ภาพรวมของโบรกเกอร์

ข้อมูลบริษัท

FBS เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2009 และได้พัฒนาจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายการให้บริการไปยังลูกค้าหลายล้านรายทั่วโลก ซึ่งแสดงถึงความสำเร็จในการดำเนินงานและการยอมรับจากตลาด

โครงสร้างองค์กรของ FBS ประกอบด้วยนิติบุคคลหลายแห่งที่ดำเนินงานในเขตอำนาจศาลต่างกัน สำหรับลูกค้าในประเทศไทย การให้บริการจะดำเนินการผ่าน FBS Markets Inc. ซึ่งจดทะเบียนในเบลีซ ขณะที่บริษัทยังมีนิติบุคคลอื่นที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เข้มงวดกว่า เช่น CySEC ในไซปรัส และ ASIC ในออสเตรเลีย แต่จะให้บริการลูกค้าในภูมิภาคอื่น

ในด้านความโปร่งใส FBS มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและสถานะการกำกับดูแลอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทแม่หรือรายงานทางการเงินโดยละเอียดนั้นมีการเปิดเผยอย่างจำกัด

กลยุทธ์ที่น่าสนใจของ FBS คือการที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานระดับสูงอย่าง ASIC และ CySEC แต่เลือกให้บริการลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านนิติบุคคลที่กำกับโดย FSC เบลีซ การกำกับดูแลที่ยืดหยุ่นกว่านี้ทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ดึงดูดใจ เช่น เลเวอเรจสูงและโปรโมชั่นโบนัสที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกจำกัดโดยกฎของ ASIC และ CySEC

สถานะการกำกับดูแล

สำหรับเทรดเดอร์ไทย การทำธุรกรรมทั้งหมดจะดำเนินการภายใต้ FBS Markets Inc. ซึ่งได้รับอนุญาตและกำกับดูแลโดย Financial Services Commission (FSC) of Belize ภายใต้ใบอนุญาตเลขที่ 000102/460 จากการตรวจสอบบนเว็บไซต์ทางการของ FSC พบว่าใบอนุญาตดังกล่าวยังคงมีผลบังคับใช้

FSC ถือเป็นหน่วยงานกำกับดูแลนอกชายฝั่ง (Offshore Regulator) ซึ่งแม้จะมีการวางกรอบทางกฎหมายในการดำเนินงาน แต่ระดับการตรวจสอบ การบังคับใช้กฎระเบียบ และโครงการชดเชยนักลงทุนโดยทั่วไปจะมีความเข้มงวดน้อยกว่าหน่วยงานกำกับดูแลระดับ Tier-1 อย่าง Financial Conduct Authority (FCA) ของสหราชอาณาจักร หรือ Australian Securities and Investments Commission (ASIC) ของออสเตรเลีย

อย่างไรก็ตาม FBS ได้นำมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติมมาใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ได้แก่:

• นโยบายป้องกันยอดเงินคงเหลือติดลบ (Negative Balance Protection)
• การแยกบัญชีเงินทุนของลูกค้า (Segregated Accounts) ออกจากเงินทุนของบริษัท

ควรตระหนักว่าการเลือกใช้ใบอนุญาตจาก FSC ไม่เพียงเป็นเรื่องของความปลοดภัย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของ “ผลิตภัณฑ์” ที่ FBS นำเสนอ การกำกับดูแลที่ยืดหยุ่นนี้เองที่ทำให้โบรกเกอร์สามารถเสนอเลเวอเรจสูงถึง 1:3000 และโบนัสเงินฝากจำนวนมากได้ เทรดเดอร์ที่เลือก FBS จึงเท่ากับได้เลือก “แพ็กเกจ” ที่รวมทั้งเงื่อนไขการเทรดที่ยืดหยุ่นสูงและความเสี่ยงจากการกำกับดูแลที่เข้มงวดน้อยกว่าไว้ด้วยกัน

รีวิวจากผู้ใช้งานและเสียงตอบรับจากการใช้งานจริง

การประเมินชื่อเสียงของโบรกเกอร์จำเป็นต้องพิจารณาทั้งข้อมูลจากแหล่งที่เป็นทางการและเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานจริง โดยเฉพาะในชุมชนท้องถิ่น

