เลือก Leverage Forex เท่าไหร่ดี: เรื่องสำคัญที่ทุกนักเทรดควรเข้าใจ
การตัดสินใจเรื่อง “เลเวอเรจ” เป็นหนึ่งในประเด็นที่มีผลต่อความอยู่รอดในตลาด Forex มากที่สุด ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือเทรดมาหลายปี การเลือกอัตราเลเวอเรจที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข แต่เกี่ยวข้องกับสไตล์การเทรด ขนาดพอร์ต และความสามารถในการจัดการความเสี่ยงโดยตรง
บทความนี้ไม่ได้จะบอกคุณว่า “ควรใช้เลเวอเรจ 1:500” หรือ “ต้องใช้แค่ 1:30” แต่จะช่วยให้คุณเข้าใจลึกซึ้งถึงกลไก ความเสี่ยง และพฤติกรรมที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตัวเลขเลเวอเรจ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด บนฐานของข้อมูล ไม่ใช่แรงดึงดูดจากโฆษณาของโบรกเกอร์ โดยเราจะวิเคราะห์ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน ปัจจัยที่ควรพิจารณา พร้อมตารางจำลองความเสี่ยงที่ชัดเจน เพื่อให้คุณมีมุมมองที่รอบด้านและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในปี 2025

เลเวอเรจ Forex คืออะไร? เข้าใจใน 2 นาที
เลเวอเรจ (Leverage) คือเครื่องมือที่ช่วยเพิ่ม “อำนาจการซื้อ” ในบัญชีเทรดของคุณ โดยให้คุณสามารถควบคุมสัญญาขนาดใหญ่ได้ แม้มีเงินทุนจริงเพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงิน $1,000 และใช้เลเวอเรจ 1:100 คุณจะสามารถเปิดตำแหน่งได้สูงสุดถึง $100,000
อัตรานี้มักแสดงในรูปแบบสัดส่วน เช่น 1:10, 1:50, 1:100 หรือแม้แต่ 1:1,000 ซึ่งหมายความว่า ทุก 1 หน่วยเงินทุนที่คุณมี จะสามารถควบคุมสินทรัพย์ได้มากถึง 10, 50 หรือ 1,000 เท่าของยอดนั้นๆ
แต่ต้องจดจำให้ดีว่า เลเวอเรจเปรียบเสมือนดาบที่มีสองคม ขณะที่มันขยายผลกำไรได้อย่างมหัศจรรย์ มันก็ขยายขาดทุนในอัตราเท่ากัน หากคุณคาดการณ์ผิดและทิศทางราคาเคลื่อนไหวสวนทาง คุณอาจเสียเงินทั้งหมดในบัญชี (ล้างพอร์ต) ได้ภายในไม่กี่วินาที

ข้อดีและข้อเสียของเลเวอเรจที่ควรรู้ก่อนใช้
เพื่อให้การตัดสินใจเลือกเลเวอเรจมีความสมดุล คุณต้องเข้าใจทั้งด้านได้และด้านเสียอย่างชัดเจน
ข้อดีของเลเวอเรจ
- เพิ่มอำนาจการซื้อ: แม้มีเงินทุนจำกัด คุณก็ยังสามารถเข้าร่วมตลาดและซื้อขายคู่สกุลเงินขนาดใหญ่ได้ เช่น 1 LOT (100,000 หน่วย)
- โอกาสทำกำไรสูงขึ้น จากการเคลื่อนไหวเล็กน้อย: แม้ราคาขยับเพียง 10–20 pip ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้ สำหรับนักเทรดที่จับจังหวะได้แม่นยำ
- ใช้เงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ: คุณใช้เพียง “เงินประกัน (Margin)” เท่านั้นในการเปิดสถานะ ทำให้ยังมีเงินสดเหลือในบัญชี (Free Margin) ไว้บริหารความเสี่ยงหรือเปิดเทรดอื่นๆ ได้
ข้อเสียของเลเวอเรจ
กระทบต่อจิตใจ: ความรู้สึกโลภหรือกลัวจะถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเมื่อมองเห็นกำไรหรือขาดทุนที่วิ่งเร็ว ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาด เช่น การเปิดเพิ่มทั้งที่ผิดทาง หรือตัดทำกำไรเร็วเกินไปจากความกลัว
ขยายความเสี่ยงแบบทวีคูณ: หากเลเวอเรจขยายกำไร 20 เท่า ความเสี่ยงก็ขยาย 20 เท่าเช่นกัน การผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้สูญเสียเร็วและหนัก
