สรุปย่อ: Copy Trade คืออะไร รู้ไว้ใน 1 นาที
Copy Trade หรือการคัดลอกการซื้อขาย คือรูปแบบการลงทุนที่เปิดโอกาสให้นักลงทุน โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ไม่ว่างติดตามตลาด สามารถลอกการเทรดของนักเทรดผู้เชี่ยวชาญ (เรียกว่า Master Trader หรือผู้ให้กลยุทธ์) โดยอัตโนมัติ เมื่อผู้เชี่ยวชาญเปิดหรือปิดรายการซื้อขาย ระบบจะโอนถ่ายคำสั่งนั้นไปยังบัญชีของผู้ติดตาม (Follower) ทันที โดยปรับสัดส่วนตามขนาดเงินทุนของแต่ละคน ทำให้ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถเข้าถึงยุทธศาสตร์การลงทุนที่ซับซ้อนได้ พร้อมลดภาระการวิเคราะห์ตลาดด้วยตัวเอง

กลไกของการซื้อขายด้วย Copy Trade ทำงานอย่างไร?
แม้แนวคิดของ Copy Trade จะดูเรียบง่าย แต่กลับมีระบบที่ซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้การคัดลอกคำสั่งซื้อขายเกิดขึ้นอย่างแม่นยำและเป็นระบบ อันเป็นหัวใจสำคัญของความน่าเชื่อถือในแพลตฟอร์ม มีขั้นตอนการทำงานหลักที่แยกได้ดังนี้
- ค้นหาและเลือก Master Trader
นี่คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด ผู้ลงทุนจะต้องพิจารณาเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีสไตล์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ แพลตฟอร์มจะให้ข้อมูลครบถ้วน เช่น ประวัติผลตอบแทน, อัตราความเสี่ยง, ประเภทสินทรัพย์ที่ซื้อขาย และจำนวนผู้ติดตาม ซึ่งช่วยในการตัดสินใจ - ตั้งค่าการลงทุนตามเป้าหมาย
เมื่อเลือก Master Trader แล้ว คุณต้องกำหนดเงื่อนไขในบัญชีตนเอง เช่น จำนวนเงินที่ต้องการใช้ในการติดตาม, ระดับ Stop Loss (จุดตัดขาดทุน), และสัดส่วนการคัดลอก ทั้งนี้สามารถเลือกได้ทั้งแบบสัมพัทธ์ (อิงจากขนาดเงินทุนของ Master) หรือค่าคงที่ (เช่น ตั้งค่าขนาด Lot เอง) - Master Trader เริ่มซื้อขาย
ขณะที่ Master Trader วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดและตัดสินใจเปิดหรือปิดโพซิชัน ระบบจะจับบันทึกการเคลื่อนไหวเหล่านั้นทันที เพื่อเตรียมถ่ายทอดไปยังผู้ติดตามทั้งหมด - ระบบส่งคำสั่งโดยอัตโนมัติ
เพียงไม่กี่วินาทีหลังจาก Master Trader ดำเนินการ ระบบจะกระจายคำสั่งซื้อขายไปยังบัญชีของ Follower ทุกคนที่ติดตามอยู่ โดยปรับขนาดของคำสั่งให้เข้ากับเงินทุนและค่าความเสี่ยงที่ตั้งไว้ ทำให้คุณได้รับผลลัพธ์จากกลยุทธ์ของผู้เชี่ยวชาญแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องลงมือกดเองสักครั้ง
จุดเด่นของ Copy Trade เหตุผลที่ใครๆ ก็เริ่มทำ
การลงทุนรูปแบบนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการเริ่มต้นได้ทันทีไม่ต้องใช้เวลานาน อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้ที่มีเวลาจำกัดในชีวิตประจำวัน
ไม่ต้องเสียเวลาเฝ้าหน้าจอตลอดวัน
สำหรับคนทำงานประจำหรือพ่อแม่เลี้ยงลูก การนั่งจ้องกราฟหรือติดตามข่าวเศรษฐกิจอัพเดตทุก 15 นาทีอาจเป็นเรื่องยาก ด้วย Copy Trade คุณไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นอีกต่อไป เพียงเลือกผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ ก็จะสามารถซื้อขายในตลาดได้ทุกช่วงเวลา แม้คุณจะนอนหลับหรือกำลังประชุมอยู่
เปิดประตูสู่ตลาดการเงินสำหรับมือใหม่
หลายครั้งที่มือใหม่รู้สึกหวาดกลัวก่อนจะเริ่มลงทุน เพราะกลัวความผิดพลาดหรือขาดทุนจากความไม่รู้ อย่างไรก็ตาม Copy Trade ช่วยลดอุปสรรคเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้คุณเริ่มลงทุนได้ทันที พร้อมเรียนรู้แนวทางการเทรดจากนักลงทุนจริงผ่านผลลัพธ์ของพวกเขาอย่างเป็นรูปธรรม