ในระดับสากล FBS ได้รับการยอมรับในระดับหนึ่ง โดยมีบทวิจารณ์จากแหล่งข้อมูลอย่าง FXEmpire ที่ชื่นชมในด้านค่าธรรมเนียมที่ต่ำ แหล่งข้อมูลการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม และการสนับสนุนลูกค้าที่เชื่อถือได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกไปยังความคิดเห็นของเทรดเดอร์ชาวไทยในเว็บบอร์ด Pantip จะพบมุมมองที่หลากหลายและแตกต่างออกไป:

ปัญหาการถอนเงิน

แม้ FBS จะโฆษณาว่าการถอนเงินรวดเร็ว แต่มีผู้ใช้หลายรายใน Pantip รายงานประสบการณ์ที่ตรงกันข้าม ผู้ใช้รายหนึ่งระบุว่ารอการถอนเงินนานถึง 10 วัน และเมื่อติดต่อฝ่ายสนับสนุนกลับได้รับคำตอบที่ดูเหมือนเป็นการปัดความรับผิดชอบ ผู้ใช้อีกรายเสริมว่าแม้ตนเองจะไม่เคยเจอปัญหา แต่ก็เคยได้ยินว่าการถอนเงินอาจล่าช้าโดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์

เงื่อนไขโบนัสที่ซับซ้อน

โบนัสเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญของ FBS แต่ก็เป็นที่มาของข้อร้องเรียนจำนวนมาก ผู้ใช้ใน Pantip แสดงความเห็นว่าเงื่อนไขการถอนกำไรจากโบนัสนั้น “ยากมาก” เช่น การต้องทำปริมาณการซื้อขายให้ครบ 5 lots เพื่อถอนกำไรจากโบนัส $140

กรณีที่รุนแรงกว่าคือผู้ใช้รายหนึ่งที่เล่าว่าบัญชีของเขาถูกล้างพอร์ตทันทีที่ขาดทุนจนเงินต้นหมด แม้จะยังมีเครดิตโบนัสเหลืออยู่ก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าโบนัสไม่ใช่ “เงินฟรี” และมาพร้อมกับเงื่อนไขที่อาจสร้างความขัดแย้งได้

ความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม

มีผู้ใช้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ “ความผิดปกติ” ของกราฟราคาในแพลตฟอร์ม FBS โดยเปรียบเทียบว่ามีไส้เทียน (wick) ที่ยาวผิดปกติเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความคลาดเคลื่อนของราคา นอกจากนี้ ยังมีรายงานกรณีที่แอปพลิเคชันค้างระหว่างการเทรดจนทำให้เกิดความเสียหายทางการเงิน

รูปแบบประสบการณ์การใช้งาน

จากเสียงตอบรับที่หลากหลาย สามารถสรุปเป็นรูปแบบที่น่าสนใจได้ว่า ผู้ใช้งานจำนวนมากมักประสบประสบการณ์ที่ราบรื่นในช่วงแรกของการใช้งาน การฝากเงินทำได้ง่ายดาย แพลตฟอร์มทำงานได้ดี และการถอนเงินในจำนวนเล็กน้อยมักไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ใช้เริ่มทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องหรือพยายามถอนเงินในจำนวนที่มากขึ้น ปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการถอนเงิน และขั้นตอนการตรวจสอบบัญชีที่เข้มงวดกว่าปกติมักจะเกิดขึ้น ลักษณะเช่นนี้ ซึ่งบางคนเรียกว่าเป็น “ช่วงฮันนีมูน” ของการใช้งานโบรกเกอร์ อาจเกิดจากนโยบายด้านความปลอดภัยที่รัดกุมของบริษัท หรืออาจสะท้อนถึงแนวปฏิบัติของโบรกเกอร์เอง

ประเภทบัญชี

FBS นำเสนอบัญชีเทรดหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการของเทรดเดอร์ที่แตกต่างกัน สำหรับลูกค้าในประเทศไทย บัญชีหลักที่พบเห็นได้ทั่วไปคือบัญชี Standard และ Cent

บัญชี Cent – เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

บัญชี Cent ถูกออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้นโดยเฉพาะ จุดเด่นคือสามารถเทรดในหน่วยเซ็นต์ได้ หมายความว่าเงินฝาก $10 จะแสดงในแพลตฟอร์มเป็น 1000 เซ็นต์ ซึ่งช่วยให้สามารถฝึกฝนด้วยเงินจริงแต่ในความเสี่ยงที่ต่ำมาก

บัญชีประเภทนี้มีเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีสเปรดที่กว้างกว่าบัญชีประเภทอื่น

