FxPro เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 20 ปี โดดเด่นด้วยใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง ความหลากหลายของแพลตฟอร์มการเทรด และสินทรัพย์มากกว่า 2,100 รายการ แต่สำหรับนักเทรดในไทยต้องเข้าใจโครงสร้างต้นทุนและการคุ้มครองภายใต้ใบอนุญาตที่แตกต่างกัน
โบรกเกอร์แห่งนี้ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงาน Tier 1 อย่าง FCA (สหราชอาณาจักร) และ CySEC (ไซปรัส) แต่ลูกค้าไทยจะถูกลงทะเบียนภายใต้ SCB (บาฮามาส) เพื่อให้ได้เลเวอเรจสูงถึง 1:200 FxPro มีจุดแข็งด้านแพลตฟอร์มที่ครบครัน (MT4, MT5, cTrader) การดำเนินงานแบบ No Dealing Desk และบริการลูกค้าภาษาไทย 24/5
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดสำคัญคือลูกค้าไทยไม่ได้รับการคุ้มครองจากกองทุนชดเชยนักลงทุนเหมือนภายใต้ FCA/CySEC ต้นทุนการเทรดในบัญชี Standard ค่อนข้างสูง และไม่มีบริการ Copy Trading จากการรีวิวผู้ใช้งานใน Trustpilot ได้คะแนน 4.4/5 ดาว จาก 1,060+ รีวิว โดยผู้ใช้ชื่นชมแพลตฟอร์มที่มีคุณภาพและฝ่ายบริการลูกค้าที่ดี แต่มีข้อติเรื่องการถอนเงินที่ช้าในบางกรณีและโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ซับซ้อน
FCA, CySEC, FSCA, SCB, FSA
$100
1:200
เฉลี่ย 0.2 pips
รายการ | รายละเอียด |
ปีที่ก่อตั้ง | 2006 (แนวคิดเริ่มต้น 1999) |
สำนักงานใหญ่ | กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร |
ใบอนุญาตกำกับดูแล | FCA, CySEC, FSCA, SCB |
เงินฝากขั้นต่ำ | $100 |
จำนวนถอนขั้นต่ำ | $10 |
แพลตฟอร์มเทรด | MT4, MT5, cTrader, FxPro App |
เลเวอเรจสูงสุด | 1:200 (ภายใต้ SCB) |
ภาษาที่รองรับ | ไทย และอีก 20+ ภาษา |
บริการลูกค้าภาษาไทย | 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ |
ประเทศที่เปิดให้บริการ | 173 ประเทศ |
FxPro มีประวัติการดำเนินงานที่น่าเชื่อถือตั้งแต่ปี 2006 โดยเริ่มจากแนวคิดในปี 1999 และพัฒนาเป็นนิติบุคคลในปี 2002 จนกลายเป็นแบรนด์ที่รู้จักในปัจจุบัน
การขยายตัวของบริษัทเป็นไปอย่างรวดเร็ว ได้รับใบอนุญาตจาก CySEC ในปี 2007 และ FCA ในปี 2010 ซึ่งเป็นสองหน่วยงานที่เข้มงวดที่สุดในโลก
จุดยืนสำคัญของ FxPro คือการดำเนินงานแบบ “No Dealing Desk” (NDD) ที่ส่งคำสั่งซื้อขายตรงไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยไม่มีการแทรกแซง ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดผลประโยชน์ทับซ้อน
ปัจจุบัน FxPro มีสำนักงานในลอนดอน ไซปรัส และบาฮามาส เพื่อให้บริการลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 173 ประเทศ
FxPro ถือเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตครบครันที่สุด ดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานระดับสูงทั่วโลก
หน่วยงาน | ประเทศ | นิติบุคคล | เลขที่ใบอนุญาต | ระดับ |
FCA | สหราชอาณาจักร | FxPro UK Limited | 509956 | Tier 1 |
CySEC | ไซปรัส | FxPro Financial Services Ltd | 078/07 | Tier 1 |
FSCA | แอฟริกาใต้ | FxPro Financial Services Ltd | 45052 | Tier 2 |