ได้ใช้กลยุทธ์เดียวกับมืออาชีพ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเรียนรู้วิธีอ่านกราฟเทคนิค, วิเคราะห์แนวรับแนวต้าน หรือคำนวณความเสี่ยงได้แม่นยำ แต่ Copy Trade ช่วยให้คุณ “ยืม” ความเชี่ยวชาญจากผู้มีประสบการณ์จริงที่ทุ่มเทเวลาและทักษะให้กับการซื้อขายเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องเรียนรู้ทั้งหมดด้วยตัวเอง
กระจายความเสี่ยงในพอร์ตอย่างชาญฉลาด
หนึ่งในหลักการพื้นฐานของการลงทุนคือการ “กระจายความเสี่ยง” (Diversification) และ Copy Trade เปิดโอกาสให้คุณทำได้ง่ายๆ โดยสามารถเลือกติดตามหลาย Master Trader พร้อมกัน แต่ละคนอาจมีสไตล์การซื้อขายที่แตกต่างกัน เช่น คนหนึ่งเน้น Forex คนหนึ่งเน้นทอง หรือสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งช่วยลดความผันผวนของพอร์ตรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ

ข้อควรระวังและความเสี่ยงที่คุณต้องรู้ก่อนเริ่ม
ถึงแม้ Copy Trade จะดูมีข้อดีมาก แต่ก็ไม่ใช่ทางลัดร่ำรวยเพียงอย่างเดียว เพราะเหมือนกับการลงทุนทุกประเภท ที่ย่อมมีความเสี่ยงแฝงอยู่เสมอ การทำความเข้าใจข้อเสียจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ
ความผิดพลาดของ Master ก็ส่งผลถึงคุณ
ผลตอบแทนของคุณขึ้นอยู่กับความสามารถในการซื้อขายของ Master Trader ทั้งหมด แม้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเคยทำกำไรมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากเขาตัดสินใจผิดพลาด หรือเข้าสู่ช่วงที่ผลลัพธ์แย่ลง คุณก็จะขาดทุนตามไปด้วย จำไว้เสมอว่า “ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถการันตีผลในอนาคตได้” ดังนั้นควรเลือกผู้ที่มีผลงานยาวนานและมีความสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่คนที่ได้ผลตอบแทนสูงใน 3 เดือนที่ผ่านมา
สูญเสียอำนาจในการควบคุม
เมื่อคุณกด “ติดตาม” คุณก็วางอำนาจทั้งหมดให้กับบุคคลอื่น หมายความว่า คุณไม่สามารถป้องกันตัวเองจากคำสั่งเข้าเทรดที่ผิดเวลา หรือการถือออเดอร์ที่ขาดทุนต่อเนื่องเป็นเวลานานได้ หากไม่ตั้งค่า Stop Loss หรือไม่ติดตามผลงานอย่างสม่ำเสมอ คุณอาจตื่นมาเจอพอร์ตที่ร่วงหนักโดยแทบไม่รู้ตัว
ค่าธรรมเนียมแฝงที่อาจกินกำไร
ทุกแพลตฟอร์มมักตั้งค่าธรรมเนียมให้กับ Master Trader เป็นเปอร์เซ็นต์ของผลกำไร (Performance Fee) ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ 10–30% หากคุณทำกำไรได้ 100,000 บาท และ Master มีค่าคอมมิชชั่น 20% คุณจะเหลือแค่ 80,000 บาท นอกจากนี้ยังมีค่าสเปรดและคอมมิชชั่นของโบรกเกอร์ ที่สะสมเข้ามาเรื่อยๆ จึงต้องคำนวณให้ดีว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดส่งผลต่อผลตอบแทนสุทธิอย่างไร
เผชิญความผันผวนของตลาดเหมือนการเทรดทั่วไป
ตลาดการเงินมีความเสี่ยงจากเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น เศรษฐกิจโลกชะลอตัว, วิกฤตการเมือง หรือข่าวอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้ราคาสินทรัพย์โยกเยกอย่างรุนแรงในระยะเวลาสั้น การขาดทุนอย่างรวดเร็วย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งกับเทรดเดอร์และผู้ติดตาม การเข้าใจ ความเสี่ยงด้านการลงทุน จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรศึกษาให้ลึกก่อนเริ่ม

Copy Trade กับ Mirror Trading ต่างกันยังไง?