เสี่ยงต่อการโดน Margin Call หรือ Stop Out: ยิ่งเปิดตำแหน่งขนาดใหญ่ด้วยเลเวอเรจสูง ยิ่งต้องเฝ้าดูยอด Free Margin อยู่ตลอดเวลา เพราะเพียงราคาขยับสวนไม่กี่ pip ก็อาจทำให้โบรกเกอร์ปิดบังคับปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติ

4 ปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่าเลเวอเรจแบบไหนเหมาะกับคุณ
ไม่มี “คำตอบเดียว” สำหรับทุกคน เลเวอเรจที่ดีของแต่ละคนขึ้นอยู่กับสภาวะเฉพาะตัว ดังนี้
1. ขนาดของเงินทุน (Capital)
บัญชีขนาดเล็กมักถูกล่อลวงด้วยเลเวอเรจสูง เพราะมองว่าจะได้โอกาสทำกำไรมากขึ้น แต่นี่คือความคิดที่อันตราย เพราะบัญชีทุนน้อยมีความสามารถในการรับขาดทุน (Drawdown) ต่ำ หากตลาดผันผวนแรงเพียงวันเดียว อาจล้างพอร์ตได้ในทันที
ยิ่งเงินทุนมาก ยิ่งควรใช้เลเวอเรจต่ำ เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งเลเวอเรจขยายเพื่อให้ได้ผลตอบแทนน่าพอใจ ความทนทานต่อความผันผวนจึงดีกว่า
2. สไตล์การเทรด (Trading Style)
แต่ละรูปแบบการเทรดต้องการเลเวอเรจไม่เหมือนกัน:
- Scalper: เน้นเก็บกำไรหลาย pip ในเวลาไม่กี่นาที อาจต้องใช้เลเวอเรจปานกลางถึงสูงเพื่อให้กำไรแต่ละครั้งมีน้ำหนัก แต่จะต้องมีระบบตัดขาดทุนที่เหนียวแน่น
- Day Trader: ปิดสถานะภายในวันเดียว อาจใช้เลเวอเรจระดับ 1:50 ถึง 1:100 ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ โดยต้องมีการวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างแม่นยำ
- Swing Trader: ถือสถานะเป็นวันหรือสัปดาห์ ควรใช้เลเวอเรจต่ำ เช่น 1:10 ถึง 1:50 เพื่อให้พอร์ตทนต่อความผันผวนรายวันได้โดยไม่ต้องถูกบังคับปิด
3. ความเสี่ยงที่รับได้ (Risk Tolerance)
คุณนอนหลับสบายเมื่อบัญชีติดลบ 10% หรือตื่นกลางดึกทุกครั้งที่เห็นกราฟสีแดง? หากสติคุณเสียไปง่ายจากความผันผวน คุณควรหลีกเลี่ยงเลเวอเรจสูงทุกกรณี เพราะมันจะทำให้คุณ “อารมณ์เสีย” และตัดสินใจผิดที่ผิดเวลา
การประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ก่อนจะดูว่าคุณควรใช้เลเวอเรจเท่าไหร่
4. ประสบการณ์ในตลาด (Experience Level)
สำหรับนักเทรดมือใหม่ ควรเริ่มจากเลเวอเรจต่ำ เช่น 1:30 หรือ 1:50 ตามที่ ESMA (European Securities and Markets Authority) แนะนำสำหรับนักลงทุนรายย่อย — ดูประกาศได้ที่ ESMA
เหตุผลคือ เพื่อให้ได้ทดลองตลาดโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินทุนทั้งหมด ได้เรียนรู้การวิเคราะห์จริงๆ ไม่ใช่เพียงหวังพึ่ง “โชคลาภ” จากเลเวอเรจสูงๆ ซึ่งส่วนใหญ่จบด้วยการเสียเงิน

การเปรียบเทียบเชิงลึก: Leverage 1:50, 1:100, 1:500 เสี่ยงต่างกันแค่ไหน?
เพื่อลดความสับสน เช่น ว่า “เลเวอเรจสูง = เสี่ยงต่อการขาดทุนมากในดีลเดียว” เราขอนำเสนอสถานการณ์จำลอง:
สมมุติว่า:
- เงินทุนในบัญชี: $1,000
- คู่สกุลเงิน: EUR/USD
- ขนาดสัญญา: 0.1 Lot (10,000 ยูโร)
- Stop Loss: 50 Pips
- ค่าของแต่ละ Pip: $1
รายการเปรียบเทียบ | Leverage 1:50 | Leverage 1:100 | Leverage 1:500 |
---|
มูลค่าสัญญา (Notional Value) | $10,800 | $10,800 | ~$10,800 |
Margin ที่ใช้ (Required Margin) | $216 | $108 | $21.60 |
เงินทุนคงเหลือ (Free Margin) | $784 | $892 | $978.40 |
ขาดทุนเมื่อถึง Stop Loss (50 Pips) | $50 | $50 | $50 |
ความเสี่ยงต่อเงินทุนทั้งหมด | 5% | 5% | 5% |
วิเคราะห์จากตาราง: อะไรคือความเสี่ยงที่แท้จริง?
