รากฐานเชิงกลยุทธ์: เข้าใจ DXY Index ในมุมมองไทย
สภาพปัจจุบัน: เหตุใดจึงต้องการคู่มือ DXY ที่ครบถ้วน
ในยุคที่ข้อมูลเกี่ยวกับคำถาม “dxy Index คือ” ยังค่อนข้างกระจัดกระจายและไม่ลึกพอสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการเข้าใจอย่างแท้จริง สถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น InnovestX, กสิกรไทย และ FBS อาจมีข้อมูลที่ครอบคลุมในมุมมองสากลหรือเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย แต่ก็ยังขาดการวิเคราะห์ในเชิงองค์รวมที่โยงเข้ากับบริบทของตลาดไทยโดยตรง
ช่องว่างด้านเนื้อหาเช่นนี้จึงเปิดโอกาสใหม่ในการให้บริการกับผู้ลงทุนไทย รวมถึงเจ้าของธุรกิจ SME ไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออก ซึ่งจำเป็นต้องมีข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในประเทศ
นักเทรดไทยจำนวนไม่น้อยยังคงต้องดิ้นรนกับการหาข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างความเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ กับผลกระทบที่มีต่อค่าเงินบาทและตลาดหุ้นในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม
การเชื่อมต่อ “ไทย”: เติมเต็มช่องว่างข้อมูลสำหรับผลกระทบในประเทศ
สิ่งที่ยังขาดหายไปจากเนื้อหา DXY ที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือการวิเคราะห์ที่เจาะลึกโดยเฉพาะต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สื่อการเงินไทย หรือสถาบันระดับโลกอย่าง IMF และ World Bank จะช่วยเสริมให้เนื้อหามีคุณค่า และน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง
ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ SET Index และค่าเงินบาท (THB) ที่เชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของ DXY จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถตัดสินใจได้บนพื้นฐานของข้อมูลที่รอบด้าน
คู่มือเนื้อหาฉบับสมบูรณ์: DXY Index คืออะไร? คู่มือครบครันสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการไทย
ความรู้พื้นฐาน: DXY คืออะไรและทำไมถึงสำคัญ
DXY Index คือ ดัชนีที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ ตะกร้าสกุลเงิน หลักทั้ง 6 สกุล ได้แก่ ค่าเงินยูโร (EUR) ที่มีน้ำหนัก 57.6%, เงินเยน (JPY) 13.6%, เงินปอนด์ (GBP) 11.9%, ดอลลาร์แคนาดา (CAD) 9.1%, โครนาสวีเดน (SEK) 4.2%, และฟรังก์สวิส (CHF) 3.6%
ดัชนีนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1973 หลังจากการสิ้นสุดของระบบ Bretton Woods และดูแลโดย ICE Futures U.S. ปัจจุบัน
การตีความค่า DXY ทำได้โดยง่าย หากค่าเกิน 100 แสดงว่าดอลลาร์แข็งกว่าช่วงฐาน (1973) และหากต่ำกว่า 100 แสดงว่าอ่อนกว่าช่วงฐาน
การคำนวณ DXY ใช้สูตรทางเรขาคณิตที่ซับซ้อน แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าเงินยูโรมีน้ำหนักมากกว่าครึ่งหนึ่งของดัชนี อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Investopedia
ตารางต่อไปนี้แสดงสกุลเงินองค์ประกอบและน้ำหนักของ DXY Index:
สกุลเงิน
|
สัญลักษณ์
|
น้ำหนัก (%)
|
---|
ยูโร
|
EUR
|
57.6
|
---|
เยนญี่ปุ่น
|
JPY
|
13.6
|
---|
ปอนด์สเตอร์ลิง
|
GBP
|
11.9
|
---|
ดอลลาร์แคนาดา
|
CAD
|
9.1
|
---|
โครนาสวีเดน
|
SEK
|
4.2
|
---|
ฟรังก์สวิส
|
CHF
|
3.6
|
---|
เครื่องยนต์หลัก: ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อน DXY
