ยินดีต้อนรับเข้าสู่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ — หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “ตลาด Forex” — หนึ่งในตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างเข้าร่วมตลาดนี้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสถาบัน บริษัทข้ามชาติ หรือแม้แต่บุคคลธรรมดาที่ต้องการเพิ่มพูนรายได้
หากคุณกำลังพิจารณาหันมาเทรด Forex แต่รู้สึกสับสนและไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน บทความนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะไม่เคยแตะกราฟเลย หรือเพิ่งเริ่มศึกษาเรื่องการลงทุน การเปิดเดินทางในตลาด Forex คือสิ่งที่ต้องใช้ระบบ วินัย และความรู้ที่ถูกต้อง
คู่มือฉบับนี้จะพาคุณก้าวผ่าน “โรดแมป 7 ขั้นตอน” อย่างมั่นคง เริ่มตั้งแต่ความเข้าใจพื้นฐาน คำศัพท์ที่จำเป็น กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง ไปจนถึงการฝึกเทรดทีละขั้นในบัญชีทดลอง เพื่อให้คุณไม่ต้องเสียเงินจริงในวันแรก และสามารถปูรากฐานสำหรับความสำเร็จในระยะยาว

ขั้นตอนที่ 1: การเทรด Forex คืออะไร? ทำไมตลาดนี้ถึงไม่เหมือนที่อื่น?
คำว่า Forex มาจากคำว่า “Foreign Exchange” หรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ — ซึ่งจริงๆ แล้วคุณอาจเคยทำมันมาก่อนแล้ว เช่น เมื่อเดินทางไปต่างประเทศแล้วต้องแลกเงินบาทเป็นดอลลาร์หรือเยน นั่นคือการทำธุรกรรม Forex ในระดับพื้นฐาน
ในตลาดสากล การเทรด Forex คือการซื้อหนึ่งสกุลเงินพร้อมกับขายอีกสกุลหนึ่ง โดยทำกำไรจากความเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน เช่น ถ้าคุณซื้อ EUR/USD คุณกำลังคาดว่าค่าเงินยูโรจะแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ข้อได้เปรียบที่ทำให้ Forex โดดเด่นเหนือตลาดอื่นมีดังนี้:
- ตลาดใหญ่ที่สุดในโลก: ตาม รายงานจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ปริมาณการซื้อขายต่อวันในตลาด Forex สูงถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ความใหญ่นี้หมายถึงสภาพคล่องที่สูงมาก ทำให้คุณสามารถเข้าและออกจากตลาดได้ในทันที
- เทรดได้ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์: ไม่มีวันหยุดกลางสัปดาห์ ไม่มีเวลาปิดตายตัว ตลาดทำงานต่อเนื่องจากกรุงเทพฯ นอนหลับ ไปจนถึงนิวยอร์กเปิดตลาด เพราะเป็นเครือข่ายของธนาคารและสถาบันการเงินทั่วโลก ไม่มีศูนย์กลางเฉพาะ
- เข้าถึงง่าย: ปัจจุบัน คุณสามารถซื้อขายได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ด้วยเงินเริ่มต้นเพียงหลักร้อยหรือหลักพันบาท
- ทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง: คุณไม่จำเป็นต้องรอให้ตลาดขึ้น แต่สามารถ เปิดสถานะขาย (Short) เพื่อทำกำไรเมื่อราคาวิ่งลง ซึ่งแตกต่างจากการซื้อหุ้นในตลาดหุ้นแบบดั้งเดิม

ขั้นตอนที่ 2: รู้จักคำศัพท์หลัก — ภาษาของการเทรด Forex
ก่อนจะเริ่มเทรด คุณต้องเข้าใจ “ภาษา” ของนักเทรด ไม่ใช่แค่เอาคำศัพท์มาท่อง แต่เข้าใจหลักการเบื้องหลัง มีคำสำคัญที่มือใหม่ต้องรู้ดังนี้:
