Connext LOGO

ConnextFX รีวิว (2025): แพลตฟอร์มนี้เหมาะกับคุณไหม?

คะแนนรวม: 5.3/10

ConnextFX เป็นโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับผู้เทรดที่ต้องการเริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อยและยอมรับความเสี่ยงจากการกำกับดูแลนอกชายฝั่ง แพลตฟอร์มมีจุดเด่นในเรื่องของเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำและรองรับเทคโนโลยี MT5 แต่ขาดความน่าเชื่อถือด้านการกำกับดูแลและมีปัญหาด้านการบริการลูกค้าสำหรับผู้ใช้ไทย ผู้เทรดที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเงินทุนควรพิจารณาทางเลือกอื่นที่มีการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งกว่า

ใบอนุญาตหลัก

FSC

เงินฝากขั้นต่ำ

$100

เลเวอเรจสูงสุด

1:1000

สเปรดเฉลี่ยของ EUR/USD

เฉลี่ย 1.5 pips

ข้อดีของ ConnextFX

ข้อเสียของ ConnextFX

รายละเอียดการให้คะแนน

รายละเอียดค่าธรรมเนียม
1 /10
แพลตฟอร์มและเครื่องมือ
1 /10
ปลอดภัย เชื่อถือได้
1 /10
การให้บริการลูกค้า
1 /10

สารบัญบทความ

รีวิวแบบละเอียด

ภาพรวมของโบรกเกอร์

การทำความเข้าใจข้อมูลพื้นฐานของโบรกเกอร์เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการประเมิน ตารางด้านล่างนี้จะให้ภาพรวมข้อมูลสำคัญของ ConnextFX ที่เทรดเดอร์ควรทราบ

รายการข้อมูล
ปีที่ก่อตั้ง2022
สำนักงานใหญ่เซเชลส์; เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์
ใบอนุญาตกำกับดูแลConnext LTD: FSA เซเชลส์ (SD155)<br>Connext LLC: จดทะเบียน SVG FSA
เงินฝากขั้นต่ำ10 ดอลลาร์สหรัฐ
จำนวนถอนขั้นต่ำไม่ระบุอย่างเป็นทางการ
แพลตฟอร์มเทรดMT5 (เดสก์ท็อป, มือถือ, เว็บ), ConnextFX Trade
เลเวอเรจสูงสุด1:1000 (ปรับตามมูลค่าบัญชี)
ภาษาที่รองรับอังกฤษ, ไทย, จีน, สเปน, โปรตุเกส, เวียดนาม
บริการลูกค้าภาษาไทยอีเมล/แบบฟอร์ม เท่านั้น
ประเทศที่เปิดให้บริการทั่วโลก ยกเว้น สหรัฐฯ, แคนาดา, ฮ่องกง, สิงคโปร์, UAE

ข้อมูลบริษัท

ConnextFX เป็นโบรกเกอร์ที่ค่อนข้างใหม่ในตลาด โดยดำเนินธุรกิจผ่านสองหน่วยงานหลัก คือ Connext LTD ที่จดทะเบียนในเซเชลส์ และ Connext LLC ที่จดทะเบียนในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ จากหมายเลขทะเบียนใน SVG บริษัทก่อตั้งขึ้นประมาณปี 2022

จุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัทเกิดขึ้นเมื่อมีการแต่งตั้ง Simon Andras เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มในเดือนมกราคม 2024 คุณ Andras มีประสบการณ์กว้างขวางในอุตสาหกรรม โดยเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในโบรกเกอร์ชื่อดังอย่าง Tickmill, Blackwell Global และ FxPrimus

การนำผู้บริหารมากประสบการณ์มาร่วมงานแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการยกระดับความเป็นมืออาชีพและขยายส่วนแบ่งการตลาด อย่างไรก็ตาม ConnextFX ยังมีข้อจำกัดในเรื่องความโปร่งใสของข้อมูล เนื่องจากไม่ได้เปิดเผยโครงสร้างบริษัทแม่หรือรายงานทางการเงินประจำปี ซึ่งทำให้ยากต่อการประเมินสถานะทางการเงินและความมั่นคงโดยรวมของบริษัท