บัญชี Standard – สำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่

บัญชี Standard เป็นบัญชีมาตรฐานสำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ ต้องใช้เงินฝากขั้นต่ำสูงกว่าบัญชี Cent แต่ให้เงื่อนไขการเทรดที่เป็นมาตรฐานของตลาด

คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ

บัญชีทดลอง: FBS มีบัญชีทดลองให้ใช้งานฟรีโดยไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นในการฝึกฝนกลยุทธ์โดยปราศจากความเสี่ยง

การป้องกันยอดเงินติดลบ: แพลตฟอร์มมีระบบ Negative Balance Protection เพื่อให้แน่ใจว่าเทรดเดอร์จะไม่ขาดทุนเกินกว่าเงินที่ฝากเข้ามา ซึ่งเป็นเครือข่ายความปลอดภัยที่สำคัญเมื่อใช้เลเวอเรจสูง

ข้อควรระวังสำหรับผู้เริ่มต้น

การที่บัญชีสำหรับผู้เริ่มต้นนี้สามารถใช้เลเวอเรจได้สูงถึง 1:3000 ได้สร้างสภาวะที่ขัดแย้งกันเอง มันคือการมอบ “ยานพาหนะที่ปลอดภัย” (บัญชี Cent) แต่ติดตั้ง “เครื่องยนต์ที่มีความเสี่ยงสูง” (เลเวอเรจ) เข้าไป

คำแนะนำที่สำคัญสำหรับมือใหม่คือ แม้จะใช้บัญชี Cent แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูงจนกว่าจะมีความเข้าใจในตลาดและมีประสบการณ์เพียงพอ

ต้นทุนการเทรดและค่าธรรมเนียมแฝง

การทำความเข้าใจโครงสร้างต้นทุนทั้งหมดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อประเมินความสามารถในการทำกำไรได้อย่างแท้จริง

สเปรด (Spreads)

รายได้หลักของ FBS มาจากสเปรด ซึ่งเป็นแบบลอยตัว แม้เว็บไซต์จะระบุว่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0.7 pips แต่ผลการทดสอบจากแหล่งข้อมูลอิสระชี้ว่าสเปรดเฉลี่ยของคู่เงิน EUR/USD อยู่ที่ประมาณ 1.0-1.1 pips ซึ่งถือเป็นระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรม แต่ไม่ใช่ระดับที่แคบที่สุด

มีการระบุว่าสเปรดสำหรับทองคำมีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่า ในขณะที่สเปรดของดัชนีค่อนข้างกว้างกว่าค่าเฉลี่ย

ค่าคอมมิชชั่น (Commissions)

การเทรดสินทรัพย์ส่วนใหญ่ เช่น คู่เงินฟอเร็กซ์ในบัญชี Standard และ Cent ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ซึ่งเป็นจุดเด่นในด้านความเรียบง่ายในการคำนวณต้นทุน อย่างไรก็ตาม จะมีค่าคอมมิชชั่นสำหรับการเทรด CFD ของหุ้นในอัตรา 0.7%

ค่าสวอป (Swap Fees)

สำหรับการถือสถานะข้ามคืน FBS จะมีการคิดค่าสวอป ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้หรือดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกบัญชีปลอดสวอป (Swap-Free) สำหรับเทรดเดอร์ชาวมุสลิม

ค่าธรรมเนียมอื่นๆ (Non-Trading Fees)

จุดแข็งที่สำคัญของ FBS คือการไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากเงิน ถอนเงิน หรือค่าธรรมเนียมรักษาสภาพบัญชี (Inactivity Fee) ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์รายอื่นจำนวนมาก

สินค้าที่สามารถเทรดได้และความยืดหยุ่นของระบบ

FBS นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในรูปแบบของสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ซึ่งครอบคลุมสินทรัพย์หลายประเภท

ประเภทสินทรัพย์

เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงตลาดต่างๆ ได้แก่:

• ฟอเร็กซ์ (คู่เงินหลัก, คู่เงินรอง, และคู่เงินเกิดใหม่)
• โลหะมีค่า (ทองคำ, เงิน)
• พลังงาน
• ดัชนี
• หุ้น (จากตลาดสหรัฐฯ และยุโรป)
• สกุลเงินดิจิทัล

ข้อจำกัดที่สำคัญ

ข้อจำกัดที่ใหญ่ที่สุดและต้องเน้นย้ำคือ FBS ให้บริการเฉพาะผลิตภัณฑ์ CFD เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงจริง แต่เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคา ด้วยเหตุนี้ แพลตฟอร์มจึงไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการเป็นเจ้าของหุ้นหรือ ETF จริง