คู่เงิน (Currency Pairs)
การเทรด Forex ต้องเกิดขึ้นเป็น “คู่” เสมอ เพราะคุณไม่สามารถซื้อสกุลเงินหนึ่งโดยไม่ขายอีกสกุลหนึ่ง
ตัวอย่าง: EUR/USD
- Base Currency: สกุลเงินตัวแรก (EUR) — สิ่งที่คุณกำลังซื้อหรือขาย
- Quote Currency: สกุลเงินตัวที่สอง (USD) — หน่วยที่ใช้วัดราคา
ดังนั้น หาก EUR/USD = 1.0800 หมายความว่า คุณต้องใช้ดอลลาร์ 1.08 ดอลลาร์ เพื่อซื้อยูโร 1 ยูโร
คู่เงินหลักแบ่งเป็น:
- Major Pairs: คู่ที่เกี่ยวกับ USD เป็นหลัก เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY
- Minor Pairs: คู่ที่ไม่มี USD เช่น EUR/GBP, AUD/JPY
- Exotic Pairs: คู่ที่รวมเงินของประเทศเกิดใหม่ เช่น USD/THB, USD/TRY
Pip (พิป)
Pip เป็นหน่วยเล็กที่สุดที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคา เช่น ราคาของ EUR/USD เปลี่ยนจาก 1.0800 เป็น 1.0805 เท่ากับ 5 pips
สำหรับคู่ที่อ้างอิงทศนิยม 4 ตำแหน่ง (เช่น ดอลลาร์คู่เยน) พิปคือตัวเลขตำแหน่งที่ 4 แต่สำหรับคู่บางคู่ เช่น USD/JPY จะนับพิปที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 2
Lot (ล็อต)
Lot บอกขนาดของการเทรด:
- Standard Lot: 100,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน
- Mini Lot: 10,000 หน่วย
- Micro Lot: 1,000 หน่วย — เหมาะที่สุดสำหรับมือใหม่
เลเวอเรจ (Leverage)
เลเวอเรจคือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณ “ยืมเงิน” จากโบรกเกอร์เพื่อเทรดในขนาดที่ใหญ่กว่าเงินทุนของคุณ เช่น ใช้เลเวอเรจ 1:100 คุณสามารถควบคุมเงิน 10,000 ดอลลาร์ด้วยเงินทุนเพียง 100 ดอลลาร์
แต่จำไว้ว่า ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน หากคุณผิดทาง ขาดทุนจะคูณจากเลเวอเรจด้วย ตาม Investopedia เลเวอเรจเปรียบเสมือนดาบที่คมทั้งสองด้าน ใช้ดีทำกำไรได้เร็ว ใช้ผิดร่างแหก
มาร์จิ้น (Margin)
มาร์จิ้นคือจำนวนเงินที่ถูกล็อกไว้ในบัญชีของคุณเมื่อใช้เลเวอเรจ เป็นเหมือน “เงินประกัน” ที่โบรกเกอร์ต้องการเพื่อเปิดออเดอร์และจะคืนเมื่อคุณปิดออเดอร์
สเปรด (Spread)
สเปรดคือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) กับราคาเสนอขาย (Ask) ถือเป็นค่าธรรมเนียมหลักที่คุณจ่ายให้กับโบรกเกอร์เสมอที่เข้าเทรด ยิ่งคู่เงินมีสภาพคล่องสูง (เช่น EUR/USD) สเปรดมักจะแคบ

ขั้นตอนที่ 3: บทเรียนสำคัญที่สุด — กฎเหล็กในการบริหารความเสี่ยงสำหรับมือใหม่
คำว่า “ทำกำไร” ไม่ใช่เป้าหมายของมือใหม่เป้าหมายจริงคือ “อย่าเสียเงิน” การอยู่รอดและเติบโตในตลาด Forex ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารความเสี่ยง นี่คือสองกฎพื้นฐานที่คุณต้องฝังไว้ในหัว:
กฎ 2% (The 2% Rule)
นี่คือกฎทองสำหรับนักเทรดทุกคน: อย่าเสี่ยงเกิน 2% ของเงินทุนในบัญชีในการเทรดแต่ละครั้ง
ตัวอย่าง: ถ้าคุณมีเงินทุน $1,000 คุณควรจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ $20 ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง แม้คุณจะมั่นใจแค่ไหนก็ตาม