สถานะการกำกับดูแล

การกำกับดูแลเป็นหัวใจสำคัญในการประเมินความปลอดภัยของโบรกเกอร์ ConnextFX มีโครงสร้างการกำกับดูแลที่ซับซ้อนและต้องทำความเข้าใจอย่างชัดเจน

เงินทุนของลูกค้าและกิจกรรมการซื้อขายหลักดำเนินการโดย Connext LTD ซึ่งถือใบอนุญาตผู้ค้าหลักทรัพย์จากสำนักงานบริการทางการเงินของเซเชลส์ (FSA) หมายเลข SD155 อย่างไรก็ตาม FSA เซเชลส์เป็นหน่วยงานกำกับดูแลนอกชายฝั่งระดับ Tier-3 ซึ่งมีมาตรฐานการคุ้มครองนักลงทุนที่ผ่อนปรนกว่าหน่วยงานระดับ Tier-1 อย่าง FCA สหราชอาณาจักรหรือ ASIC ออสเตรเลีย

สิ่งที่ต้องเข้าใจอย่างชัดเจนคือการจดทะเบียน Connext LLC ในเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ (SVG) เป็นเพียงการจดทะเบียนบริษัทเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลธุรกิจฟอเร็กซ์และ CFD แต่อย่างใด

ประเด็นที่อาจทำให้เข้าใจผิดคือความร่วมมือกับ Pelican (London & Eastern LLP) ซึ่งได้รับอนุญาตจาก FCA สหราชอาณาจักร (หมายเลข 534484) สำหรับการพัฒนาแอป ConnextFX Trade แต่เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลอย่างเป็นทางการ พบว่าใบอนุญาตนี้มีข้อจำกัดสำคัญ: “บริษัทนี้ไม่สามารถถือครองและควบคุมเงินทุนของลูกค้าได้”

ดังนั้น เงินทุนของเทรดเดอร์จะถูกเก็บในบัญชี Connext LTD ภายใต้การกำกับดูแลของ FSA เซเชลส์เท่านั้น หากเกิดปัญหา เทรดเดอร์จะไม่ได้รับการคุ้มครองจาก FCA สหราชอาณาจักรหรือโครงการชดเชย FSCS แต่อย่างใด

รีวิวจากผู้ใช้งานและเสียงตอบรับจากการใช้งานจริง

การประเมินความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์จำเป็นต้องดูความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงควบคู่กับข้อมูลที่เป็นทางการ

ใน Trustpilot ระดับสากล ConnextFX มีรีวิวเพียง 6 รายการ แต่ได้คะแนนสูงถึง 4.5/5 เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการชมเชยเรื่องเงื่อนไขการเทรดและความสะดวกของแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูเว็บไซต์รีวิวและฟอรัมในไทย ภาพที่ได้กลับแตกต่างอย่างชัดเจน เว็บไซต์ uhas.com ระบุข้อเสียที่ผู้ใช้รายงานดังนี้:

  • การสนับสนุนลูกค้าตอบกลับช้าและไม่ตรงประเด็น
  • ระบบการเทรดไม่เสถียร กราฟค้างบ่อย
  • ความเร็วในการดำเนินการคำสั่งช้า โดยเฉพาะช่วงมีข่าวสำคัญ
  • ระยะเวลารอการถอนเงินนานเกินไป
  • ไม่มีการสนับสนุนลูกค้าออนไลน์แบบเรียลไทม์เป็นภาษาไทย

ในฟอรัมออนไลน์ของไทย มีผู้โพสต์เล่าว่าได้รับอีเมลแจ้งเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน (inactivity fee) หลังจากไม่มีการเทรดในบัญชีเป็นเวลานาน ซึ่งเผยให้เห็นถึงค่าธรรมเนียมแฝงที่ผู้ใช้อาจไม่ทันสังเกต

ความแตกต่างระหว่างรีวิวเชิงบวกจากต่างประเทศกับข้อร้องเรียนเฉพาะเจาะจงจากชุมชนไทยแสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่แพลตฟอร์มต้องเผชิญในการให้บริการลูกค้าในไทย โดยเฉพาะเรื่องประสิทธิภาพการถอนเงินและคุณภาพการบริการลูกค้า