SCB | บาฮามาส | FxPro Global Markets Ltd | SIA-F184 | Tier 3 |
สิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ไทยต้องทราบ
ลูกค้าจากประเทศไทยจะถูกลงทะเบียนผ่าน FxPro Global Markets Limited ภายใต้การกำกับดูแลของ SCB (บาฮามาส) เหตุผลหลักคือเพื่อมอบ Leverage ที่สูงกว่า (1:200 เทียบกับ 1:30 ภายใต้ FCA/CySEC)
การคุ้มครองภายใต้ SCB ประกอบด้วย:
ใบอนุญาตจาก FCA และ CySEC ควรมองเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพและมาตรฐานการดำเนินงานของกลุ่ม FxPro แต่การคุ้มครองโดยตรงที่ลูกค้าไทยได้รับจะอยู่ภายใต้กรอบของ SCB
การประเมินความน่าเชื่อถือต้องดูจากผู้ใช้งานจริง จากการสำรวจใน Pantip พบว่ามีรีวิวเกี่ยวกับ FxPro ไม่มากนัก และข้อมูลส่วนใหญ่ค่อนข้างเก่า
คะแนนจาก Trustpilot
ข้อดีที่ผู้ใช้ชื่นชม:
ข้อติจากผู้ใช้:
การเตือนจาก FCA
FCA เคยออกคำเตือนเรื่องบริษัทปลอมที่ใช้ชื่อ “Fx Pro” เพื่อหลอกลวงนักลงทุน การที่มีคนพยายามลอกเลียนแบรนด์ FxPro แสดงให้เห็นว่าโบรกเกอร์ตัวจริงมีชื่อเสียงดี ดังนั้นควรระวังและสมัครผ่านเว็บไซต์ทางการเท่านั้น
FxPro มีบัญชีให้เลือกหลายแบบเพื่อรองรับเทรดเดอร์ที่มีสไตล์และประสบการณ์ต่างกัน การเลือกบัญชีที่เหมาะสมจะส่งผลต่อต้นทุนการเทรดโดยตรงเลย
คุณสมบัติ | Standard | Raw+ | Elite | cTrader |
แพลตฟอร์ม | MT4, MT5, FxPro App | MT4, MT5, FxPro App | MT4, MT5, FxPro App | cTrader |
เงินฝากขั้นต่ำ | $100 | $250 | $50,000 | $100 |
สเปรด (EUR/USD) | เริ่มต้นที่ 1.2 pips | เริ่มต้นที่ 0.0 pips | เริ่มต้นที่ 0.0 pips | เริ่มต้นที่ 0.2 pips |
ค่าคอมมิชชั่น | ไม่มี | $3.5 ต่อฝั่ง (ต่อ Lot) | $3.5 ต่อฝั่ง (ต่อ Lot) | $35 ต่อ $1 ล้าน |
เหมาะสำหรับ | เทรดเดอร์มือใหม่ | เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ | เทรดเดอร์รายใหญ่ (VIP) | ผู้ที่ชื่นชอบ cTrader |
Standard Account เหมาะสำหรับมือใหม่มาก เพราะไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้คิด ทำให้คำนวนต้นทุนง่าย แต่แลกกับการที่สเปรดจะกว้างกว่าบัญชีอื่น สำหรับคู่ EUR/USD จะอยู่ที่ประมาณ 1.2-1.5 pips
Raw+ & Elite Accounts ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์แล้ว หรือคนที่เทรดบ่อยๆ จุดเด่นคือได้สเปรดแคบมาก อาจเริ่มต้นที่ 0.0 pips สำหรับคู่เงินหลัก แต่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นคงที่ $3.5 ต่อการเทรด 1 lot ต่อฝั่ง ส่วนบัญชี Elite จะได้สิทธิพิเศษเรื่อง rebates สูงสุดถึง 21%
cTrader Account สำหรับคนที่อยากใช้แพลตฟอร์ม cTrader โดยเฉพาะ ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องเครื่องมือวิเคราะห์กราฟขั้นสูงและ Depth of Market ค่าคอมมิชชั่นจะอยู่ที่ $35 ต่อปริมาณการซื้อขาย 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ $3.5 ต่อ lot ต่อฝั่ง ทำให้ต้นทุนใกล้เคียงกับบัญชี Raw+
การเลือกบัญชีก็คือการเลือกระหว่างต้นทุนที่เห็นชัด (ค่าคอมมิชชั่น) กับต้นทุนที่แอบแฝง (สเปรด) สำหรับคนที่เทรดบ่อย บัญชีที่มีค่าคอมมิชชั่นแต่สเปรดต่ำจะคุ้มกว่าในระยะยาว