รูปแบบการดำเนินการคำสั่ง

FBS ระบุว่าใช้โมเดล Non-Dealing Desk (NDD) พร้อมการดำเนินการแบบ Straight Through Processing (STP) ซึ่งหมายถึงการส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยตรง

โบรกเกอร์โฆษณาความเร็วในการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว “เริ่มต้นที่ 0.01 วินาที” นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ทำการเทรดแบบ Scalping และ Hedging ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เอื้อต่อเทรดเดอร์สายแอคทีฟ

แพลตฟอร์มการเทรดและการทดสอบเครื่องมือ

ซอฟต์แวร์และเครื่องมือเป็นหัวใจสำคัญของประสบการณ์การเทรด FBS ได้เลือกใช้แพลตฟอร์มที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

แพลตฟอร์มที่รองรับ

จุดแข็งหลักของ FBS คือการรองรับชุดแพลตฟอร์ม MetaTrader อย่างเต็มรูปแบบ ทั้ง MT4 และ MT5 ซึ่งสามารถใช้งานได้บนเดสก์ท็อป เว็บเบราว์เซอร์ และอุปกรณ์มือถือ แพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่คุ้นเคยดีและมีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครบครัน

FBS Trader App

โบรกเกอร์มีแอปพลิเคชันของตัวเองชื่อ FBS Trader App แต่จากการตรวจสอบพบว่าแอปนี้ทำหน้าที่หลักเป็น Client Portal สำหรับการจัดการบัญชี เช่น การฝาก-ถอนเงิน การติดต่อฝ่ายสนับสนุน และการติดตามสถานะการเทรด มากกว่าที่จะเป็นแพลตฟอร์มการเทรดเต็มรูปแบบที่มาทดแทน MT4 หรือ MT5

การเทรดอัตโนมัติและโซเชียลเทรด

FBS รองรับการเทรดอัตโนมัติผ่าน Expert Advisors (EAs) บน MT4 และ MT5 อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังรองรับการคัดลอกการเทรด (Copy Trading) ผ่านฟังก์ชัน “Trading Signals” ที่มีอยู่แล้วในตัวแพลตฟอร์ม MetaTrader แต่ FBS ไม่มีแพลตฟอร์ม Copy Trading ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง

บริการ VPS

สำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้ EA ตลอด 24 ชั่วโมง FBS มีบริการ Virtual Private Server (VPS) ให้ใช้งาน โดยมีเงื่อนไขว่าลูกค้าต้องมียอดเงินฝากมากกว่า $450 และมีปริมาณการเทรดอย่างน้อย 3 lots ต่อเดือน หากไม่ตรงตามเงื่อนไข จะมีค่าบริการ $33 ต่อเดือน

ขั้นตอนการฝากและถอนเงิน และประสบการณ์การทดสอบ

ช่องทางการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสะดวกและความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ FBS ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับตลาดประเทศไทย

การฝากเงิน

FBS โปรโมตระบบการชำระเงินของตนอย่างกว้างขวาง โดยอ้างว่ามีช่องทางมากกว่า 200 วิธี ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และรองรับการถอนเงินอัตโนมัติทันที

จุดเด่นที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ใช้ในไทยคือการรองรับการทำธุรกรรมผ่านธนาคารชั้นนำในประเทศอย่างครบวงจร เช่น ธนาคารกรุงไทย กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ และกรุงเทพ รวมถึงการรองรับ Thai QR Payment และ e-wallet ยอดนิยมอย่าง TrueMoney

การมีช่องทางที่หลากหลายและเป็นที่คุ้นเคยเหล่านี้ช่วยลดอุปสรรคและสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ชาวไทยได้อย่างมาก โดยทั่วไปแล้วการฝากเงินจะเข้าสู่บัญชีเทรดแทบจะในทันที

การถอนเงิน – ประเด็นที่ต้องระวัง

ในขณะที่การฝากเงินเป็นไปอย่างราบรื่น ประสบการณ์การถอนเงินกลับเป็นประเด็นที่มีเสียงตอบรับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ FBS ระบุว่าการถอนเงินสามารถทำได้ทันทีหรือใช้เวลาเพียง 15-20 นาที อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงใน Pantip พบว่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้เสมอไป

