คำถามแรกที่ทุกคนมักสงสัยเมื่อเริ่มสนใจเทรดทองคำก็คือ ตลาดทองเปิดกี่โมง กันแน่ คำตอบง่ายๆ คือ ตลาดทองคำโลก (XAUUSD) เปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ 05:00 น. ถึงวันเสาร์ 04:00 น. ตาม เวลาไทย
แต่หากคุณคิดว่าการรู้แค่เวลาเปิด-ปิดจะทำให้เทรดได้ดี อาจคงไม่พอ เพราะแต่ละช่วงเวลาในตลาดมีนิสัยไม่เหมือนกัน บางช่วงราคาดิ่งดาด บางช่วงก็เงียบ ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญจริงๆ คือการรู้ว่าช่วงไหนควรลงมือ ช่วงไหนควรถือเงินไว้ก่อน
สำหรับนักเทรดไทยที่อยากเข้าใจ เวลาเทรดทอง แบบเจาะลึก บทความนี้จะพาไปดูทุกมุมที่ต้องรู้ ตั้งแต่ตารางเวลาตลาดโลกที่แม่นที่สุด ไปจนถึงเทคนิคการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของแต่ละคน
ตารางเวลาตลาดทองคำโลกฉบับสมบูรณ์
ตลาดทองคำโลก ไม่ได้มีแค่ศูนย์เดียว แต่เป็นเครือข่ายของศูนย์การเงินใหญ่ๆ ทั่วโลกที่ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ เหมือนการวิ่งผลัดเวลา 24 ชั่วโมง การรู้ลักษณะของแต่ละตลาดจะช่วยให้เราวางแผนการเทรดได้อย่างแม่นยำ
ตารางเวลาตลาดทองคำโลก (เวลาประเทศไทย UTC+7)
ตลาด
|
เวลาเปิด
|
เวลาปิด
|
ลักษณะการซื้อขาย
|
---|
เอเชีย-แปซิฟิก (ซิดนีย์/โตเกียว)
|
05:00 น.
|
14:00 น.
|
ปริมาณปานกลาง, เหมาะสำหรับ Range Trading
|
---|
ลอนดอน
|
14:00 น.
|
23:00 น.
|
ปริมาณสูง, ผันผวนมาก
|
---|
นิวยอร์ก
|
20:00 น.
|
04:00 น.
|
ปริมาณสูงสุด, ข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ
|
---|
หมายเหตุสำคัญ: เวลาข้างต้นอาจเปลี่ยนแปลงตาม เวลาออมแสง (Daylight Saving Time) ของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะลอนดอนและนิวยอร์กจะเลื่อนเวลา 1 ชั่วโมงในช่วงเดือนมีนาคม-ตุลาคมของทุกปี นี่คือรายละเอียดที่หลายเว็บไซต์มองข้าม แต่สำคัญมากสำหรับการวางแผนเทรด
สิ่งที่ทำให้ ตารางเวลา นี้พิเศษกว่าที่อื่นคือ เราได้คำนึงถึงเรื่อง Daylight Saving Time ซึ่งเป็นรายละเอียดที่หลายแหล่งข้อมูลมักลืม การรู้ข้อมูลนี้จะช่วยให้เทรดได้แม่นยำขึ้น และไม่พลาดโอกาสสำคัญ
เข้าใจความแตกต่าง: ทองคำออนไลน์ vs ร้านทองในประเทศ
หลายคนยังงงๆ อยู่ว่าการซื้อขายทองคำแต่ละแบบต่างกันยังไง เมื่อพูดถึง ตลาดทอง จริงๆ แล้วมีให้เลือกอยู่หลายรูปแบบที่แตกต่างกันมาก ไม่ใช่แค่ทองคำออนไลน์กับร้านทองในประเทศเท่านั้น
เริ่มจากการซื้อทองคำแบบดั้งเดิมที่เราคุ้นเคยกันดี คือการไปร้านทองซื้อ ทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณ ซึ่งจะมีเวลาเปิด-ปิดประมาณ 09:00-18:00 น ขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน เราต้องจ่ายค่ากำเหน็จ และทำกำไรได้เมื่อราคาขึ้นเท่านั้น เงินลงทุนขั้นต่ำค่อนข้างสูง เริ่มต้นหลักหมื่น
อีกด้านหนึ่งคือการเทรด ทองคำออนไลน์ หรือ XAUUSD CFD ที่ใหม่กว่าและมีความยืดหยุ่นมากกว่า เปิดให้เทรดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เงินลงทุนขั้นต่ำต่ำ เพราะมี Leverage ช่วย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย
เปรียบเทียบ XAUUSD vs ทองคำแท่ง vs Gold Futures/Online Futures
หัวข้อ
|
XAUUSD CFD
|
ทองคำแท่ง
|
Gold Futures/Online Futures
|
---|
เวลาเทรด
|
24/5
|
เวลาทำการร้าน (ประมาณ 09:00-18:00 น)
|
GF/GO: Morning (09:45-12:30 น), Afternoon (14:15-16:55 น), Night (19:00-23:55 น)
|
---|
ทำกำไร
|
ขาขึ้น-ขาลง
|
ขาขึ้นเท่านั้น
|
ขาขึ้น-ขาลง
|
---|
ค่าใช้จ่าย
|
Spread + Overnight
|
ค่ากำเหน็จ
|
ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์, ค่าธรรมเนียมตลาด
|
---|
เงินลงทุน
|
น้อย (มี Leverage)
|
มาก
|
น้อย (มี Margin)
|
---|
ความเสี่ยง
|
สูง (มี Leverage)
|
ปานกลาง
|
สูง (มี Leverage/Margin)
|
---|
ความคล่องตัว
|
สูงมาก
|
ต่ำ
|