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่สำคัญที่สุดของ DXY โดยเฉพาะ นโยบายการเงิน และ อัตราดอกเบี้ย ที่ธนาคารกลางสหรัฐกำหนด
การปรับเปลี่ยนนโยบายของเฟดและความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐกับธนาคารกลางอื่น ๆ เช่น ECB จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ DXY อย่างมีนัยสำคัญ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น GDP, การจ้างงาน, และ เงินเฟ้อ (CPI, PCE) ล้วนเป็นปัจจัยที่นักเทรดต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ สถานะของดอลลาร์ในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ DXY มักจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงสูง (Risk-off)
เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของ DXY และปัจจัยขับเคลื่อนหลัก
การทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของ DXY Index ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมว่าดัชนีนี้ตอบสนองต่อเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกอย่างไร ตารางด้านล่างนี้แสดงเหตุการณ์สำคัญบางส่วนที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ DXY ในอดีต
ปี
|
ค่า DXY (ปิด)
|
ปัจจัยสำคัญ/เหตุการณ์
|
---|
1973
|
102.39
|
สิ้นสุดมาตรฐานทองคำ, วิกฤตการณ์น้ำมันปี 1973, ดัชนีถูกสร้างขึ้นในเดือนมีนาคม
|
---|
1985
|
123.55
|
ทำจุดสูงสุดที่ 163.83 ในวันที่ 5 มีนาคม, ข้อตกลง Plaza Accord
|
---|
1997
|
99.57
|
วิกฤตการณ์การเงินเอเชียปี 1997
|
---|
2001
|
117.21
|
เศรษฐกิจถดถอย (มีนาคม-พฤศจิกายน), ดัชนีขึ้นไป 118.54 หลังเหตุการณ์ 9/11
|
---|
2007
|
76.70
|
ยูโรแข็งค่าขึ้นเป็น $1.47, เศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม
|
---|
2008
|
70.698
|
ทำจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
|
---|
ผลกระทบระลอกของ DXY: ความสัมพันธ์กับสินทรัพย์หลัก
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับสินทรัพย์หลักหลายประเภท
DXY กับ ราคาทองคำ (XAU/USD): ประวัติศาสตร์แสดงความสัมพันธ์แบบผกผัน แต่ในช่วงหลัง ๆ ความสัมพันธ์นี้เริ่มเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปัจจัยใหม่ ๆ เช่น ความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ การซื้อทองของธนาคารกลาง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตามเงินเฟ้อ
DXY กับ น้ำมัน และ สินค้าโภคภัณฑ์: เนื่องจากราคาถูกกำหนดเป็นดอลลาร์ การเคลื่อนไหวของ DXY จึงมีผลกระทบแบบผกผันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยทั่วไป
DXY กับ ตลาดหุ้น: ความสัมพันธ์กับหุ้นสหรัฐ (S&P 500) มีความซับซ้อน แต่มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกว่ากับ ตลาดเกิดใหม่ ที่มักจะได้รับผลกระทบในทางลบเมื่อ DXY แข็งค่า
การเชื่อมต่อไทย: ผลกระทบโดยตรงของ DXY ต่อประเทศไทย
DXY กับ ค่าเงินบาท (USD/THB): ความสัมพันธ์แบบผกผันที่แข็งแกร่ง เมื่อ DXY แข็งขึ้น บาทจะอ่อนลง (USD/THB สูงขึ้น) และในทางกลับกัน การวิเคราะห์จาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันรูปแบบนี้
ปัจจัย
|
ผลกระทบต่อ USD/THB
|
ผลกระทบต่อ SET Index
|
---|
DXY แข็งขึ้น
|
บาทอ่อน (USD/THB สูงขึ้น)
|
กดดันลง (Capital Outflow)
|
---|
DXY อ่อนลง
|
บาทแข็ง (USD/THB ลดลง)
|
สนับสนุน (Capital Inflow)