หลายคนสับสนระหว่าง Copy Trade กับ Mirror Trading เพราะฟังดูคล้ายกัน แต่ทั้งสองรูปแบบมีความต่างที่สำคัญในการทำงานและปรัชญาการลงทุน ดังนั้นควรทำความเข้าใจเพื่อเลือกใช้ตามเป้าหมาย
| คุณสมบัติ | Copy Trading | Mirror Trading |
|---|
| สิ่งที่คัดลอก | คัดลอก “นักเทรด” และการตัดสินใจทั้งหมดของเขาแบบเรียลไทม์ | คัดลอก “กลยุทธ์” ที่ตั้งไว้ล่วงหน้าในรูปแบบของอัลกอริทึม |
| การตัดสินใจ | พึ่งพาการวิเคราะห์ของบุคคลที่เป็นมือ (Human-driven) | พึ่งพาอัลกอริทึมที่ตั้งเงื่อนไขไว้ (Rule-based) |
| ความยืดหยุ่น | สูง Master สามารถปรับสไตล์ได้ตามสถานการณ์ | ต่ำ กลยุทธ์คงที่ จนกว่าจะมีการปรับอัปเดต |
| ปัจจัยมนุษย์ | ส่งผลโดยตรง เช่น อารมณ์ ความกลัว หรือความโลภของ Master | แทบไม่มี เพราะเป็นระบบที่ทำงานอัตโนมัติ |
สรุปง่ายๆ คือ Copy Trade คุณวางใจ “คน” ส่วน Mirror Trading คุณวางใจ “ระบบ” ทั้งสองแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการความยืดหยุ่นหรือความแน่นอนมากกว่ากัน
ขั้นตอนเริ่มต้นทำ Copy Trade สำหรับมือใหม่
การใช้งาน Copy Trade ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด แค่ทำตาม 5 ขั้นตอนต่อไปนี้ คุณก็สามารถเริ่มต้นได้ภายในไม่กี่วัน
- เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ
ไม่ใช่ทุกโบรกเกอร์ที่เปิดบริการ Copy Trade ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตกำกับอย่างชัดเจน เช่น จาก FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย) หรือ CySEC (ไซปรัส) และดูว่ามีจำนวน Master Trader หลากหลายเพียงใด - เปิดบัญชีและยืนยันตัวตน
กรอกข้อมูลส่วนตัว สมัครบัญชี และยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC โดยใช้บัตรประชาชนและเอกสารที่อยู่ หากไม่ยืนยันตัวตน คุณจะไม่สามารถฝากถอนเงินได้ - ฝากเงินเข้าบัญชี
เมื่อบัญชีได้รับอนุมัติแล้ว ให้โอนเงินผ่านช่องทางที่รองรับ เช่น ธนาคารไทย, การโอนออนไลน์ หรือกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Skrill หรือ Neteller - ค้นหาและประเมิน Master Trader
เข้าไปในส่วน Copy Trading ของแพลตฟอร์ม ใช้เวลาอ่านข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียด อย่าพึ่งตัดสินใจเพราะค่าเฉลี่ยในเดือนเดียว ให้ดูภาพรวมทั้งหมด - ตั้งค่าและเริ่มคัดลอก
เมื่อเจอคนที่สนใจ ให้กด “ติดตาม” แล้วปรับเงื่อนไขการลงทุน เช่น จำนวนเงิน, ค่า Stop Loss และขนาด Lot จากนั้นระบบจะเริ่มทำงานให้ทันที

แนวทางการเลือก Master Trader แบบมืออาชีพ
การเลือก Master Trader จะต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน ไม่ควรใช้เพียงตัวเลขผลตอบแทนมาตัดสิน เพราะอาจโดน “ผลลวงของความหวือหวา” แนะนำให้ใช้ Checklist ต่อไปนี้
- ประวัติการเทรด (Trading History): ควรเลือกผู้ที่มีประสบการณ์บนแพลตฟอร์มอย่างน้อย 1–2 ปี ถ้ามีแค่ 3–6 เดือน อาจยังไม่ผ่านช่วงตลาดขาลง ทำให้ดูดีเกินจริง
- ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (Average Return): มองหาผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ เช่น 15–25% ต่อปี มากกว่าคนที่ได้ 50% ในเดือนเดียว แล้วขาดทุนต่อจากนั้น เพราะความยั่งยืนสำคัญกว่า
- การขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown): ค่านี้บอกว่า Master มีความเสี่ยงแค่ไหน ในช่วงตลาดแย่สุด เขาเคยเสียไปกี่เปอร์เซ็นต์ อัตราที่ต่ำกว่า 15–20% มักเป็นสัญญาณของระบบจัดการความเสี่ยงที่ดี ซึ่ง Drawdown จึงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
- จำนวนผู้ติดตามและเงินทุนรวม (Followers & AUM): ยิ่งมีผู้ติดตามมาก และเงินลงทุนที่อยู่ภายใต้การจัดการ (AUM) สูง ยิ่งเป็นสัญญาณว่าคนอื่นให้ความไว้วางใจในตัวผู้นี้
- ประเภทสินทรัพย์ที่ซื้อขาย: ตรวจสอบว่า Master ซื้อขายในสินทรัพย์ที่คุณเข้าใจ เช่น คู่เงิน, ดัชนีหุ้น, ทอง หรือคริปโต อย่าตามคนที่เทรดในสิ่งที่คุณรู้น้อย เพราะจะทำให้ควบคุมอารมณ์ลำบากเมื่อเกิดความผันผวน
- ความถี่ในการซื้อขาย: บางคนเทรดทุกวัน (Day Trading) บางคนถือออเดอร์เป็นสัปดาห์ (Swing Trading) ควรเลือกให้สอดคล้องกับสไตล์ของคุณเอง หากคุณกลัวความผันผวน ควรเลี่ยง Master ที่เทรดบ่อยหรือเปิดโพซิชันขนาดใหญ่
เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อสร้างพื้นฐานความรู้ด้านการลงทุนอย่างมั่นคง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เริ่มทำ Copy Trade ใช้เงินขั้นต่ำเท่าไหร่?
จำนวนเงินขั้นต่ำแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์ โดยทั่วไปมีตั้งแต่ $100 ถึง $200 หรือประมาณ 3,500 – 7,000 บาท แต่บางแพลตฟอร์มอาจให้เริ่มได้ที่ $50 หรือ 1,800 บาทก็มี ควรตรวจสอบข้อกำหนดของแต่ละโบรกเกอร์และ Master Trader ที่คุณเลือก
หยุดติดตามเมื่อไหร่ก็ได้ไหม?
ได้ เพียงแค่คุณกดยกเลิกการติดตาม (Unfollow) ในระบบ คำสั่งซื้อขายที่คัดลอกมาจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ หรือในบางแพลตฟอร์ม คุณอาจมีตัวเลือกให้ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะปิดหรือทิ้งไว้
Master Trader เห็นเงินหรือข้อมูลส่วนตัวของเราไหม?
ไม่เห็น เด็ดขาด Master Trader จะไม่สามารถดูชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่ หรือขนาดเงินทุนในบัญชีของคุณได้ สิ่งที่เขาทราบคือจำนวนผู้ติดตามและเงินรวมที่ไหลเข้ามาในระบบทั้งหมด ข้อมูลของคุณถูกปกป้องโดยนโยบายความเป็นส่วนตัวของแพลตฟอร์ม
ทำ Copy Trade ในไทยผิดกฎหมายไหม?
ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีกฎหมายระบุชัดว่าการคัดลอกการซื้อขายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ต่างประเทศ นักลงทุนควรเลือกใช้บริการจากโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันการโดนโกงหรือสูญเสียเงิน
กำไรที่ได้ต้องเสียภาษีไหม?
ใช่ หากคุณได้กำไรจากการลงทุนที่โบรกเกอร์ต่างประเทศ แล้วนำกลับเข้าบัญชีในประเทศไทย ยอดดังกล่าวถือเป็นรายได้ที่ต้องนำมายื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 40(4) ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความถูกต้อง เพราะกฎหมายอาจมีการเปลี่ยนแปลง
หาก Master Trader ขาดทุน เราจะขาดทุนตามไหม?
ใช่แน่นอน เนื่องจากระบบคัดลอกคำสั่งโดยตรงทุกอย่าง หาก Master เปิดออเดอร์ที่สูญเสีย คุณก็จะเสียตามในสัดส่วนที่ตั้งไว้ นี่คือหัวใจของความเสี่ยงในการทำ Copy Trade และเป็นสิ่งที่คุณต้องยอมรับตั้งแต่ก้าวแรก
ควรติดตามกี่คนเพื่อลดความเสี่ยง?
ไม่มีตัวเลขตายตัว แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรติดตามอย่างน้อย 2–4 คน โดยเลือกคนที่มีสินทรัพย์และสไตล์ต่างกัน เช่น คนหนึ่งเทรด Forex กับ EUR/USD อีกคนหนึ่งเน้นทองและดัชนี S&P500 จะได้ไม่เสี่ยงไปกับตลาดเดียว หรือคนเดียว