สูง
|
---|
สถานที่ซื้อขาย
|
โบรกเกอร์ออนไลน์
|
ร้านทองทั่วไป
|
โบรกเกอร์ TFEX
|
---|
การเลือกว่าจะเล่นแบบไหนขึ้นอยู่กับเป้าหมายการ ลงทุนทองคำ ของเรา หากต้องการความคล่องตัวและโอกาสกำไรสูง XAUUSD CFD น่าจะเหมาะกว่า แต่ถ้าต้องการความมั่นคงและการเก็บสินทรัพย์จริง ทองคำแท่งก็เป็นตัวเลือกที่ดี
ตลาดทองคำในไทย: นอกจาก XAUUSD มีอะไรอีกบ้าง
นอกจากการเทรด XAUUSD CFD และการซื้อทองคำแท่งตามร้านทองทั่วไปแล้ว นักลงทุนในประเทศไทยยังมีทางเลือกในการลงทุนทองคำอีกหลายรูปแบบที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ละแบบก็มีลักษณะเฉพาะตัวและช่วงเวลาทำการที่แตกต่างกัน
USD GOLD TRADE (ฮั่วเซ่งเฮง)
USD GOLD TRADE เป็นบริการซื้อขายทองคำความบริสุทธิ์ 99.99% ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่นำเสนอโดยฮั่วเซ่งเฮงร่วมกับธนาคารกรุงเทพ บริการนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำตามราคาตลาดโลกแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท
- สกุลเงินที่ใช้เทรด: ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)
- ปริมาณขั้นต่ำ: เริ่มต้นเพียง 0.1 ทรอยออนซ์
- เวลาทำการ: วันจันทร์-ศุกร์ 06:00-02:00 น ตามเวลาไทย (ปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์)
- ข้อกำหนด: ต้องมีบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD)
Gold Futures (GF) และ Gold Online Futures (GO) (TFEX)
ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ (TFEX) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเทรดทองคำโดยใช้ Leverage และสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง มี 2 ประเภทหลักคือ Gold Futures (GF) และ Gold Online Futures (GO)
- Gold Futures (GF): อ้างอิงราคาทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5% ซื้อขายเป็นบาทไทย
- Gold Online Futures (GO): อ้างอิงราคาทองคำความบริสุทธิ์ 99.5% ซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ
- เวลาทำการ: มี 3 ช่วงเวลาหลัก
- ช่วงเช้า: 09:45-12:30 น
- ช่วงบ่าย: 14:15-16:55 น
- ช่วงกลางคืน: 19:00-23:55 น
ค้นหาช่วงเวลาทำกำไรที่เข้ากับสไตล์เรา
นี่เป็นคำถามยอดฮิตที่ว่า ควรเทรดทองเวลาไหน ให้ได้กำไรสูงสุด คำตอบคือไม่มีเวลาเดียวที่ใช้ได้กับทุกคน เพราะขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นนักเทรดประเภทไหน มีเวลาว่างเมื่อไหร่ และชอบความเสี่ยงระดับไหน
สำหรับ Day Trader: ช่วงทองของตลาดทับซ้อน
ถ้าเป็นคนที่ชอบความตื่นเต้น อยากเห็นราคากระเด้งกระดอนแบบจัดหนัก ช่วงเวลาทำกำไร ที่เจ๋งที่สุดคือ 20:00-24:00 น. เวลาไทย
ช่วงนี้เป็นเวลาที่ ตลาดลอนดอน และ ตลาดนิวยอร์ก เปิดพร้อมกัน เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Market Overlap” ซึ่งมีเสน่ห์ดังนี้:
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) สูงสุด – นักเทรดจากทั้งสองทวีปมาเล่นพร้อมกัน
- ความผันผวนสูง – ราคาเด้งแรงมาก เหมาะสำหรับ Scalping
- Spread แคบลง – การแข่งขันสูงทำให้ต้นทุนการเทรดลดลง
- ข่าวสำคัญออกเยอะ – มักมีข่าว CPI, NFP, และ FOMC ออกในช่วงนี้
สำหรับ Part-time Trader: ตลาดเอเชียที่สงบนิ่ง
หากทำงานประจำและมีเวลาเทรดแค่ตอนเช้าก่อนไปทำงาน ตลาดเอเชีย (05:00-14:00 น.) อาจจะเหมาะกับเราดี
แม้จะดูเงียบกว่า แต่ช่วงนี้ก็มีข้อดีของมันเอง:
- ความผันผวนต่ำ – เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยงสูง
- แนวโน้มชัดเจน – ราคามักเคลื่อนไหวตาม Trend ง่ายกว่า วิเคราะห์ไม่ยาก
- เสียงรบกวนน้อย – ข่าวสารไม่เยอะจนปวดหัว
- เวลาสะดวก – ไม่ต้องตื่นกลางคืนหรือเสียเวลาพักผ่อน
ตลาดทับซ้อนที่ต้องจับตาดู
การเข้าใจเรื่อง ตลาดทับซ้อน เป็นกุญแจสำคัญในการเทรดทองคำ มี 3 ช่วงที่ต้องจำไว้:
- เอเชีย-ยุโรป (14:00-17:00 น.) – ปริมาณเริ่มขยับขึ้น ความผันผวนเพิ่ม
- ยุโรป-อเมริกา (20:00-24:00 น.) – ปริมาณสูงสุด แนะนำสำหรับ Aggressive Trading
- อเมริกา-เอเชีย (05:00-08:00 น.) – ปริมาณลดลง เหมาะสำหรับ Conservative Trading
ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยง
ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยง การเทรดคือ 01:00-05:00 น. เวลาไทย เพราะ:
- Spread กว้าง – ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเยอะ
- ปริมาณต่ำ – ยากต่อการ Entry/Exit Position
- ความผันผวนไม่แน่นอน – อาจเกิด False Signal บ่อย
- Gap Risk – ราคาอาจ “กระโดด” อย่างไม่คาดคิด
ตารางกลยุทธ์ตามช่วงเวลา
เวลา (ไทย)
|
ตลาดหลัก
|
กลยุทธ์แนะนำ
|
Risk Level
|
---|
05:00-14:00
|
เอเชีย
|
Range Trading, Trend Following
|
ต่ำ-ปานกลาง
|
---|
14:00-20:00
|
ลอนดอน
|
Breakout, News Trading
|
ปานกลาง-สูง
|
---|
20:00-24:00
|
ลอนดอน+นิวยอร์ก
|
Scalping, Day Trading
|
สูง
|
---|
00:00-05:00
|
นิวยอร์ก
|
Position Trading
|
ปานกลาง
|
---|
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาทองคำ
การรู้เวลาเปิดตลาดเป็นแค่การบ้าน ส่วนการรู้ว่าอะไรที่ทำให้ราคาทองขึ้นลงนั่นแหละคือความรู้ขั้นเทพ มาดูกันว่า ปัจจัยขับเคลื่อนราคา ที่สำคัญมีอะไรบ้าง
ข่าวเศรษฐกิจที่สั่นสะเทือนตลาดทอง
ข่าวเศรษฐกิจ จากสหรัฐอเมริกาถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมหลักในตลาดทองคำ เพราะทองถูกซื้อขายในสกุลดอลลาร์ เมื่อไหร่ที่ข่าวดีหรือร้ายออกมา ราคาทองก็จะสะเทือนตามไปด้วย
CPI (Consumer Price Index) – ดัชนีราคาผู้บริโภค
กลไกการทำงานเป็นแบบนี้:
- CPI สูง → อัตราเงินเฟ้อสูง → Fed อาจขึ้นดอกเบี้ย → ดอลลาร์แข็งค่า → ทองคำลง
- CPI ต่ำ → อัตราเงินเฟ้อต่ำ → Fed อาจลดดอกเบี้ย → ดอลลาร์อ่อนค่า → ทองคำขึ้น
NFP (Non-Farm Payroll) – ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร
นี่คือตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ:
- NFP สูง → เศรษฐกิจแข็งแกร่ง → ดอลลาร์แข็งค่า → ทองคำมีแรงลง
- NFP ต่ำ → เศรษฐกิจชะลอ → ดอลลาร์อ่อนค่า → ทองคำมีแรงขึ้น
FOMC (Federal Open Market Committee) – การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
นี่คือวันที่ทุกนักเทรดรอคอย:
- ประกาศขึ้นดอกเบี้ย → ดอลลาร์แข็งค่า → ทองคำลง
- ประกาศลดดอกเบี้ย → ดอลลาร์อ่อนค่า → ทองคำขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับดอลลาร์สหรัฐ
เรื่องนี้เป็นความรู้พื้นฐานที่นักเทรดทุกคนต้องเข้าใจ ทองคำมีความสัมพันธ์แบบ “Inverse Correlation” กับ ดอลลาร์สหรัฐหมายความว่าเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำมักจะลดลง และในทางกลับกัน
นักเทรดมืออาชีพมักใช้ DXY (US Dollar Index) เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์:
- DXY ขึ้น → ทองคำมักลง (ราคาในแนวโน้มขาลง)
- DXY ลง → ทองคำมักขึ้น (ราคาในแนวโน้มขาขึ้น)
เพราะฉะนั้นถ้าเทรด XAUUSD เวลาไทย ควรเปิดดู DXY ควบคู่ไปด้วยเสมอ จะได้ภาพรวมที่ชัดเจนกว่า
ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ทองคำได้ชื่อว่าเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) มาตั้งแต่โบราณกาล เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์เสี่ยงออกแล้วหันมา ลงทุนทองคำ แทน
เหตุการณ์ที่ทำให้ทองคำขึ้นมักจะเป็น:
- ความตึงเครียดทางการเมือง – สงคราม, ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
- วิกฤตทางการเงิน – ตลาดหุ้นดิ่ง, ธนาคารล้มละลาย
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ – เลือกตั้ง, การเปลี่ยนแปลงนโยบายใหญ่