จะเห็นชัดว่า ไม่ว่าเลเวอเรจจะเป็น 1:50 หรือ 1:500 หากคุณเทรดขนาดเท่ากัน (0.1 Lot) และตั้ง Stop Loss เท่ากัน ผลขาดทุนจะเท่ากันทุกประการทั้งในจำนวนเงินและเปอร์เซ็นต์
แต่สิ่งที่อันตรายจริงๆ คือ “ภาพลวงตาของความปลอดภัย” เมื่อใช้เลเวอเรจ 1:500 คุณใช้ Margin เพียง $21.60 ทำให้รู้สึกว่า “เหลือเงินอีกตั้ง $978 เข้าได้อีกหลายไม้!” ซึ่งเปิดทางให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น:
- เปิด Lot ใหญ่เกินตัว: คิดว่า “มันไม่หนักเลย” แล้วเปิด 0.5 หรือ 1 Lot แทนที่จะใช้ 0.1 ก็ทำให้ความเสี่ยงพุ่ง 10 เท่าทันที
- เปิดหลายสัญญาพร้อมกัน: เพราะ Free Margin เยอะ เลยลองเปิดหลายคู่เงิน แต่พอทุกตำแหน่งเริ่มผิด ความเสียหายก็ทวีคูณ
Leverage สูงไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของดีลเดียว แต่เพิ่ม “ความเสี่ยงในพฤติกรรมของนักเทรด” ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด

เลเวอเรจที่โบรกเกอร์โปรโมต มันดีจริงหรือ?
คุณคงเคยเห็นโฆษณาจากโบรกเกอร์บางเจ้าที่ชูจุดขาย “Leverage สูงสุดถึง 1:2,000!” นั่นคือกลยุทธ์ทางการตลาดในระดับสูง เพราะเลเวอเรจสูงดึงดูดนักเทรดที่ต้องการ “กำไรเร็ว” และทำให้เกิดการซื้อขายบ่อยกว่า ซึ่งหมายถึง “ค่าคอมมิชชั่นหรือสเปรด” ที่โบรกเกอร์จะได้มากขึ้น
แต่ความจริงคือ เทรดเดอร์รายย่อยส่วนใหญ่ขาดทุนจาก CFD และสินค้าที่ใช้เลเวอเรจสูง ข้อมูลจาก Financial Conduct Authority (FCA) ชี้ชัดว่ามากกว่า 70% ของลูกค้ารายย่อยเสียเงินในตลาดที่มีเลเวอเรจ
ดังนั้น อย่าเลือกเลเวอเรจตามโฆษณา แต่ให้เลือกตามความสามารถของคุณเอง ความปลอดภัย ไม่ใช่ความเร็ว
สรุป: เลเวอเรจ Forex เท่าไหร่ดีที่สุด?
คำตอบคือ: ไม่มีเลเวอเรจที่ดีที่สุด มีแต่เลเวอเรจที่ดีที่สุดสำหรับคุณในวันนี้
- มือใหม่: เริ่มที่ 1:30 ถึง 1:50 เน้นการเรียนรู้ วินัย และการจัดการความเสี่ยง
- Day Trader: อาจใช้ 1:100 ได้ แต่ต้องมี Stop Loss และ Position Sizing ที่ชัดเจน
- Swing Trader: 1:10 ถึง 1:50 เป็นระดับที่ปลอดภัยและสมเหตุสมผล
อย่าลืมว่า ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ “ตัวเลขเลเวอเรจ” แต่อยู่ที่ “คุณเปิด Lot ขนาดไหน และบริหารความเสี่ยงอย่างไร” ต่อให้โบรกเกอร์ให้เลเวอเรจ 1:1,000 แต่คุณเปิดเพียง 0.01 Lot และควบคุมความเสี่ยง 1% ต่อครั้ง คุณก็ยังมีโอกาสอยู่รอดและเติบโตมากกว่าคนที่ใช้เลเวอเรจต่ำแต่เปิด Lot ใหญ่โดยขาดวินัย
Leverage คือเครื่องมือที่ทรงพลัง ใช้มันอย่างชาญฉลาด ไม่ใช่เพื่อขยายความโลภ แต่เพื่อให้ได้โอกาสในแบบที่คุณควบคุมได้
FAQ (คำถามที่พบบ่อย)
มือใหม่ควรใช้เลเวอเรจเริ่มต้นเท่าไหร่?