|
---|
DXY กับ SET Index: การวิเคราะห์ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า DXY มีผลกระทบต่อ SET Index โดยเฉพาะในช่วง “Risk-off” เช่น วิกฤตการเงินโลก 2008 และวิกฤตเอเชีย 1997 ที่เกิดการไหลออกของเงินทุน
ผลกระทบต่อ การส่งออก และ การนำเข้า: การเคลื่อนไหวของ DXY สร้างดาบสองคม สำหรับอุตสาหกรรมไทย บาทอ่อนช่วยผู้ส่งออก แต่ทำร้ายผู้นำเข้า และในทางกลับกัน
ผู้ชนะและผู้แพ้ใน SET: การวิเคราะห์ความไวของบริษัทจดทะเบียน เช่น จากข้อมูลของ Bualuang Securities พบว่า:
หุ้นได้ประโยชน์ จากบาทแข็ง (DXY อ่อน): สายการบิน, สาธารณูปโภค, โรงกลั่นน้ำมัน
หุ้นเสียประโยชน์ จากบาทแข็ง (DXY อ่อน): ผู้ส่งออกอิเล็กทรอนิกส์, สิ่งทอ
ผลกระทบของ DXY ต่อภาคการท่องเที่ยวไทย
เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก การเคลื่อนไหวของ DXY Index จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคส่วนนี้ เมื่อ DXY แข็งค่าขึ้นและเงินบาทอ่อนค่าลง นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหรือสกุลเงินที่ผูกกับดอลลาร์จะพบว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางในประเทศไทยถูกลง ซึ่งอาจกระตุ้นให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและเพิ่มกำลังซื้อของพวกเขาในประเทศ
ในทางกลับกัน หาก DXY อ่อนค่าลงและเงินบาทแข็งค่าขึ้น การท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบในทางลบ เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสูงขึ้น
กลยุทธ์ที่ปฏิบัติได้สำหรับนักลงทุนไทย
สำหรับ นักเทรด Forex: ใช้ DXY เป็นเครื่องมือยืนยันสัญญาณ DXY ให้มุมมองแบบองค์รวมสำหรับ Confluence Trading และทำหน้าที่เป็น Leading Indicator สำหรับคู่สกุลเงิน USD
สำหรับ นักลงทุนหุ้น: กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น แบบ Thematic ที่แบ่งเป็น 2 ธีม หลัก:
- “DXY แข็ง / บาทอ่อน” Theme: เน้นหุ้นส่งออก, ท่องเที่ยว
- “DXY อ่อน / บาทแข็ง” Theme: เน้นหุ้นสาธารณูปโภค, การบิน, พลังงาน
สำหรับ เจ้าของธุรกิจ (ผู้นำเข้า และ ผู้ส่งออก): การป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ด้วยเครื่องมือ:
- FX Forward: สัญญาล่วงหน้าที่มีภาระผูกพัน เหมาะสำหรับการป้องกันความเสี่ยงแบบครบถ้วน
- FX Option: สิทธิ์ในการซื้อขาย (ไม่ใช่ภาระผูกพัน) ที่ต้องจ่าย Premium เหมาะสำหรับความยืดหยุ่น
การบริหารความเสี่ยง ที่มีประสิทธิภาพต้องพิจารณา Natural Hedge ของธุรกิจด้วย
สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการเปิด Demo Account ทดลองเทรดก่อน เพื่อฝึกฝนทักษะการอ่าน Chart และการใช้ DXY ในการวิเคราะห์ Confluence
การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น Spread ที่แคบ, Execution ที่รวดเร็ว, และระบบ Risk Management ที่มีประสิทธิภาพ
อนาคตของดอลลาร์: การวิเคราะห์มหภาคขั้นสูงสำหรับ 2025-2026
การถกเถียงเรื่อง De-dollarization: การลดการพึ่งพาดอลลาร์ vs ความเป็นจริง
แนวโน้มการลดการใช้ดอลลาร์ (De-dollarization) กำลังเป็นประเด็นร้อน ด้วยปัจจัยเช่น การซื้อทองของธนาคารกลาง, ข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคี, และนโยบายสหรัฐเป็นตัวกระตุ้น
แต่ต้องพิจารณาข้อได้เปรียบโครงสร้างของดอลลาร์ เช่น ความลึกของตลาด, ผลประโยชน์จากการเป็นผู้นำ, และการขาดทางเลือกที่เข้มแข็ง
ปัจจัยขับเคลื่อนในอนาคต (2025-2026):