นี่คือเหตุผลที่นักลงทุนระยะยาวมักเก็บทองคำไว้เป็นส่วนหนึ่งของ Portfolio เพื่อป้องกันความเสี่ยง เหมือนการซื้อประกันภัยนั่นแหละ
การใช้ข้อมูลเศรษฐกิจในการเทรด
สำหรับนักเทรดที่ต้องการใช้ข้อมูลเศรษฐกิจช่วยในการตัดสินใจ มีแนวทางดังนี้:
- ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ – รู้ว่าข่าวสำคัญจะออกเมื่อไหร่
- เตรียมแผนล่วงหน้า – วางกลยุทธ์สำหรับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
- จัดการความเสี่ยง – ใช้ Stop Loss เพราะราคาอาจเคลื่อนไหวรุนแรง
- เลี่ยงการเทรดก่อนข่าว – หากไม่มั่นใจ ให้รอดูก่อนจะปลอดภัยกว่า
เจาะลึก: รูปแบบการเทรดทองคำตามฤดูกาล
นอกเหนือจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและข่าวสารแล้ว การทำความเข้าใจ “รูปแบบการเทรดทองคำตามฤดูกาล” (Seasonal Patterns) ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่นักเทรดมืออาชีพใช้เพื่อหาจังหวะทำกำไร รูปแบบเหล่านี้เกิดจากปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในแต่ละปี เช่น ความต้องการทองคำในช่วงเทศกาลสำคัญ
โดยทั่วไปแล้ว ราคาทองคำมักมีแนวโน้ม:
- ปรับตัวขึ้น: ในช่วงเดือนมกราคม สิงหาคม กันยายน พฤศจิกายน และธันวาคม โดยเฉพาะเดือนกันยายนมักถูกมองว่าเป็นเดือนที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดทอง
- ปรับตัวลง: ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนเมษายน
ตัวอย่างเช่น ความต้องการทองคำมักเพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีนและการปรับพอร์ตประจำปีในช่วงต้นปี หรือช่วงเทศกาลแต่งงานในอินเดียช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม รูปแบบตามฤดูกาลนี้เป็นเพียงแนวโน้ม ไม่ใช่กฎตายตัว นักเทรดควรใช้ข้อมูลนี้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
เทคนิคการติดตาม ราคาทองวันนี้
การติดตาม ราคาทองวันนี้ แบบมืออาชีพไม่ได้หมายถึงการดูแค่ตัวเลขราคา แต่ต้องมองในภาพกว้างและใช้เครื่องมือที่เหมาะสม
แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
สำหรับนักเทรด XAUUSD ควรติดตามจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้:
- TradingView – กราฟแม่นยำ เครื่องมือวิเคราะห์ครบครัน
- Investing.com – ข่าวสารและปฏิทินเศรษฐกิจ
- MarketWatch– ข้อมูลตลาดแบบ Real-time
- Yahoo Finance – รายงานวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ
การอ่านกราฟแบบมืออาชีพ
การดูราคาแบบผิวเผินไม่เพียงพอ ต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้:
- Support & Resistance – แนวรับแนวต้านของระดับราคาที่มีนัยสำคัญทางจิตวิทยา
- Trend Line – เส้นแนวโน้มที่ช่วยคาดการณ์ทิศทางราคา
- Volume – ปริมาณการซื้อขายที่บ่งบอกความแรงของ Trend
- Candlestick Pattern – รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกการกลับตัวของราคา
การใช้เทคโนโลยีช่วยเทรด
นักเทรดสมัยใหม่ควรใช้เทคโนโลยีเหล่านี้:
- Price Alert – ตั้งแจ้งเตือนเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด
- Economic Calendar – ปฏิทินแจ้งเตือนข่าวสำคัญ
- Mobile App – ติดตามตลาดได้ทุกที่ทุกเวลา
- Social Trading – เรียนรู้จากนักเทรดมืออาชีพ
ตัวอย่างการเทรดทองคำในสถานการณ์จริง
การนำความรู้ทางทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในการเทรดจริงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ลองมาดูตัวอย่างสถานการณ์สมมติเพื่อทำความเข้าใจการวางแผนการเทรดทองคำ
ตัวอย่าง: การเทรดในช่วงข่าว NFP
สมมติว่ามีการประกาศตัวเลข Non-Farm Payroll (NFP) ของสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาดการณ์ ซึ่งมักจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและราคาทองคำปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