อย่างน้อยสุดควรเริ่มที่ 1:30 ถึง 1:50 เพื่อให้สามารถเรียนรู้กลยุทธ์ วิเคราะห์กราฟ และฝึกการจัดการเงินทุนโดยไม่ต้องเสี่ยงทั้งพอร์ตจากการคาดการณ์ผิดเพียงครั้งเดียว
Leverage 1:1000 ดีไหม? มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง?
ไม่ใช่เรื่องดีหรือไม่ดีในตัวมันเอง แต่มันเสี่ยงสำหรับคนที่ไม่มีวินัยและประสบการณ์ เพราะสามารถเปิดสัญญาใหญ่เกินทุนได้ง่าย เมื่อราคาเคลื่อนไหวสวนทางเพียงเล็กน้อย ก็อาจเผชิญกับการขาดทุนรวดเร็ว เหมาะกับนักเทรดมืออาชีพที่มีระบบบริหารความเสี่ยงครบถ้วนเท่านั้น
สามารถเปลี่ยนเลเวอเรจในบัญชีได้หรือไม่?
ได้ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่อนุญาตให้คุณปรับระดับเลเวอเรจได้ผ่านระบบสมาชิก แต่มักต้องปิดสัญญาทั้งหมดก่อนจึงจะสามารถทำได้
Leverage กับ Margin มีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
ทั้งสองสิ่งมีความสัมพันธ์ย้อนกลับกัน ยิ่งเลเวอเรจสูง ยิ่งใช้ Margin ต่ำเพื่อเปิดสัญญาขนาดเดียวกัน และในทางกลับกัน หากลดเลเวอเรจก็ต้องใช้ Margin มากขึ้น
ถ้าไม่ใช้ Leverage เลย เทรดได้ไหม?
ทำได้ (เรียกว่า Leverage 1:1) แต่คุณต้องมีเงินทุนเต็มจำนวนของสัญญา เช่น ต้องการเปิด 1 Lot EUR/USD จะต้องมีเงินสดประมาณ $100,000 ซึ่งไม่เหมาะกับนักเทรดทั่วไป จึงไม่เป็นแนวทางปฏิบัติที่นิยม
คำนวณ Margin ที่ต้องใช้จากเลเวอเรจได้อย่างไร?
ใช้สูตร: Margin = มูลค่าสัญญา / ระดับเลเวอเรจ เช่น เทรด 0.1 Lot EUR/USD (มูลค่า ~$10,800) ด้วยเลเวอเรจ 1:100 จะต้องใช้ $10,800 / 100 = $108
Leverage สูงทำให้เปิด Lot ใหญ่ขึ้นได้จริงหรือ?
ใช่ โดยตรง เพราะยิ่งเลเวอเรจสูง ยิ่งใช้ Margin ต่ำ ทำให้มีเงินเหลือมากขึ้น จึง “สามารถ” เปิด Lot ใหญ่ขึ้นหรือเปิดสัญญาหลายตัวได้ แต่สิ่งสำคัญคือ “ควรหรือไม่ควร” ต้องดูจากความสามารถในการรับความเสี่ยงและความแม่นยำของกลยุทธ์
โบรกเกอร์ที่ให้เลเวอเรจสูง แปลว่าดีกว่าหรือไม่?
ไม่จำเป็น โบรกเกอร์ที่ดีต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ใบอนุญาต, สเปรด, ความเร็วการดำเนินการ, และบริการลูกค้า การมีเลเวอเรจสูงเป็นเพียงจุดขาย ไม่ใช่เครื่องชี้วัดคุณภาพของโบรกเกอร์
ตลาด Forex กับตลาดหุ้น ต่างกันอย่างไรเรื่องเลเวอเรจ?
ตลาด Forex มีเลเวอเรจสูงมาก โดยทั่วไปให้ถึง 1:500 หรือมากกว่า ในขณะที่ตลาดหุ้นสำหรับนักลงทุนทั่วไปมักจำกัดอยู่ที่ 1:2 ถึง 1:4 เท่านั้น โดยวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนและโครงสร้างการควบคุมของตลาดที่แตกต่างกัน