- นโยบายการค้า และการคลังสหรัฐ
- เส้นทางนโยบายของเฟด (การลดอัตราดอกเบี้ย, การแยกทางนโยบาย)
- ความแตกต่างของการเติบโตเศรษฐกิจโลก
มุมมองจากสถาบันระดับโลก: IMF, World Bank, และ BIS ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสำหรับไทยที่มีการเติบโต GDP ในระดับปานกลาง และความท้าทายเชิงโครงสร้าง
การพัฒนาโครงสร้างการเงิน (Tokenization, CBDCs) อาจส่งผลต่อบทบาทของดอลลาร์ในอนาคต
เทคนิคการเทรดขั้นสูงสำหรับ DXY
สำหรับนักเทรดที่ต้องการพัฒนาทักษะการเทรด DXY ให้ก้าวหน้าขึ้น มีเทคนิคการวิเคราะห์หลายแบบที่น่าสนใจ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: การใช้ Moving Average แบบ EMA 50 และ 200 สำหรับการดูเทรนด์ระยะยาว รวมถึงการใช้ RSI และ MACD สำหรับการหา Entry Point ที่เหมาะสม
การวิเคราะห์ Inter-market: การดูความสัมพันธ์ระหว่าง DXY กับ Bond Yield (10Y Treasury) ที่มักจะมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน และการเปรียบเทียบกับ VIX เพื่อวัดความเสี่ยงของตลาด
Sentiment Analysis: การติดตามข่าวสารจาก Fed คำพูดของ Fed Chair และรายงานเศรษฐกิจสำคัญ เช่น Non-Farm Payroll, CPI, และ FOMC Meeting Minutes
นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมักจะมีแผนการเทรดที่ชัดเจน กำหนด Risk-Reward Ratio ที่เหมาะสม และไม่ลืมใช้ Stop Loss ในทุกการเทรด
Tips และ Tricks จากมืออาชีพ
การจับจังหวะตลาด: ช่วงเวลา London Session (14:00-22:00 น. เวลาไทย) และ New York Session (20:00-05:00 น. เวลาไทย) มักมี Volatility สูง เหมาะสำหรับการเทรด DXY
การใช้ Economic Calendar: ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะข่าวระดับ High Impact จากสหรัฐฯ ที่มีผลต่อ DXY โดยตรง
Psychology Trading: การควบคุมอารมณ์ในการเทรดเป็นสิ่งสำคัญ หลีกเลี่ยงการ Revenge Trading และ FOMO (Fear of Missing Out) ที่อาจทำให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาด
อย่าลืมว่าการเทรดเป็นเรื่องของความอดทนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครสามารถทำนายตลาดได้ 100% ดังนั้นการมี Risk Management ที่ดีจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
การเตรียมพร้อมสำหรับนักเทรดมือใหม่
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาเรื่อง DXY และการเทรด Forex แนะนำให้เริ่มจากการทำความเข้าใจพื้นฐานก่อน
ขั้นตอนแรก: ศึกษาปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อ DXY เช่น นโยบายเฟด, ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ, และปัจจัยระดับโลก
ขั้นตอนที่สอง: ฝึกฝนการอ่าน Chart และเข้าใจรูปแบบการเคลื่อนไหวของ DXY ในช่วงเวลาต่าง ๆ
ขั้นตอนที่สาม: ทดลองใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ในบัญชี Demo ก่อนลงทุนจริง
การเข้าร่วมกลุ่มนักเทรดไทยในโซเชียลมีเดียหรือฟอรัม เช่น Facebook Groups หรือ Discord Servers ที่เน้นการเทรด Forex จะช่วยให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเทรด DXY
Over-Trading: การเทรดบ่อยเกินไปโดยไม่มีแผนที่ชัดเจน ซึ่งมักจะนำไปสู่การสูญเสียที่ไม่จำเป็น
ไม่ใช้ Stop Loss: การไม่กำหนดจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน ทำให้เสี่ยงต่อการขาดทุนมากเกินไป
Ignoring Risk Management: การลงทุนเงินมากเกินไปในการเทรดเดียว โดยไม่คำนึงถึงหลักการบริหารความเสี่ยง