การดูต้นทุนการเทรดให้ครบถ้วนเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการวางแผนกลยุทธ์ ต้นทุนหลักของ FxPro ประกอบด้วย สเปรด ค่าคอมมิชชั่น และค่า Swap
เพื่อให้เห็นภาพชัด ผมจึงเอาต้นทุนรวมของการเทรด 1 lot ในคู่ EUR/USD มาเปรียบเทียบกันดู:
ประเภทบัญชี | สเปรดเฉลี่ย (pips) | ต้นทุนจากสเปรด ($) | ค่าคอมมิชชั่น | ต้นทุนรวมไป-กลับ ($) |
Standard | 1.5 | $15 | $0 | $15 |
Raw+ | 0.5 | $5 | $7 ($3.5 x 2) | $12 |
cTrader | 0.5 | $5 | $7 ($3.5 x 2) | $12 |
หมายเหตุ: การคำนวณนี้เป็นตัวอย่างจากข้อมูลสเปรดเฉลี่ย และอาจเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด
จากตารางจะเห็นได้ชัดว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่ซื้อขายเป็นประจำ บัญชี Raw+ และ cTrader จะมีต้นทุนรวมที่ต่ำกว่าบัญชี Standard อย่างเห็นได้
ค่า Swap คือค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นเมื่อเราถือสถานะค้างคืน ซึ่งมาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่เงินนั้นๆ FxPro จะคิดค่า Swap แบบสามเท่า (Triple Swap) ในคืนวันพุธสำหรับคู่เงินและโลหะมีค่า ส่วนคืนวันศุกร์สำหรับสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อชดเชยช่วงสุดสัปดาห์ที่ตลาดปิด
เรื่องนี้มีข้อมูลที่ขัดแย้งกันอยู่บ้าง บางแหล่งบอกว่า FxPro จะเก็บค่าธรรมเนียม $10 ต่อเดือน หลังจากไม่ได้ใช้บัญชี 6 เดือน ในขณะที่บางแหล่งบอกว่าไม่เก็บค่าธรรมเนียม แต่จะปิดการใช้งานบัญชีหลังจากไม่มีการเคลื่อนไหว 3 เดือน และสามารถเปิดใช้ใหม่ได้โดยติดต่อฝ่ายสนับสนุน เพื่อความชัดเจน แนะนำให้ตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขล่าสุดในสัญญาลูกค้าของตัวเองดีกว่า
FxPro นำเสนอสินทรัพย์ในรูปแบบ CFD ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมตลาดการเงินหลักทั่วโลก ด้วยจำนวนสินทรัพย์มากกว่า 2,100 รายการ ถือว่าอยู่ในแถวหน้าของวงการเลย
ประเภทสินทรัพย์ที่สามารถเทรดได้ประกอบด้วย:
ในด้านการดำเนินการคำสั่งซื้อขาย FxPro ใช้โมเดล No Dealing Desk (NDD) ซึ่งหมายความว่าคำสั่งของเราจะถูกส่งตรงไปยังกลุ่มผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) โดยตรง โมเดลนี้ช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยมีความเร็วในการจับคู่คำสั่งเฉลี่ยต่ำกว่า 12 มิลลิวินาที และยังช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการกำหนดราคาอีกด้วย
นอกจากนี้ FxPro ยังมีนโยบายป้องกันยอดเงินคงเหลือติดลบ (Negative Balance Protection) ให้กับลูกค้าทุกประเภทบัญชี ซึ่งเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่สำคัญมาก
จุดแข็งที่เห็นได้ชัดของ FxPro คือความหลากหลายในเรื่องแพลตฟอร์ม ทำให้เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้เครื่องมือที่ตอบโจทย์กลยุทธ์ของตัวเองได้อย่างแท้จริง
แพลตฟอร์มมาตรฐานที่เทรดเดอร์ทั่วโลกใช้กันมากที่สุด เหมาะกับทุกระดับประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชอบใช้ Expert Advisors เพราะความเสถียรและเครื่องมือสนับสนุนมีเยอะมาก ใครที่เคยชินกับ MT แล้วจะรู้สึกถนัดใจแน่นอน
