดมีความสำคัญแค่ไหน?

สิ่งที่ต้องดู: ไม่ใช่แค่สเปรดเฉลี่ย

สเปรดเฉลี่ย อาจทำให้เข้าใจผิดได้ ต้องดู:

  • สเปรดในช่วงเวลาที่คุณเทรดจริง
  • สเปรดในช่วงข่าวสำคัญ
  • สเปรดของคู่สกุลเงินที่คุณเทรดหลัก

คอมมิชชั่น vs สเปรด

แบบ Commission-based (ECN):

  • สเปรดแคบ 0.1-0.8 pips
  • คอมมิชชั่น $3-7 ต่อ lot

แบบ Spread-only (Market Maker):

  • สเปรด 1.5-3.0 pips
  • ไม่มีคอมมิชชั่น

การคำนวณต้นทุนรวม:

  • ECN: 0.5 pip + $6 commission = ~1.1 pips รวม
  • Market Maker: 2.0 pips รวม

โบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุม vs ไม่ได้รับการควบคุม

ได้รับการควบคุม:

  • ราคาโปร่งใส จาก Liquidity Provider จริง
  • ไม่มีการจัดการราคา (Price manipulation)
  • ปลอดภัยกว่า เงินลงทุนมีประกัน

ไม่ได้รับการควบคุม:

  • อาจมีการจัดการราคา
  • สเปรดอาจกว้างกว่าที่ประกาศ
  • ความเสี่ยงสูงกว่า

สำหรับเทรดเดอร์ไทย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่สามารถปรึกษาภาษี Forex ได้ และมีความโปร่งใสในกรมสรรพากร Forex compliance

วิธีเลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำ: คู่มือสำหรับเทรดเดอร์ไทย

การเลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดต้นทุนการเทรดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร สเปรดเป็นต้นทุนการเทรดที่สำคัญที่สุด และการเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำจะช่วยให้คุณซื้อคู่สกุลเงินได้ในราคาที่ถูกกว่า

นี่คือขั้นตอนและข้อควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ Forex สเปรดต่ำสำหรับเทรดเดอร์ไทย:

  1. เปรียบเทียบสเปรดของโบรกเกอร์:
    • ศึกษาและเปรียบเทียบสเปรดของโบรกเกอร์ต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีข่าวสำคัญซึ่งสเปรดมักจะขยายตัว
    • เน้นสเปรดของคู่สกุลเงินที่คุณตั้งใจจะเทรดเป็นหลัก
    • ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์แสดงสเปรดในหน่วย “จุด” (points) หรือ “pips” (10 จุด เท่ากับ 1 pip) เพื่อให้คำนวณต้นทุนได้อย่างถูกต้อง
  2. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์:
    • ตรวจสอบใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง เช่น ASIC, FCA, CySEC
    • อ่านรีวิวจากผู้ใช้ ประสบการณ์การบริการ และประเด็นเกี่ยวกับการฝาก/ถอนเงิน โบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมจะมีความโปร่งใสมากกว่าและเงินลงทุนมีประกัน
  3. ตรวจสอบเงื่อนไขการฝากและถอน:
    • อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขการฝากและถอนเงินอย่างละเอียด รวมถึงความเร็วในการดำเนินการ โบรกเกอร์ชั้นนำมักมีการฝากเงินทันทีและถอนเงินภายใน 5-30 นาที
  4. ทดลองใช้โบรกเกอร์สเปรดต่ำ:
    • ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของโบรกเกอร์ ความเสถียรของระบบ และการบริการลูกค้า Exness แนะนำให้เปิดบัญชีจริงแบบ Standard (ไม่ต้องฝากเงิน) เพื่อตรวจสอบสเปรดแบบเรียลไทม์ หรือใช้บัญชีทดลองสำหรับบัญชี Pro, Zero, Raw Spread
  5. พิจารณาประโยชน์อื่นๆ:
    • นอกเหนือจากสเปรดต่ำแล้ว ให้พิจารณาโบรกเกอร์ที่เสนอโปรโมชั่นหรือโบนัส ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนการเทรดได้ อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดของโบนัสอย่างละเอียด