- การเตรียมตัว: นักเทรดที่เตรียมตัวมาดีจะตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจล่วงหน้าและรู้ว่าข่าว NFP จะออกเวลา 20:30 น ตามเวลาไทย
- การวางแผน: อาจพิจารณาเปิดสถานะ Short Sell (ขายก่อนซื้อคืน) ก่อนข่าวออกเล็กน้อย หรือรอให้ราคาเริ่มปรับตัวลงแล้วจึงเข้าเทรด
- การจัดการความเสี่ยง: ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือแนวต้านที่สำคัญเพื่อจำกัดการขาดทุนหากราคาเคลื่อนไหวผิดทาง และตั้ง Take Profit ที่แนวรับถัดไปเพื่อล็อกกำไร
- ผลลัพธ์: หากข่าวออกมาตามคาดและราคาทองคำปรับตัวลง นักเทรดก็จะสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าการรวมข้อมูลเวลาตลาด ข่าวเศรษฐกิจ และการจัดการความเสี่ยงเข้าด้วยกัน จะช่วยให้นักเทรดสามารถคว้าโอกาสและลดความเสี่ยงในการเทรดได้
กลยุทธ์เฉพาะสำหรับนักเทรดไทย
ในฐานะนักเทรดที่อยู่ในเขตเวลา เวลาไทย (UTC+7) เรามีทั้งข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบที่ต้องรู้วิธีจัดการ
ข้อได้เปรียบที่เราพลาดไม่ได้
- เวลาพอดีกับตลาดเอเชีย – ตื่นเช้ามาก็สามารถเทรดได้ทันที
- ข่าวสหรัฐฯ ออกตอนเย็น – เวลาสะดวกสำหรับ News Trading ไม่ต้องตื่นกลางคืน
- วันหยุดไม่ทับซ้อน – ตลาดเปิดปกติในวันหยุดไทย ไม่พลาดโอกาสเทรด
ข้อเสียเปรียบที่ต้องรับมือ
- ต้องตื่นดึกสำหรับ NY Session – ตลาดนิวยอร์กเปิด 20:00-04:00 น.
- ข่าวยุโรปออกตอนกลางวัน – อาจพลาดหากทำงานประจำ
- Weekend Gap Risk – ตลาดปิดเสาร์เช้า เปิดจันทร์เช้า อาจเกิด Gap
แผนการเทรดสำหรับนักเทรดไทย
สำหรับ Full-time Trader:
- 05:00-08:00 น. – เช็คข่าวค่ำคืน วิเคราะห์และวางแผนวัน
- 09:00-12:00 น. – เทรดตลาดเอเชีย (มักเป็นแนวโน้มต่อเนื่อง)
- 14:00-17:00 น. – เตรียมตัวสำหรับตลาดยุโรป
- 20:00-24:00 น. – เทรดช่วง Prime Time ที่มีโอกาสกำไรสูงสุด
สำหรับ Part-time Trader:
- เช้า (07:00-09:00 น.) – Quick Check ก่อนไปทำงาน ดูภาพรวมตลาด
- เที่ยง (12:00-13:00 น.) – เช็คข่าวยุโรปและปรับแผน
- เย็น (19:00-21:00 น.) – เทรดช่วงหลังเลิกงาน ช่วงเวลาทอง
- ก่อนนอน (22:00-23:00 น.) – ปิด Position หรือตั้ง Pending Order
การจัดการความเสี่ยงในการเทรด XAUUSD
การเทรดทองคำมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเมื่อใช้ Leverage จึงต้องมีระบบจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ไม่งั้นเงินทุนจะหายไวกว่าน้ำแข็งละลาย
หลัก 3M ของการจัดการเงิน
Money Management (การจัดการเงิน): ใช้เงินทุนไม่เกิน 2-5% ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง ไม่เอาเงินค่าข้าวค่าน้ำมาเล่น มีเงินสำรองไว้อย่างน้อย 6 เดือน
Mind Management (การจัดการจิตใจ): ควบคุมอารมณ์ ไม่โลภ ไม่หวาดกลัว ยอมรับการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเกม ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
Method Management (การจัดการระบบ): มีกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจนและทดสอบแล้ว ติดตามและบันทึกผลการเทรดทุกครั้ง ปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง
การใช้ Stop Loss อย่างมืออาชีพ
Stop Loss ไม่ใช่แค่การจำกัดขาดทุน แต่เป็นเครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ มาดูคำศัพท์แต่ละคำว่ามีอะไรกันบ้าง:
- Technical Stop Loss – วางตามแนวรับแนวต้าน
- Volatility Stop Loss – วางตาม ATR (Average True Range)
- Time-based Stop Loss – ปิด Position เมื่อครบเวลาที่กำหนด
- News Stop Loss – ปิดก่อนข่าวสำคัญหากไม่แน่ใจ
การคำนวณ Position Size
ขนาด Position ที่เหมาะสมคำนวณได้จากสูตรง่ายๆ ดังนี้:
Position Size = (ยอดเงินในบัญชี × % ความเสี่ยงต่อครั้ง) ÷ (ราคา Entry – ราคา Stop Loss)
ตัวอย่างการคำนวณ:
- เงินทุน: 100,000 บาท
- ความเสี่ยงต่อครั้ง: 2%