แพลตฟอร์มทางเลือกที่หลายคนมองข้าม แต่จริงๆ แล้วเป็นตัวเลือกที่ดีมาก อินเทอร์เฟซดูทันสมัย เครื่องมือวิเคราะห์กราฟขั้นสูง และที่เด็ดคือมี Depth of Market ที่แสดงสภาพคล่องในแต่ละระดับราคา เทรดเดอร์มืออาชีพกับ Scalper มักจะชอบใช้ตัวนี้
แพลตฟอร์มที่ FxPro พัฒนาเอง จุดเด่นคือใช้งานง่าย จัดการบัญชี ฝาก-ถอนเงิน และเทรดได้ครบจบในที่เดียว ออกแบบมาเพื่อการใช้งานบนมือถือโดยเฉพาะ เหมาะกับคนที่ชอบเทรดแบบเคลื่อนที่
สิ่งที่น่าสนใจคือ FxPro ให้เครื่องมือวิเคราะห์จาก Trading Central ฟรีกับลูกค้าทุกคน ซึ่งปกติแล้วเครื่องมือจากผู้ให้บริการระดับโลกอย่างนี้ต้องเสียเงินเพิ่ม จะได้สัญญาณการเทรดและไอเดียที่มีคุณภาพมาใช้
สำหรับเทรดเดอร์ที่รัน EA ตลอด 24 ชั่วโมง FxPro มีบริการ VPS ร่วมกับ BeeksFX ราคาเดือนละ 30 ดอลลาร์ แต่ลูกค้า VIP หรือ Premium จะได้ใช้ฟรี
เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ไทย FxPro ทำได้ดีในส่วนนี้ โดยเฉพาะการไม่เก็บค่าธรรมเนียมฝาก-ถอนจากฝั่งโบรกเกอร์ และมี FxPro Wallet เป็นจุดศูนย์กลางจัดการเงิน
ระบบ FxPro Wallet ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินกลางที่แยกจากบัญชีเทรด ทำให้โอนเงินระหว่างบัญชีได้ทันที และสำคัญคือเงินที่เก็บใน Wallet จะไม่ถูกคำนวณเป็นมาร์จิ้น ปลอดภัยจากความผันผวนของตลาด
FxPro รองรับช่องทางฝากเงินที่หลากหลาย โดยเฉพาะช่องทางที่คนไทยใช้สะดวก
ช่องทางการฝากเงินสำหรับคนไทย
ขั้นตอนการถอนเป็นไปตามมาตรฐานสากล คือเงินจะส่งกลับไปช่องทางเดิมที่ใช้ฝาก FxPro อนุมัติคำขอถอนภายใน 1 วันทำการ แต่เงินเข้าบัญชีธนาคารไทยอาจใช้เวลา 3-7 วันทำการ ขึ้นอยู่กับกระบวนการของธนาคารตัวกลางและธนาคารปลายทาง
การสนับสนุนลูกค้าที่ดีเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนแรง FxPro ทำได้ดีในส่วนนี้ โดยเฉพาะการดูแลลูกค้าไทย
ลูกค้าติดต่อได้หลายช่องทาง ทั้ง Live Chat บนเว็บไซต์ โทรศัพท์ และอีเมล
ฝ่ายสนับสนุนพร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ (จันทร์-ศุกร์) ครอบคลุมช่วงเวลาที่ตลาดการเงินหลักเปิดทำการ
นี่คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุด FxPro มีทีมที่สามารถให้บริการภาษาไทยได้เต็มรูปแบบในทุกช่องทาง ลดอุปสรรคด้านภาษาและทำให้แก้ปัญหาได้รวดเร็วแม่นยำ
เว็บไซต์มีส่วน Help Section และ FAQ ที่ครอบคลุมคำถามที่พบบ่อย ตั้งแต่การเปิดบัญชีจนถึงการใช้แพลตฟอร์ม เป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการค้นหาคำตอบด้วยตนเอง
จากรีวิวผู้ใช้งานทั่วโลก ฝ่ายสนับสนุนของ FxPro มักได้รับคำชื่นชมด้านความเป็นมืออาชีพและความรวดเร็วในการตอบสนอง
FxPro ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้และทักษะให้เทรดเดอร์ มีแหล่งข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ที่หลากหลายและมีคุณภาพ
FxPro มีศูนย์การเรียนรู้ที่แบ่งเนื้อหาตามระดับความยาก ตั้งแต่พื้นฐานสำหรับมือใหม่จนถึงระดับสูงสำหรับคนมีประสบการณ์ เนื้อหาครอบคลุมหัวข้อสำคัญอย่างพื้นฐานตลาดการเงิน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และจิตวิทยาการเทรด (Trading Psychology) นอกจากนี้ยังมีวิดีโอสอนและสัมมนาออนไลน์ (Webinar) อย่างสม่ำเสมอ