โบรกเกอร์ที่ดีไม่ได้มีแค่สเปรดต่ำเท่านั้น แต่ยังต้องมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ใบอนุญาตที่น่าเชื่อถือ การบริการลูกค้าที่ดี ความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง ความเร็วในการฝาก/ถอนเงิน และความเสถียรของระบบ

เทคนิคการจัดการสเปรดสำหรับเทรดเดอร์

เทรดในช่วงสภาพคล่องสูง

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด (เวลาไทย):

  • 15:00-18:00 น.: London เปิด สภาพคล่องเริ่มสูง
  • 20:00-24:00 น.: London-New York Overlap สภาพคล่องสูงสุด
  • 21:30-22:30 น.: Economic data release หลัก

หลีกเลี่ยงช่วง:

  • วันศุกร์บ่าย (ตลาดเริ่มเงียบ)
  • วันจันทร์เช้า (Gap เปิดตลาด)
  • วันหยุดนัก stockพต

หลีกเลี่ยงช่วงข่าวสำคัญ

ข่าวที่ส่งผลกระทบสูง:

  • การประกาศดอกเบี้ย Fed, ECB, BOJ
  • NFP (Non-Farm Payroll) สหรัฐ
  • GDP, Inflation data หลัก
  • การประชุม FOMC

การเตรียมตัว:

  • ตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจล่วงหน้า
  • ปิดโพซิชั่นก่อนข่าวสำคัญ 30 นาที
  • หรือใช้ Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยง

เลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง

คู่สกุลเงินที่แนะนำ:

  • EUR/USD: สเปรดแคบที่สุด
  • GBP/USD: สภาพคล่องสูง
  • USD/JPY: สเปรดคงที่

หลีกเลี่ยงคู่สกุลเงิน:

  • Exotic pairs (EUR/TRY, USD/ZAR)
  • Cross currency ที่ไม่มี USD
  • คู่สกุลเงินในช่วงวันหยุดประเทศนั้น ๆ

เปรียบเทียบต้นทุนรวม

ไม่ใช่แค่สเปรด แต่ต้องคิด:

  • Overnight swap/financing cost
  • คอมมิชชั่น (ถ้ามี)
  • Deposit/withdrawal fees
  • Inactivity fees

สูตรคำนวณต้นทุนรวมต่อเดือน:

ต้นทุนรวม = (สเปรดเฉลี่ย × จำนวนเทรด) + คอมมิชชั่น + Swap + Fees อื่น ๆ

การคำนวณนี้จำเป็นสำหรับวิธีเสียภาษี Forex และการทำภงด 90 Forex ที่ถูกต้อง

การบริหารจัดการเมื่อสเปรดกว้างกว่าปกติ

การปรับกลยุทธ์เมื่อสเปรดกว้าง

ลดจำนวนการเทรด:

  • มุ่งเน้นโอกาสที่มีความแน่นอนสูง
  • เพิ่ม Take Profit เป็น 2-3 เท่าของสเปรด
  • ใช้ Position Size เล็กลง

เปลี่ยนรูปแบบการเทรด:

  • จาก Scalping เป็น Swing Trading
  • มุ่งเน้น High probability setup
  • ใช้เวลาถือโพซิชั่นนานขึ้น

การใช้ Order Types ที่เหมาะสม

Market Order:

  • ได้ราคา Ask/Bid ทันที
  • เสียสเปรดเต็มจำนวน

Limit Order:

  • กำหนดราคาที่ต้องการเข้า
  • อาจลดผลกระทบจากสเปรด
  • แต่มีความเสี่ยงไม่ได้เข้าออร์เดอร์

Stop Limit Order:

  • ป้องกันสเปรดกว้างเกินไป
  • กำหนดราคาสูงสุดที่ยอมรับได้

ผลกระทบของสเปรดต่อกลยุทธ์เทรดต่าง ๆ

Scalping Strategy

ความท้าทาย:

  • ต้องกำไรเกินสเปรดในเวลาสั้น
  • ต้นทุนสะสมสูงจากการเทรดบ่อย

การปรับตัว:

  • เลือกโบรกเกอร์ ECN ที่มีสเปรดแคบที่สุด
  • เทรดเฉพาะช่วงสภาพคล่องสูง
  • ใช้ Take Profit อย่างน้อย 3-5 pips

Day Trading Strategy

ผลกระทบปานกลาง:

  • การถือโพซิชั่นนานกว่าช่วยลดผลกระทบของสเปรด
  • สามารถรอโอกาสที่ดีกว่า

การจัดการ:

  • Take Profit อย่างน้อย 10-20 pips
  • หลีกเลี่ยงเทรดช่วงสเปรดกว้าง

Swing Trading Strategy

ผลกระทบน้อยที่สุด:

  • การถือโพซิชั่นหลายวันทำให้สเปรดไม่สำคัญมาก
  • มุ่งเน้นการวิเคราะห์มากกว่าต้นทุนระยะสั้น

ข้อได้เปรียบ:

  • สามารถใช้ Market Maker ที่มี Fixed Spread ได้
  • ไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงสเปรดระยะสั้น

การคำนวณภาษีจากการเทรดที่มีสเปรด

สเปรดเป็นต้นทุนที่หักได้

ตามมาตรา 40(4) Forex และประกาศป.161/2566 Forex สเปรดถือเป็นค่าใช้จ่ายในการหารายได้

การคำนวณ:

รายได้สุทธิ = รายได้รวม – สเปรด – คอมมิชชั่น – ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

การเก็บหลักฐาน

เอกสารที่ต้องเก็บ:

  • Statement จากโบรกเกอร์ที่ระบุสเปรดชัดเจน
  • รายละเอียดสเปรดแต่ละเทรด
  • หลักฐานการโอนเงิน/ฝาก-ถอน
  • ใบเสร็จค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

การใช้เครดิตภาษีต่างประเทศ

หากโบรกเกอร์หักภาษี ณ ที่จ่ายในต่างประเทศ สามารถใช้เครดิตภาษีต่างประเทศได้ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน

การคำนวณเครดิตภาษี:

  • ภาษีที่จ่ายในต่างประเทศสามารถนำมาหักจากภาษีในไทยได้
  • ต้องมีหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากต่างประเทศ

การไม่ยื่นภาษี Forexหรือแจ้งรายได้ไม่ครบถ้วนอาจเสี่ยงต่อบทลงโทษเลี่ยงภาษี ตามกฎหมาย

สเปรดในอนาคต: เทรนด์และการเปลี่ยนแปลง

เทคโนโลยี AI และ Algorithmic Trading

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น:

  • High-frequency trading ทำให้สเปรดแคบลง
  • AI ช่วยปรับสเปรดแบบ Real-time
  • Competition ระหว่างโบรกเกอร์ทำให้สเปรดลดลง

การควบคุมและกฎระเบียบ

แนวโน้มการควบคุม:

  • ความโปร่งใสในการแสดงสเปรด
  • การป้องกันการจัดการราคา
  • มาตรฐานสากลในการรายงานสเปรด

สำหรับเทรดเดอร์ไทย การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกรมสรรพากร Forex compliance และการคำนวณภาษี

Decentralized Finance (DeFi) และสเปรด

แพลตฟอร์ม DeFi:

  • Automated Market Maker (AMM) ใช้อัลกอริทึมคำนวณสเปรด
  • สเปรดขึ้นอยู่กับอัตราส่วน Token ใน Pool
  • ไม่มี Market Maker แบบดั้งเดิม

ผลกระทบ:

  • สเปรดอาจผันผวนมากกว่าแบบดั้งเดิม
  • แต่อาจแคบกว่าในช่วงสภาพคล่องสูง

กรณีศึกษา: การจัดการสเปรดในสถานการณ์จริง

กรณีที่ 1: Covid-19 และความผันผวนสูง

สถานการณ์ (มีนาคม 2020):

  • EUR/USD สเปรดปกติ 1.0 pip เพิ่มเป็น 8-15 pips
  • GBP/USD จาก 1.5 pips เป็น 20-40 pips
  • Exotic pairs หยุดเทรดชั่วคราว

การปรับตัวของเทรดเดอร์:

  • ลดจำนวนการเทรด 70-80%
  • เปลี่ยนจาก Scalping เป็น Position Trading
  • ใช้ Position Size เล็กลงเพื่อจัดการความเสี่ยง

กรณีที่ 2: Brexit Vote และสเปรดกว้าง

สถานการณ์ (มิถุนายน 2016):

  • GBP/USD สเปรดกว้างถึง 50-100 pips
  • EUR/GBP เกือบหยุดเทรด
  • ตลาดเกิด Gap มากมาย

บทเรียนที่ได้:

  • การมี Stop Loss ไม่สามารถป้องกันได้ 100%
  • ความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยง
  • การไม่เทรดช่วงข่าวใหญ่เป็นทางเลือกที่ดี

กรณีที่ 3: Flash Crash และปัญหาสภาพคล่อง

สถานการณ์ (มกราคม 2015 – Swiss Franc):

  • EUR/CHF เคลื่อนไหว 2,000+ pips ในไม่กี่นาที
  • สเปรดกว้างจนเกือบไม่สามารถเทรดได้
  • โบรกเกอร์หลายรายล้มละลาย

ข้อคิด:

  • Black Swan Events สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
  • การมี Position Size ที่เหมาะสมช่วยรอดได้
  • ความสำคัญของการเลือกโบรกเกอร์ที่แข็งแกร่ง

เครื่องมือและแอปพลิเคชั่นสำหรับติดตามสเปรด

แพลตฟอร์มการเทรดหลัก

MetaTrader 4/5:

  • แสดงสเปรด Real-time ใน Market Watch
  • สามารถติดตั้ง EA เพื่อติดตามสเปรด
  • Export ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์

TradingView:

  • ไม่แสดงสเปรดโดยตรง แต่มี Price feed หลากหลาย
  • เปรียบเทียบราคาจากโบรกเกอร์ต่าง ๆ ได้

เว็บไซต์เปรียบเทียบสเปรด

Forex Factory:

  • ตาราง Spread comparison แบบ Real-time
  • รีวิวโบรกเกอร์และ Spread analysis

MyFxBook:

  • เปรียบเทียบสเปรดโบรกเกอร์
  • Statistics และ Historical data

แอปมือถือ

Mobile Trading Apps:

  • MT4/MT5 Mobile แสดงสเปรดแบบ Real-time
  • Push notification เมื่อสเปรดกว้างผิดปกติ

Spread Alert Apps:

  • แจ้งเตือนเมื่อสเปรดแคบกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
  • เหมาะสำหรับ Scalper ที่ต้องการ Entry ที่เหมาะสม

แนวทางการศึกษาเพื่อเข้าใจสเปรดให้ลึกขึ้น

หนังสือแนะนำ

“Market Microstructure Theory” by Maureen O’Hara:

  • อธิบายโครงสร้างตลาดและการเกิดสเปรด
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจระดับลึก

“Trading and Exchanges” by Larry Harris:

  • ครอบคลุมหลักการ Market Making
  • อธิบายสาเหตุของการมีสเปรด

คอร์สออนไลน์

Coursera – Financial Markets:

  • Yale University โดย Robert Shiller
  • ครอบคลุมหลักการตลาดการเงินพื้นฐาน

edX – Introduction to Trading:

  • อธิบายกลไกการทำงานของตลาด
  • รวมถึงบทบาทของ Market Maker

การฝึกฝนจริง

Demo Account:

  • ฝึกสังเกตพฤติกรรมสเปรดในสถานการณ์ต่าง ๆ
  • ทดลองกลยุทธ์การจัดการสเปรด

Backtesting:

  • ทดสอบกลยุทธ์โดยคิดสเปรดเข้าไปด้วย
  • วิเคราะห์ผลกระทบของสเปรดต่อผลตอบแทน

สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องการปรึกษาภาษี Forex เพิ่มเติม ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายภาษีและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

สรุป: ทำไมความเข้าใจเรื่องสเปรดจึงสำคัญต่อทุกเทรดเดอร์

สเปรด = ต้นทุนพื้นฐานของการเทรด

ค่าสเปรด คือต้นทุนพื้นฐานที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ การเข้าใจและจัดการสเปรดอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ

ความรู้พื้นฐานสำหรับการเริ่มต้น

การเข้าใจสเปรดเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเทรด เมื่อคุณเข้าใจว่าสเปรดทำงานอย่างไร คุณจะสามารถ:

  • เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรด
  • คำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำ
  • วางกลยุทธ์การเทรดที่คำนึงถึงต้นทุนจริง
  • จัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น

การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทคโนโลยีใหม่ ๆ และรูปแบบการเทรดที่พัฒนาขึ้นจะส่งผลต่อโครงสร้างสเปรดในอนาคต

การติดตามข้อมูลและปรับปรุงความรู้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณอยู่ในเกมได้อย่างยาวนาน

สำหรับเทรดเดอร์ไทยโดยเฉพาะ การเข้าใจเรื่องสเปรดยังช่วยในการคำนวณภาษี Forex และการปฏิบัติตามกฎหมาย Forex ไทย ได้อย่างถูกต้อง

ไม่ว่าจะเป็นรายได้เสริมจากการเทรดหรือการเทรดแบบมืออาชีพ ความเข้าใจเรื่องสเปรดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นและสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน

จำไว้ว่า การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การคาดเดาทิศทางราคา แต่เป็นการจัดการความเสี่ยงและต้นทุนอย่างเป็นระบบ และสเปรดเป็นส่วนสำคัญหนึ่งของต้นทุนนั้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

  1. Q: สเปรดแคบสุดคือเท่าไหร่?

    A: ในตลาด Forex คู่ EUR/USD สเปรดแคบที่สุดอยู่ที่ประมาณ 0.1-0.3 pips สำหรับโบรกเกอร์ ECN ในช่วงสภาพคล่องสูง

  2. Q: ทำไมสเปรดบางครั้งกว้างกว่าปกติ?

    A: สเปรดจะกว้างขึ้นเมื่อสภาพคล่องลดลง ความผันผวนสูง หรือช่วงประกาศข่าวสำคัญ เป็นการป้องกันความเสี่ยงของ Market Maker

  3. Q: Fixed Spread หรือ Floating Spread ดีกว่า?

    A: ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด Fixed Spread เหมาะกับมือใหม่และ Long-term trader ส่วน Floating Spread เหมาะกับ Scalper และเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์

  4. Q: การเทรด Forex ในไทยเสียภาษีไหม?

    A: ใช่ ตามกฎหมาย Forex ไทย กำไรจากการเทรด Forex ถือเป็นรายได้ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องยื่นภาษี Forex ตามมาตรา 40(4)

  5. Q: สเปรดสามารถนำมาหักภาษีได้ไหม?

    A: ได้ สเปรดถือเป็นค่าใช้จ่ายในการหารายได้ สามารถนำมาหักจากรายได้รวมเพื่อคำนวณรายได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี

  6. Q: โบรกเกอร์ไหนมีสเปรดดีที่สุด?

    A: ไม่มีโบรกเกอร์ไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ต้องพิจารณาจากสไตล์การเทรด คู่สกุลเงินที่เทรด และเวลาที่เทรด ควรเปรียบเทียบสเปรดในช่วงที่คุณเทรดจริง

Picture of Ariya Suksawadee
Ariya Suksawadee
อริยา สุขสวัสดิ์ เป็นนักวิจัยอาวุโสแห่งเว็บไซต์รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ เธอมีประสบการณ์มากกว่า 14 ปีในการวิเคราะห์นโยบายการเงินและระบบอัตราแลกเปลี่ยนในเอเชีย เชี่ยวชาญด้านการตัดสินใจของธนาคารกลาง ความร่วมมือทางการเงินในภูมิภาคอาเซียน และการวิเคราะห์อัตราแลกเปลี่ยนตามสถานการณ์สำคัญ อริยาเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับกระทรวงการคลังของไทยและธนาคารพัฒนาเอเชีย พร้อมให้คำแนะนำด้านกลยุทธ์แก่บริษัทและสถาบันการเงินชั้นนำ ความเห็นของเธอมักปรากฏในสื่อระดับประเทศ เช่น Bangkok Biz News และ Bloomberg Asia จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเงินที่น่าเชื่อถือ
Prev上一篇แนวรับ แนวต้าน คือ อะไร? เทคนิคการเทรดสำคัญที่ทุกนักลงทุนควรเข้าใจ
下一篇วิธีเทรดทองออนไลน์: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่Q: มือใหม่ควรเริ่มเทรดทองด้วยวิธีใด?วิธีเทรดทองออนไลน์: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่Next
การจัดอันดับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
แบรนด์
คะแนน
รีวิวแบบละเอียด
1. Moneta Markets
★ 9.8/10
2. Vantage FX
★9.4/10
3. VT Markets
★ 9.2/10
4. Eightcap
★ 8.9/10
5. GOFX
★ 8.8/10
บทความล่าสุด
ภาพเปรียบเปรย Lot Size
พื้นฐานการลงทุน