การรักษากฎนี้ช่วยให้คุณรอดจากการขาดทุนซ้ำ ๆ เพราะตลาดมีวันที่คุณทายผิด นักเทรดที่อยู่ได้นานในตลาด ไม่ใช่คนที่ชนะทุกครั้ง แต่เป็นคนที่รู้จักรักษาเงินทุน
ใช้ Stop Loss ทุกครั้ง
Stop Loss คือ “เบรกของคุณ” ในโลกการเทรด คุณต้องตั้งระดับราคาที่หากตลาดเคลื่อนผ่านมา ระบบจะปิดออเดอร์ให้อัตโนมัติ
ถ้าคุณเทรดโดยไม่ใช้ Stop Loss ก็เหมือนขับรถด้วยความเร็ว 150 กม./ชม. โดยไม่มีเบรก — เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาตอนไหนก็ได้ และผลลัพธ์อาจไม่ใช่แค่ขาดทุน แต่ล้างบัญชีส่งเดช
ขั้นตอนที่ 4: สร้างกล่องเครื่องมือวิเคราะห์ — เทคนิคและการพื้นฐาน
การตัดสินใจเทรดโดยไม่ต้องเดานั้นอาศัยการวิเคราะห์สองแบบหลัก:
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
คือการศึกษาพฤติกรรมราคาในอดีตผ่านกราฟ เพื่อลดความไม่แน่นอนในอนาคต สำหรับมือใหม่ ควรเน้นสิ่งง่าย ๆ แต่มีประสิทธิภาพ:
- เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): ช่วยระบุทิศทางหลัก ว่าตลาดกำลังขึ้น ลง หรือแน่นิ่ง
- แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance): เป็นพื้นที่สำคัญที่ราคามักเด้งกลับหรือทะลุผ่าน
อย่าซับซ้อนกับตัวชี้วัด (Indicator) มากเกินไปตอนเริ่มต้น เพราะส่วนใหญ่ล้าช้า (lagging) และอาจส่งสัญญาณผิดในตลาดที่พักตัว
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
คือการติดตามข่าวเศรษฐกิจ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง อัตราเงินเฟ้อ หรือตัวเลขการจ้างงาน เพราะข่าวเหล่านี้สามารถทำให้ราคาสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งกระโดดขึ้นหรือร่วงลงได้ในไม่กี่นาที
ในฐานะมือใหม่ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักเศรษฐศาสตร์ แต่ควรติดตามวาระสำคัญ เช่น การประชุม FOMC (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) หรืองานประกาศตัวเลข Non-Farm Payrolls (NFP)
ขั้นตอนที่ 5: เลือกโบรกเกอร์และเปิดบัญชีฝึกฟรี
โบรกเกอร์คือประตูบานแรกสู่ตลาด Forex การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีมีความหมายกับความสำเร็จระยะยาวของคุณ
ควรพิจารณาจุดต่อไปนี้:
- มีหน่วยงานกำกับดูแลหรือไม่: เช่น FCA (UK), ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส) การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานเหล่านี้ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเงินของคุณได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
- ค่าธรรมเนียมและสเปรด: ตรวจสอบว่าไม่เกินพิธี ไม่มี “hidden fee” บางรายการ
- แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย: สำหรับนักเทรดมือใหม่ แพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) คือมาตรฐานในอุตสาหกรรม ด้วยหน้าต่างที่ใช้งานง่าย มีเครื่องมือวิเคราะห์ เงาเทียน (candlestick) ที่เข้าใจได้
ข้อควรทำอันดับแรกคือ: เปิดบัญชีทดลอง (Demo Account)