- จุด Entry: 1,950
- จุด Stop Loss: 1,940
- Position Size = (100,000 × 2%) ÷ (1,950 – 1,940) = 2,000 ÷ 10 = 200 หน่วย
การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม
การเลือกโบรกเกอร์เป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อการเทรดของเราในระยะยาว อย่าเลือกแค่ดูโฆษณาเพียงเท่านั้น แต่ต้องดูรายละเอียดให้ลึก
ค่าใช้จ่ายในการเทรด
Spread: ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread แคบ โดยเฉพาะในช่วง Prime Time ปกติ XAUUSD ควรมี Spread ไม่เกิน 3-5 pips
Commission: บางโบรกเกอร์คิด Commission แทน Spread ซึ่งอาจจะคุ้มกว่าสำหรับ High Volume Trader
Overnight Fee: ค่าใช้จ่ายสำหรับการถือ Position ข้ามคืน ต้องดูให้ดีถ้าชอบ Swing Trading
Deposit/Withdrawal Fee: ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอนเงิน บางแห่งคิดแพงมาก
คุณภาพการให้บริการ
Execution Speed: ความเร็วในการประมวลผลคำสั่ง สำคัญมากสำหรับ Scalper
Slippage: ความแตกต่างระหว่างราคาที่ต้องการกับราคาที่ได้จริง ยิ่งน้อยยิ่งดี
Platform Stability: ระบบต้องเสถียร ไม่ค้างในช่วงเวลาสำคัญ เพราะโอกาสผ่านไปแล้วจะไม่กลับมา
Customer Support: ทีมงานช่วยเหลือ 24/7 โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเปิด
ความปลอดภัยและการกำกับดูแล
- License – ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
- Fund Segregation – เงินทุนลูกค้าแยกจากเงินของบริษัท
- Insurance – มีประกันคุ้มครองเงินฝากของลูกค้า
- Regulation – อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด
เครื่องมือและแพลตฟอร์มการเทรด
การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดได้มาก ไม่ใช่แค่ดูหน้าตาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้งานได้จริง
MetaTrader 4/5 (MT4/MT5)
แพลตฟอร์มยอดนิยมที่มีจุดเด่น:
- Expert Advisor (EA) – สามารถใช้โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ
- Custom Indicator – สร้างตัวชี้วัดเฉพาะตัวได้
- One-Click Trading – เทรดได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับ Scalping
- Mobile App – ใช้งานได้ทุกที่ ติดตามตลาดแบบ Real-time
TradingView
แพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับการวิเคราะห์:
- Advanced Charting – กราฟคุณภาพสูง มี Indicator ครบครัน
- Pine Script – เขียนโปรแกรมตัวชี้วัดเองได้
- Social Trading – แชร์ไอเดียกับนักเทรดอื่นทั่วโลก
- Alert System – ระบบแจ้งเตือนครบครัน รองรับทุกอุปกรณ์
แอปพลิเคชันบนมือถือ
สำหรับนักเทรดที่ต้องการความคล่องตัว:
- Real-time Quote – ราคาแบบ Real-time ไม่มี Delay
- Push Notification – แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ
- Quick Order – สั่งซื้อขายได้รวดเร็ว แม้อยู่ไหนก็เทรดได้
- Portfolio Tracking – ติดตามผลงานการเทรดแบบละเอียด
การพัฒนาทักษะการเทรดอย่างต่อเนื่อง
การเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของความโชคดี แต่เป็นเรื่องของการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
การศึกษาจากบทเรียนในอดีต
Trading Journal: บันทึกการเทรดทุกครั้ง ทั้งกำไรและขาดทุน พร้อมเหตุผลการตัดสินใจ
Mistake Analysis: วิเคราะห์ข้อผิดพลาดเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ เพราะความผิดพลาดที่ซ้ำแสดงว่ายังไม่เรียนรู้
Strategy Review: ทบทวนกลยุทธ์เป็นระยะ ดูว่าอะไรที่ได้ผล อะไรที่ควรปรับปรุง
Performance Tracking: ติดตามผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ดูแต่กำไรขาดทุน แต่ดู Risk-Adjusted Return ด้วย
การติดตามข่าวสารและเทรนด์
- Economic News – ติดตามข่าวเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน
- Market Analysis – อ่านบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่อย่าเชื่อตาบอด
- Webinar/Seminar – เข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ
- Community – เข้าร่วมชุมชนนักเทรด แลกเปลี่ยนประสบการณ์
การฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง
ก่อนเทรดด้วยเงินจริง ต้องผ่านขั้นตอนเหล่านี้:
- Demo Trading – ฝึกฝนด้วย บัญชีทดลอง อย่างน้อย 3-6 เดือน
- Strategy Testing – ทดสอบกลยุทธ์ในสภาวะตลาดต่างๆ
- Psychology Training – ฝึกควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์จำลอง
- Risk Management – ทดลองระบบจัดการความเสี่ยงให้เป็นนิสัย
เทรนด์ล่าสุดในตลาดทองคำ
การเข้าใจเทรนด์ปัจจุบันจะช่วยให้เทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
ผลกระทบจากเทคโนโลยี
Algorithmic Trading: การเทรดด้วยอัลกอริทึมมีผลต่อความผันผวนของตลาด ทำให้ราคาเคลื่อนไหวเร็วและแม่นยำขึ้น
High-Frequency Trading (HFT): การเทรดความถี่สูงทำให้ตลาดมี Liquidity มากขึ้น แต่ก็เพิ่มความซับซ้อน
AI Trading: ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
Crypto Integration: การเชื่อมโยงกับ Cryptocurrency ทำให้มีตัวเลือกการลงทุนมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักลงทุน
- Retail Trader Growth – จำนวนนักเทรดรายย่อยเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- Social Trading – การทำตามผู้เชี่ยวชาญผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ
- ESG Investment – การลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม
- Mobile-First Approach – การเทรดผ่านมือถือเป็นหลัก
คำศัพท์สำคัญที่นักเทรดทองควรรู้
การทำความเข้าใจคำศัพท์เฉพาะทางเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดมือใหม่ เพื่อให้สามารถสื่อสารและเข้าใจข้อมูลในตลาดได้อย่างถูกต้อง
- Pip (Point in Percentage): หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เล็กที่สุดในตลาด Forex สำหรับ XAUUSD 1 Pip มักเท่ากับการเปลี่ยนแปลง 0.01 ดอลลาร์
- Lot: หน่วยมาตรฐานในการซื้อขายสินทรัพย์ในตลาด Forex 1 Standard Lot สำหรับทองคำ (XAUUSD) เท่ากับ 100 ทรอยออนซ์
- Leverage (เลเวอเรจ): เครื่องมือที่ช่วยให้นักเทรดสามารถควบคุม Position ขนาดใหญ่ได้ด้วยเงินลงทุนที่น้อยลง เช่น Leverage 1:500 หมายความว่าใช้เงินเพียง 1 ดอลลาร์ ก็สามารถควบคุมสินทรัพย์มูลค่า 500 ดอลลาร์ได้ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงขึ้น
- Margin Call (มาร์จิ้นคอล): การแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์เมื่อระดับ Margin ในบัญชีลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งอาจนำไปสู่การปิด Position อัตโนมัติ (Stop Out) หากไม่เติมเงิน
- Spread (สเปรด): ส่วนต่างระหว่างราคา Bid (ราคาขาย) และราคา Ask (ราคาซื้อ) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักในการเทรด
- Swap (สวอป): ค่าธรรมเนียมการถือ Position ข้ามคืน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งค่าใช้จ่ายหรือรายรับ ขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินและทิศทางการเทรด
สรุปและข้อเสนอแนะสำหรับนักเทรดไทย
การรู้ว่า ตลาดทองเปิดกี่โมง เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเข้าใจลักษณะของแต่ละช่วงเวลา การวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม และการจัดการความเสี่ยงอย่างมีระบบ
สำหรับเพื่อนๆ นักเทรดไทย การที่เราอยู่ในเขตเวลาที่เหมาะกับตลาดเอเชียถือเป็นข้อได้เปรียบที่ไม่เล็ก แต่หากต้องการโอกาสทำกำไรสูงสุด ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับ เวลาเทรดทอง ช่วง Prime Time ที่ 20:00-24:00 น.