มีรายงานจากผู้ใช้หลายรายที่ประสบปัญหาความล่าช้าในการถอนเงิน ตั้งแต่การรอหลายชั่วโมงไปจนถึงหลายวันทำการ นอกจากนี้ ในบางกรณีที่เกิดปัญหาขึ้น ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือที่ชัดเจนได้ โดยมักจะให้เหตุผลว่าเป็นความล่าช้าจากฝั่งธนาคาร

ความไม่สอดคล้องกันระหว่างคำโฆษณาและประสบการณ์จริงนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เทรดเดอร์ควรนำไปพิจารณา

คุณภาพของฝ่ายบริการลูกค้าและการสนับสนุนผู้ใช้งาน

การสนับสนุนลูกค้าที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่อาจต้องการความช่วยเหลือในระหว่างการเทรด

ช่องทางและเวลาทำการ

FBS ให้บริการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ Live Chat อีเมล และระบบขอให้โทรกลับ (Callback) ซึ่งถือว่าครอบคลุมและเข้าถึงได้ง่าย

การสนับสนุนภาษาไทย

จุดเด่นที่สำคัญคือการมีทีมงานที่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางภาษาสำหรับลูกค้าในประเทศไทยได้อย่างมาก

ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา

ความคิดเห็นจากผู้ใช้งานในประเด็นนี้ค่อนข้างผสมผสานกันไป ผู้ใช้บางส่วนชื่นชมว่าฝ่ายสนับสนุนตอบสนองได้รวดเร็วและให้ความช่วยเหลือได้ดี

อย่างไรก็ตาม มีข้อร้องเรียนที่น่ากังวลจากผู้ใช้ใน Pantip ที่ระบุว่าเมื่อเจอปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การถอนเงินที่ล่าช้าเป็นเวลานาน ฝ่ายสนับสนุนกลับให้คำตอบที่คลุมเครือและไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง สิ่งนี้อาจบ่งชี้ว่าฝ่ายสนับสนุนอาจมีประสิทธิภาพในการตอบคำถามทั่วไป แต่สำหรับปัญหาทางการเงินที่ซับซ้อน อาจยังต้องการการปรับปรุง

เครื่องมือการศึกษาและวิเคราะห์ตลาด

FBS โดดเด่นอย่างมากในด้านการให้ความรู้แก่เทรดเดอร์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาด

เนื้อหาเพื่อการเรียนรู้

โบรกเกอร์ได้จัดเตรียมแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ที่ครบวงจรและได้รับรางวัลในด้านนี้ ประกอบด้วยคอร์สเรียนออนไลน์ วิดีโอสอนเทรด บทความวิเคราะห์ และพจนานุกรมศัพท์เฉพาะทางฟอเร็กซ์ เนื้อหาเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับสูง

เครื่องมือวิเคราะห์ตลาดที่ครอบคลุม

FBS มาพร้อมกับเครื่องมือวิเคราะห์ตลาดที่จำเป็นสำหรับการเทรด ไม่ว่าจะเป็นบทวิเคราะห์ตลาดรายวัน ไอเดียการเทรดที่น่าสนใจ และปฏิทินเศรษฐกิจที่ติดตั้งมาให้พร้อมกับแพลตฟอร์ม MT5

นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษอย่าง “VIP Analytics” ที่จะส่งบทวิเคราะห์เชิงลึกให้กับลูกค้าที่ลงทะเบียนแล้ว ซึ่งถือเป็นคุณค่าเพิ่มที่น่าสนใจมาก

การรองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ

จุดเด่นที่สำคัญของ FBS คือการรองรับภาษาไทยอย่างครอบคลุม แหล่งข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีให้บริการเป็นภาษาไทยบนเว็บไซต์ fbs.co.th

สิ่งนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยที่ต้องการเรียนรู้และทำความเข้าใจตลาดในภาษาของตนเอง

จุดเด่นของแพลตฟอร์มและความแตกต่าง

FBS มีจุดขายที่ชัดเจนซึ่งทำให้แตกต่างจากโบรกเกอร์อื่น แต่จุดเด่นเหล่านี้ก็มาพร้อมกับข้อควรระวังที่ต้องคิดให้รอบคอบ

เลเวอเรจสูงสุดที่ 1:3000

เลเวอเรจสูงสุดที่ 1:3000 เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นและดึงดูดเทรดเดอร์จำนวนมากที่ต้องการเพิ่มอำนาจในการซื้อขาย

อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจสูงนี้เปรียบเสมือนดาบสองคมที่สามารถเพิ่มทั้งผลกำไรและผลขาดทุนได้อย่างมหาศาล ถือเป็นเครื่องมือที่มีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่ง

โบนัสและโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ

FBS เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการจัดโปรโมชั่นโบนัสที่น่าสนใจ เช่น โบนัสเงินฝาก 100%

แต่สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักคือโบนัสเหล่านี้มักมาพร้อมกับเงื่อนไขที่เข้มงวด โดยเฉพาะข้อกำหนดด้านปริมาณการซื้อขาย (Lot) ที่ผู้ใช้งานหลายรายบอกว่าทำได้ยาก ทำให้การถอนกำไรจากโบนัสเป็นเรื่องที่ท้าทาย

การรองรับการชำระเงินในประเทศ

การสนับสนุนการฝาก-ถอนเงินผ่านธนาคารไทยและระบบ QR Code อย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญและสร้างความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ใช้ในตลาดประเทศไทย

สรุปและคำแนะนำในการเลือกใช้

โดยสรุปแล้ว FBS เป็นโบรกเกอร์ที่เข้าถึงง่าย มีเครื่องมือการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยม และมีการสนับสนุนลูกค้าในประเทศที่ดีเยี่ยม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจนี้ต้องถูกชั่งน้ำหนักกับความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานนอกชายฝั่ง ความเสี่ยงสูงที่มาพร้อมกับเลเวอเรจระดับพิเศษ และรายงานจากผู้ใช้งานจริงเกี่ยวกับความไม่สม่ำเสมอในการถอนเงินและเงื่อนไขโบนัสที่ซับซ้อน

คำแนะนำตามกลุ่มผู้ใช้

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่: FBS อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเนื่องจากเงินฝากขั้นต่ำที่น้อยและมีแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ที่ครอบคลุม

แต่ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) อย่างเต็มที่ และหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูงรวมถึงการรับโบนัสจนกว่าจะเข้าใจความเสี่ยงและเงื่อนไขทั้งหมดอย่างถ่องแท้

สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์: หากเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ซึ่งยอมรับความเสี่ยงจากการกำกับดูแลนอกชายฝั่งได้และต้องการใช้เลเวอเรจสูง FBS มีเครื่องมือที่ตอบโจทย์

อย่างไรก็ตาม ควรทดสอบกระบวนการถอนเงินด้วยจำนวนเงินน้อยๆ ก่อน เพื่อประเมินความเร็วและความราบรื่นด้วยตนเอง

สำหรับนักลงทุนที่เน้นความเสี่ยงต่ำ: หากให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเงินทุนและการกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับ Tier-1 เป็นอันดับแรก หรือต้องการลงทุนในสินทรัพย์จริงแทนที่จะเป็นเพียง CFD ควรพิจารณาโบรกเกอร์อื่นที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เข้มงวดกว่า

คู่มือขั้นตอนการเปิดบัญชี

กระบวนการเปิดบัญชีกับ FBS เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมดและโดยทั่วไปแล้วค่อนข้างรวดเร็ว

• การลงทะเบียน

เริ่มต้นด้วยการเข้าไปที่เว็บไซต์ของ FBS และกรอกข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ-นามสกุล และอีเมล จากนั้นระบบจะส่งลิงก์ยืนยันไปยังอีเมลที่ลงทะเบียน

• การยืนยันตัวตน (KYC)

ขั้นตอนนี้จำเป็นสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน คุณจะต้องอัปโหลดเอกสารเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วย:

เอกสารยืนยันตัวตน: บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง

เอกสารยืนยันที่อยู่: ทะเบียนบ้าน ใบแจ้งหนี้ค่าสาธารณูปโภค หรือรายการเดินบัญชีธนาคารที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือน

กระบวนการตรวจสอบเอกสารอาจใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมง

• การฝากเงิน

หลังจากบัญชีได้รับการยืนยันแล้ว คุณสามารถฝากเงินเข้าบัญชีผ่านช่องทางต่างๆ ที่รองรับในประเทศไทย เช่น QR Code หรือโอนผ่านธนาคาร

• ข้อควรระวัง

ความล่าช้าในการอนุมัติบัญชีมักเกิดจากเอกสารที่อัปโหลดไม่ชัดเจนหรือข้อมูลที่กรอกไม่ตรงกับเอกสาร ดังนั้นควรตรวจสอบความถูกต้องและความคมชัดของเอกสารก่อนส่ง