บัญชีทดลองให้คุณซื้อขายด้วย “เงินจำลอง” ในสภาพตลาดจริง คุณสามารถฝึก:
- วิธีการเปิด-ปิดออเดอร์
- การใช้เครื่องมือวิเคราะห์
- การตั้ง Stop Loss และ Take Profit
- การฝึกวินัยตามกฎ 2%
โดยที่ไม่ต้องเสียเงินจริง哪怕เป็นบาทเดียว
ขั้นตอนที่ 6: เทรดจำลองครั้งแรก — ทดลองทุกอย่างทีละขั้น
ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะนำความรู้ทั้งหมดมาทดลองเทรดในบัญชี Demo สมมติว่าคุณต้องการเทรทองคู่ EUR/USD
- วิเคราะห์แนวโน้ม: คุณเปิดกราฟรายชั่วโมงของ EUR/USD และเห็นว่าราคากำลังขึ้นแบบมีระเบียบ ทำ High กับ Low สูงขึ้นเรื่อย — ชัดเจนว่าแนวโน้มขาขึ้น
- เลือกจุดเข้าเทรด: คุณรอให้ราคาย่อตัวลงมาใกล้โซนแนวรับที่เคยเด้งกลับหลายครั้ง แล้วตัดสินใจ “Buy” EUR/USD ที่ราคา 1.0800 ด้วยขนาด 0.01 Lot (Micro Lot)
- ตั้ง Stop Loss และ Take Profit:
- Stop Loss ตั้งที่ 1.0780 (ต่ำกว่า 20 pips จากราคาเข้า) — ความเสี่ยง: $20
- Take Profit ตั้งที่ 1.0840 (กำไร 40 pips) — อัตราส่วน Risk/Reward คือ 1:2
- จัดการและปิดสถานะ: ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ราคาวิ่งขึ้นถึง 1.0840 ระบบปิดตำแหน่งให้โดยอัตโนมัติ คุณทำกำไร $40 จากการเทรดเพียงครั้งเดียว
นี่คือขั้นตอนแบบครบวงจรผ่าน Demo Account การทำซ้ำแบบนี้หลายสิบครั้ง จะสร้าง “ความเคยชิน” และ “ความมั่นใจ” ที่จำเป็นก่อนจะลงสนามจริง
ขั้นตอนที่ 7: ข้อแนะนำเฉพาะนักเทรดไทย
เวลาเปิด-ปิดตลาดมีผลโดยตรงต่อความผันผวนและความเสี่ยงของคุณ สำหรับเทรดเดอร์ที่อยู่ในประเทศไทย คุณควรโฟกัสที่ช่วงเวลาที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวรุนแรงที่สุด — นั่นคือช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน
ช่วงเวลานี้ เมื่อเทียบกับเวลาไทย (ICT) อยู่ประมาณ:
19:00 น. – 23:00 น.
ในช่วง 4 ชั่วโมงนี้ ปริมาณการซื้อขายพุ่งสูง เพราะทั้งยุโรปและอเมริกาต่างกำลังดำเนินการในช่วงเวลาทำงาน การประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ การเคลื่อนเงินจำนวนมากจากสถาบัน จะทำให้ราคาเคลื่อนไหวเร็ว และช่วยให้คุณมีโอกาสในการทำกำไรสูงขึ้น
เป็นโอกาสทองสำหรับนักเทรดคนทำงานที่กลับบ้านแล้วสามารถเทรดในช่วงเวลาที่ตลาดคึกคักที่สุดโดยไม่รบกวนการใช้ชีวิต
ตัวอย่างการเปิดบัญชีกับ Moneta Markets
ขั้นตอนที่ 1: เข้าสู่เว็บไซต์ทางการของ Moneta Markets คลิกปุ่ม “ลงทะเบียน” บนหน้าแรก

ขั้นตอนที่ 2: กรอกข้อมูลสมัครสมาชิก ข้อมูลส่วนตัวตามที่กำหนด จากนั้นเลือกแพลตฟอร์มเทรด ประเภทบัญชี สกุลเงินของบัญชี จากนั้นกดยอมรับ


ขั้นตอนที่ 3: หลังจากกรอกข้อมูลแล้ว สามารถยืนยันตัวตน KYC โดยเลือกประเภทเอกสารที่ใช้ยืนยันได้เลย ใช้เวลาไม่กี่นาที


สำหรับผู้เริ่มต้น หากต้องการเข้าใจพื้นฐานว่า Forex คืออะไร, เรียนรู้วิธีการใช้งาน Copy Trade เพื่อทำตามนักเทรดมืออาชีพ, และทำความเข้าใจความเสี่ยงของ เลเวอเรจ บทความเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เริ่มต้นเทรด Forex ต้องใช้เงินเท่าไหร่?