การเทรด XAUUSD เวลาไทย ต้องอาศัยความรู้หลายด้าน ตั้งแต่การวิเคราะห์เทคนิค การติดตามข่าวสาร ไปจนถึงการจัดการความเสี่ยง ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีระเบียบวินัยและควบคุมอารมณ์ให้ได้ เพราะตลาดไม่เคยหลับไม่เคยนอน แต่เราเป็นคน
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณา ลงทุนทองคำ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ควรศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อน เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง และอย่าลงทุนเกินความสามารถ จำไว้ว่าเงินที่นำมาเทรดต้องเป็นเงินที่เสียแล้วไม่กระทบชีวิต
การติดตาม ราคาทองวันนี้ อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องใช้เครื่องมือที่หลากหลายและมีระบบการวิเคราะห์ที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่ดูตัวเลขแล้วเดา
โปรดจำไว้ว่า การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของความโชคดี แต่เป็นเรื่องของความรู้ การวางแผน และการลงมือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เริ่มต้นวันนี้ด้วยการเปิด บัญชีทดลอง และฝึกฝนในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อหาสไตล์การเทรดที่เหมาะกับตัวเอง
การเป็นนักเทรดที่ดีใช้เวลา ต้องอดทน เรียนรู้ และยอมรับความผิดพลาด แต่หากทำได้ โอกาสในการสร้างรายได้และความเป็นอิสระทางการเงินก็อยู่ไม่ไกล
แหล่งอ้างอิง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เทรดทองเวลาไหนดีที่สุด
เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดทองคำคือช่วง 20:00-24:00 น เวลาไทย เนื่องจากเป็นช่วงที่ ตลาดลอนดอน และ ตลาดนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน ทำให้มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด ความผันผวนมาก และ Spread แคบลง เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการโอกาสทำกำไรสูง
ราคาทองปรับขึ้นกี่โมง
ราคาทองไม่มีเวลาปรับขึ้นที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่ช่วงเวลาที่มักมีการเคลื่อนไหวมากได้แก่ 21:30 น (ข่าว CPI, NFP ของสหรัฐฯ), 02:00 น (การประชุม FOMC), และ 05:00 น (เปิดตลาดเอเชีย) สำหรับการวางแผนการเทรด ควรติดตามปฏิทินเศรษฐกิจเป็นหลัก
ตลาดทองในไทยปิดกี่โมง
ต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่าง ร้านทองในประเทศ (ปิดประมาณ 17:00-18:00 น) กับตลาด XAUUSD ออนไลน์ (ปิดวันเสาร์ 04:00 น เวลาไทย) หากพูดถึงการเทรดทองคำออนไลน์ ตลาดจะปิดวันเสาร์เช้าและเปิดใหม่วันจันทร์เช้า ส่วนร้านทองทั่วไปจะปิดตามเวลาทำการปกติ
เทรดทองวันเสาร์-อาทิตย์ได้ไหม
ตลาด XAUUSD หลักจะปิดตั้งแต่วันเสาร์ 04:00 น ถึงวันจันทร์ 05:00 น เวลาไทย ไม่สามารถเทรดได้ในช่วงนี้ แต่ราคาอาจ “Gap” เมื่อเปิดใหม่วันจันทร์หากมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในช่วงวันหยุด เช่น ข่าวใหญ่ทางเศรษฐกิจหรือการเมือง นักเทรดควรระวัง Gap Risk และอาจพิจารณาปิด Position ก่อนวันหยุด
ควรเริ่มต้นเทรดทองด้วยเงินเท่าไหร่
สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นด้วย บัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนอย่างน้อย 3-6 เดือน เมื่อพร้อมใช้เงินจริงแล้ว ควรเริ่มต้นด้วยเงินที่เสียแล้วไม่กระทบความเป็นอยู่ ประมาณ 10,000-50,000 บาท และใช้ Leverage ต่ำ (1:10-1:50) เพื่อควบคุมความเสี่ยง
การเทรด CFD กับการซื้อทองคำแท่งต่างกันอย่างไร
การเทรด CFD ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ใช้เงินลงทุนน้อย (มี Leverage) เทรดได้ 24 ชั่วโมง แต่มีความเสี่ยงสูง ส่วนการซื้อ ทองคำแท่ง ทำกำไรเมื่อราคาขึ้นเท่านั้น ใช้เงินลงทุนมาก แต่เป็นการลงทุนระยะยาวที่เสี่ยงต่ำกว่า เลือกตามเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคน
การเทรด Gold Futures ต่างจาก XAUUSD อย่างไร
Gold Futures (GF/GO) เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำที่เทรดผ่านตลาด TFEX ในประเทศไทย มีช่วงเวลาทำการที่กำหนด และอ้างอิงทองคำ 96.5% (GF) หรือ 99.5% (GO) ในขณะที่ XAUUSD เป็นสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ที่อ้างอิงราคาทองคำสปอตโลก และเปิดให้เทรดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
รูปแบบการเทรดทองคำตามฤดูกาลคืออะไร
รูปแบบการเทรดทองคำตามฤดูกาลคือแนวโน้มที่ราคาทองคำมักจะปรับตัวขึ้นหรือลงในช่วงเวลาเดิมๆ ของแต่ละปี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานตามฤดูกาล เช่น ความต้องการทองคำในช่วงเทศกาลสำคัญ
USD GOLD TRADE ของฮั่วเซ่งเฮงคืออะไร
USD GOLD TRADE ของฮั่วเซ่งเฮงเป็นบริการที่ให้นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำความบริสุทธิ์ 99.99% ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอ้างอิงราคาตลาดโลกแบบเรียลไทม์ มีเวลาทำการเฉพาะและต้องใช้บัญชี FCD ในการทำธุรกรรม