ไม่ติดตามข่าวสาร: การเพิกเฉยต่อข่าวสารเศรษฐกิจและนโยบายที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของ DXY อย่างมีนัยสำคัญ
การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านี้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้นักเทรดพัฒนาทักษะและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
สรุป: DXY Index – เครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนไทย
DXY Index เป็นมากกว่าตัวเลขวัดความแข็งแกร่งของดอลลาร์ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนและผู้ประกอบการไทยคาดการณ์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้อย่างแม่นยำ
การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง DXY กับค่าเงินบาท และ SET Index จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดโลกมีความผันผวน
นักเทรด Forex สามารถใช้ DXY เป็นเครื่องมือยืนยันสัญญาณ นักลงทุนหุ้น ควรปรับกลยุทธ์ตามธีม “DXY แข็ง/บาทอ่อน” หรือ “DXY อ่อน/บาทแข็ง” และผู้ประกอบการ ควรใช้ข้อมูล DXY ในการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินด้วยเครื่องมือ FX Forward และ FX Option
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ การมีบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม การใช้ Stop Loss และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง DXY เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ไม่ใช่คำตอบเดียว การรวมการวิเคราะห์ DXY เข้ากับเครื่องมืออื่น ๆ พร้อมกับการมีวินัยในการเทรดจะช่วยให้นักลงทุนไทยใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: DXY Index คืออะไร?
A: DXY Index คือ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่วัดความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุล โดยเงินยูโรมีน้ำหนักสูงสุด 57.6%
Q: DXY มีผลต่อค่าเงินบาทอย่างไร?
A: DXY และบาทมีความสัมพันธ์แบบผกผัน เมื่อ DXY แข็งขึ้น บาทจะอ่อนลง (USD/THB สูงขึ้น) และในทางกลับกัน
Q: หุ้นไทยตัวไหนได้ประโยชน์จากบาทแข็ง?
A: สายการบิน, สาธารณูปโภค, และโรงกลั่นน้ำมัน เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็ง (DXY อ่อน)
Q: ควรใช้ FX Forward หรือ FX Option?
A: FX Forward เหมาะสำหรับการป้องกันความเสี่ยงแบบครบถ้วน ส่วน FX Option ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าแต่ต้องจ่าย Premium
Q: De-dollarization จะส่งผลต่อ DXY อย่างไร?
A: แม้จะมีแนวโน้มการลดการใช้ดอลลาร์ แต่ข้อได้เปรียบโครงสร้างของดอลลาร์ยังคงแข็งแกร่ง ผลกระทบจริงอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์
Q: ช่วงเวลาไหนที่เหมาะสำหรับการเทรด DXY?
A: ช่วง London และ New York Session (14:00-05:00 น. เวลาไทย) มี Volatility สูง เหมาะสำหรับการเทรด แต่ต้องระวังข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบ
Q: ผู้เริ่มต้นควรลงทุนในการเทรด DXY เท่าไร?
A: แนะนำให้เริ่มต้นด้วยเงินที่สามารถเสียได้ และไม่ควรเกิน 2-3% ของเงินลงทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
Q: อะไรคือปัจจัยที่ส่งผลต่อ DXY มากที่สุด?
A: นโยบายการเงินของเฟด (Fed) เป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุด รองลงมาคือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์