Lot Size คืออะไร? เข้าใจง่าย เทรดมั่นใจ

สำหรับนักเทรดหน้าใหม

อ่านเพิ่มเติม »
ภาพรวมการอ่อนค่าของเงินบาท
วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex

เงินบาทอ่อนค่า ใครได้ประโยชน์ – ผลกระทบที่คุณต้องรู้ในปี 2025

บทนำ – เงินบาท

อ่านเพิ่มเติม »
ภาพคนกำลังเทรดทอง
คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์

วิธีเทรดทองออนไลน์: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่Q: มือใหม่ควรเริ่มเทรดทองด้วยวิธีใด?วิธีเทรดทองออนไลน์: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่

การเทรดทองในยุคดิจิท

อ่านเพิ่มเติม »
แนะนำเพิ่มเติม
ภาพนักเทรดกำลังเช็คกราฟ
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

รูปแบบ Triple Bottom คืออะไร? คู่มือสำหรับเทรดเดอร์หุ้นไทย

เคยสงสัยไหมว่าหุ้นที

อ่านเพิ่มเติม »
ภาพเทรดเดอร์กำลังครุ่นคิดเรื่องภาษีจากการเทรด Forex
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

เทรด Forex เสียภาษีไหม? คำถามที่เทรดเดอร์ไทยสงสัยมากที่สุด

เทรด Forex ผิดกฎหมาย

อ่านเพิ่มเติม »
แผนที่โลกแสดงเวลาทำการของตลาด Forex หลัก
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

Demand Zone Forex เราควรเทรดเวลาไหนดี?

1. เริ่มต้นเข้าใจ De

อ่านเพิ่มเติม »


10 อันดับโบรกเกอร์ Forex เป็นแพลตฟอร์มรีวิวชั้นนำในฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ทีมงานของเรามีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม มากกว่า 10 ปี เพื่อมอบประสบการณ์การเทรดที่ปลอดภัยที่สุดให้กับคุณ

เกี่ยวกับเรา

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
  • ข้อกำหนดในการใช้งาน
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว

เงื่อนไขการใช้งาน

  • หน้าแรก
  • รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
    • รายละเอียดโบรกเกอร์ Forex
  • การเทรด Forex
    • วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex
    • คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex
  • คริปโตเคอร์เรนซี
    • รวมคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยม
    • พื้นฐานการลงทุนบล็อกเชน
  • การลงทุนในหุ้น
    • วิเคราะห์หุ้นกลุ่มยอดนิยม
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนหุ้น
    • แนะนำกองทุน ETF
  • การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
    • เจาะลึกการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
  • วิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
  • พื้นฐานการลงทุน
  • หน้าแรก
  • รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
    • รายละเอียดโบรกเกอร์ Forex
  • การเทรด Forex
    • วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex
    • คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex
  • คริปโตเคอร์เรนซี
    • รวมคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยม
    • พื้นฐานการลงทุนบล็อกเชน
  • การลงทุนในหุ้น
    • วิเคราะห์หุ้นกลุ่มยอดนิยม
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนหุ้น
    • แนะนำกองทุน ETF
  • การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
    • เจาะลึกการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
  • วิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
  • พื้นฐานการลงทุน

สมัครรับจดหมายข่าวจากเรา

รับข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ของเราและสัญญาณการเทรดประจำสัปดาห์