บางโบรกเกอร์อนุญาตให้ฝากเพียง $10 หรือ $20 แต่เพื่อความยืดหยุ่นในการบริหารความเสี่ยงและการควบคุม size การเทรด ขอแนะนำให้เริ่มที่ $200–$500 ขึ้นไป ซึ่งช่วยให้คุณอยู่ในเกมได้นานขึ้นเมื่อมีการขาดทุนติดต่อกัน
การเทรด Forex มีความเสี่ยงสูงสำหรับมือใหม่หรือไม่?
ใช่ — และเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดหากไม่ได้เรียนรู้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการใช้เลเวอเรจในขนาดใหญ่โดยไม่เข้าใจผลลัพธ์ การเริ่มต้นจากบัญชีทดลอง ศึกษาอย่างต่อเนื่อง และใช้กฎบริหารความเสี่ยงคือสิ่งเดียวที่จะช่วยคุณลดความเสี่ยงนี้
ฉันสามารถรวยจากการเทรด Forex ได้หรือไม่?
มีนักเทรดที่ประสบความสำเร็จจริง แต่สถิติชี้ว่ามากกว่า 70% ของมือใหม่หมดตัวในปีแรก การมาตลาด Forex เพื่อหวังรวยเร็วคือจุดจบของชีวิตการเทรด ต้องตั้งต้นด้วยการเรียนรู้ วินัย ความอดทน และยอมรับว่า “ความสำเร็จ” คือกระบวนการที่ต้องใช้เวลา 3–5 ปี หรือมากกว่า
มือใหม่ควรเริ่มจากคู่เงินไหน?
เริ่มต้นด้วยคู่หลัก (Major Pairs) เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD หรือ AUD/USD เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง สเปรดต่ำ และราคาเคลื่อนไหวค่อนข้างมีแนวโน้มชัดเจน การทำความเข้าใจคู่เหล่านี้เป็นรากฐานที่มั่นคง
แพลตฟอร์มเทรดที่ดีที่สุดคืออะไรสำหรับมือใหม่?
MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) คือตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากรองรับอุปกรณ์ทุกชนิด ใช้ง่าย มีข้อมูลกราฟครบ และโบรกเกอร์ส่วนใหญ่สนับสนุน คุณสามารถโหลดฟรีได้ทั้งเวอร์ชันบนเว็บ หรือแอปมือถือ
ควรฝึกในบัญชีทดลองนานแค่ไหน?
จนกว่าคุณจะสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอเป็นเวลาอย่างน้อย 3–6 เดือน ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน การเข้าออกตำแหน่งที่วินัย และปฏิบัติตามการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด อย่ารีบเร่งใช้เงินจริงเด็ดขาด
จำเป็นต้องนั่งจ้องจอทั้งวันไหม?
ไม่จำเป็น รูปแบบการเทรดมีหลากหลาย เช่น Day Trading, Swing Trading หรือ Position Trading คุณสามารถเทรดเพียงวันละ 30–60 นาทีแล้วมีประสิทธิภาพได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์ที่คุณเลือก
การเทรด Forex ในประเทศไทยถูกกฎหมายหรือไม่?
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่ควบคุมหรืออนุญาตให้บริษัท Forex ในประเทศทำธุรกิจได้โดยตรง แต่การที่บุคคล จะเทรดผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ ไม่ได้ขัดหลักกฎหมายบุคคลที่จะใช้เงินในบัญชีของตนทำธุรกรรมทางการเงินต่างประเทศอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม คุณต้องระบุให้ชัดเจนว่าเงินลงทุนของคุณไม่ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยงานไทย ดังนั้นการเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลในต่างประเทศจึงเป็นหัวใจสำคัญ