FxPro Market News ทีมวิเคราะห์ของ FxPro นำเสนอข่าวสารและบทวิเคราะห์ตลาดที่เฉียบคมทุกวันผ่านบล็อก ช่วยให้เทรดเดอร์ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดได้ใกล้ชิด
ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar) เครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนวางแผนการเทรดล่วงหน้า สามารถตรวจสอบกำหนดการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ผลการประกาศครั้งก่อน และระดับความผันผวนที่คาดการณ์ได้
Trading Central การเข้าถึงเครื่องมือวิเคราะห์จาก Trading Central ถือเป็นจุดเด่นสำคัญมาก FxPro มอบเครื่องมือนี้ให้ลูกค้าทุกคนฟรี จะได้รับสัญญาณการเทรด การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ และแนวโน้มตลาดที่มีคุณภาพและเป็นกลางจากผู้ให้บริการชั้นนำของโลก
เมื่อมองภาพรวม FxPro มีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งหลายประการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบรกเกอร์รายนี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ระบบกระเป๋าเงินกลางนี้เป็นมากกว่าช่องทางฝาก-ถอน แต่เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้นักลงทุนแยกเงินทุนส่วนใหญ่ออกจากความเสี่ยงในตลาด และโอนเข้าบัญชีเทรดเฉพาะส่วนที่ต้องการใช้เป็นมาร์จิ้นเท่านั้น
โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าที่ซื้อขายปริมาณมาก จะมีการมอบรางวัลเป็นเงินคืน (Cash Rebates) เข้าสู่ FxPro Wallet ทุกเดือน ช่วยลดต้นทุนการเทรดสำหรับเทรดเดอร์ที่มีความสม่ำเสมอ
การยืนยันที่จะใช้โมเดลการส่งคำสั่งแบบ No Dealing Desk แสดงถึงความมุ่งมั่นในความโปร่งใสและคุณภาพของการจับคู่คำสั่งซื้อขาย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับความเร็วและความแม่นยำในการเข้า-ออกออเดอร์
โดยสรุป FxPro เป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง มีประวัติยาวนาน และมีเครื่องมือที่ครบครันสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ จุดแข็งที่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้งานในไทยคือการมีใบอนุญาตจากหลายหน่วยงาน, ความหลากหลายของแพลตฟอร์ม, การสนับสนุนภาษาไทยเต็มรูปแบบ และระบบการฝาก-ถอนเงินผ่านธนาคารในประเทศที่สะดวก
ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาคือความสมดุลระหว่างข้อเสนอและระดับการคุ้มครอง การเปิดบัญชีภายใต้การกำกับของ SCB ช่วยให้เข้าถึงเลเวอเรจที่สูงขึ้นได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าระดับการคุ้มครองด้านกองทุนชดเชยนักลงทุนนั้นแตกต่างจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับ Tier-1
คำแนะนำตามเงื่อนไข:
การเปิดบัญชีกับ FxPro เป็นกระบวนการที่ตรงไปตรงมาและทำผ่านออนไลน์ได้ทั้งหมด โดยใช้เวลาไม่นานและสามารถเริ่มเทรดได้อย่างรวดเร็ว
เข้าไปที่เว็บไซต์หลักของ FxPro และกดปุ่ม “Register” จากนั้นกรอกข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ประเทศที่อยู่อาศัย อีเมลที่ใช้งานได้ และตั้งรหัสผ่านที่มีความปลอดภัย
ระบบจะพาคุณไปสู่ขั้นตอนถัดไปที่ต้องกรอกรายละเอียดส่วนตัวให้ครบถ้วน รวมถึงสัญชาติ วันเกิด ที่อยู่ปัจจุบัน ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ และสถานะทางการเงินของคุณ
คุณจะต้องทำแบบประเมินความรู้และประสบการณ์ในวงการเทรดของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้โบรกเกอร์เข้าใจถึงระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมและสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ CFD ที่เหมาะกับคุณได้
ขั้นตอนนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการเปิดใช้งานบัญชีให้สมบูรณ์ คุณจะต้องอัปโหลดเอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตนและที่อยู่ตามที่ระบุไว้ด้านล่าง
หลังจากส่งเอกสารครบถ้วนแล้ว กระบวนการตรวจสอบมักจะเสร็จสิ้นค่อนข้างเร็ว อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
หมายเหตุสำคัญ: เอกสารทั้งหมดต้องแสดงชื่อและที่อยู่ให้ตรงกับข้อมูลที่คุณกรอกในใบสมัครเป็นการถูกต้อง
A: ถือว่าปลอดภัยได้ครับ FxPro เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือสูงในวงการเทรด เพราะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานทั่วโลก มีการแยกเก็บเงินทุนของลูกค้าอย่างเข้มงวด และมีนโยบายป้องกันยอดเงินติดลบให้ด้วย
แต่ต้องเข้าใจว่าสำหรับลูกค้าไทย คุณจะอยู่ภายใต้การกำกับของ SCB ซึ่งมีระดับการคุ้มครองที่อาจแตกต่างจาก FCA หรือ CySEC โดยเฉพาะเรื่องกองทุนชดเชยนั่นแหละ
A: FxPro จะดำเนินการอนุมัติคำขอถอนเงินภายใน 1 วันทำการ แต่สำหรับเงินจะเข้าบัญชีธนาคารในไทยนั้นอาจใช้เวลา 3-7 วันทำการ ขึ้นอยู่กับกระบวนการของแต่ละธนาคารครับ
A: FxPro เองไม่มีนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมในการฝากและถอนเงิน แต่ธนาคารของคุณหรือธนาคารตัวกลางอาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมของตัวเอง แนะนำให้ใช้ช่องทางการโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงได้
A: สำหรับเทรดเดอร์ที่ซื้อขายบ่อยครั้ง บัญชี Raw+ หรือ cTrader จะมีต้นทุนรวมที่ต่ำกว่าเนื่องจากได้สเปรดที่แคบมาก แม้ว่าจะมีค่าคอมมิชชั่นแต่รวมแล้วคุ้มกว่า
สำหรับผู้ที่เทรดไม่บ่อยนัก บัญชี Standard อาจจะเหมาะสมกว่าในแง่ของความง่ายและไม่ซับซ้อน
A: โดยทั่วไป FxPro ไม่มีโบนัสเงินฝากแบบที่เห็นกันทั่วไป แต่จะมีโปรแกรม FxPro Membership Program ที่จะให้เงินคืน (rebate) ตามปริมาณการซื้อขายของคุณแทน
นอกจากนั้นยังมีการจัดแข่งขันการเทรดเป็นครั้งคราว ซึ่งจะมีรางวัลเป็นโบนัสหรือเงินสดให้กับผู้ชนะด้วย
รีวิว ZFX (2025): ดี
รีวิว Exness (2025):
ยินดีด้วย! บัญชีของคุณได้รับเลือกจากระบบ
เพื่อรับรางวัลอัปเกรดสุดพิเศษ!
ดัชนีโชคลาภวันนี้: พุ่งทะยาน!
ยินดีด้วย! คุณได้รับรางวัลใหญ่ที่สุด:
โบนัสเงินฝาก 50%
(ฝาก $1,000 รับเพิ่มทันที $500!)
โอกาสนี้มีครั้งเดียว พลาดแล้วพลาดเลย!
ฝากรางวัลเข้าบัญชี Moneta Markets ของคุณทันที:
รับรางวัลแล้วปลดล็อกสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ทันที!
โปรดทราบ: หากปิดหรือออกจากหน้านี้จะถือว่าสละสิทธิ์ทันที