ภาพรีวิว ConnextFX จากผู้ใช้งานจริง 1 ภาพรีวิว ConnextFX จากผู้ใช้งานจริง 2

ประเภทบัญชี

ConnextFX มีประเภทบัญชีที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่มีสไตล์การเทรด ประสบการณ์ และขนาดเงินทุนที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างบัญชีต่างๆ จะช่วยให้คุณเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดของคุณมากที่สุด

แพลตฟอร์มมีบัญชีสี่ประเภท ได้แก่ Micro, Ultra, Standard และ No Swap โดยทุกบัญชีมีข้อกำหนดการฝากขั้นต่ำ 10 ดอลลาร์สหรัฐ และมีการป้องกันยอดคงเหลือติดลบ

การเปรียบเทียบประเภทบัญชี ConnextFX

คุณสมบัติบัญชี Microบัญชี Ultraบัญชี Standardบัญชี No Swap
เหมาะสำหรับมือใหม่, เทรดด้วยหน่วยเซนต์เทรดแบบ Scalping/Day Tradingเทรดเดอร์ทั่วไปเทรดเดอร์ตามหลักศาสนาอิสลาม
เงินฝากขั้นต่ำ10 ดอลลาร์สหรัฐ (1000 เซนต์)10 ดอลลาร์สหรัฐ10 ดอลลาร์สหรัฐ10 ดอลลาร์สหรัฐ
สเปรด (Pips)เริ่มต้น 1.4เริ่มต้น 0.6เริ่มต้น 1.2เริ่มต้น 1.5
ค่าคอมมิชชั่นไม่มี6 ดอลลาร์สหรัฐต่อล็อตไม่มีไม่มี
ไม่มีดอกเบี้ยข้ามคืนไม่ไม่ไม่ใช่
การป้องกันยอดคงเหลือติดลบใช่ใช่ใช่ใช่

Micro Account (บัญชีไมโคร)

บัญชีนี้ทำการซื้อขายในหน่วยเซ็นต์ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดและต้องการฝึกฝนการเทรดจริงด้วยเงินทุนจำนวนน้อย สเปรดเริ่มต้นที่ 1.4 pips โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น

ช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้การเทรดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนการเทรดมากเกินไป

Ultra Account (บัญชีสเปรดต่ำพิเศษ)

บัญชีนี้ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้งานอยู่ซึ่งอ่อนไหวต่อต้นทุนการเทรด เช่น เทรดเดอร์ Scalping หรือ Day Trading มีสเปรดดิบเริ่มต้นที่ 0.6 pips แต่มีค่าคอมมิชชั่นคงที่ 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อล็อต

การเทรดรูปแบบ “สเปรด + คอมมิชชั่น” นี้อาจส่งผลให้มีต้นทุนโดยรวมที่ต่ำกว่าสำหรับเทรดเดอร์ความถี่สูง

Standard Account (บัญชีมาตรฐาน)

นี่คือประเภทบัญชีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป โดยใช้รูปแบบ “ไม่มีค่าคอมมิชชั่น” ซึ่งหมายความว่าต้นทุนการเทรดทั้งหมดจะรวมอยู่ในสเปรด ซึ่งเริ่มต้นที่ 1.2 pips

โครงสร้างค่าธรรมเนียมนี้เรียบง่ายและคำนวณง่าย เหมาะสำหรับเทรดเดอร์สวิงเทรดหรือนักลงทุนระยะยาวที่มีความถี่ในการเทรดไม่สูง

No Swap Account (บัญชีไม่มีดอกเบี้ยข้ามคืน)

บัญชีนี้ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์ที่ปฏิบัติตามกฎหมายชะรีอะห์ โดยไม่มีค่าดอกเบี้ย (swap) สำหรับการถือครองตำแหน่งข้ามคืน

เพื่อแลกกับสิ่งนี้ สเปรดจะกว้างขึ้นเล็กน้อย โดยเริ่มต้นที่ 1.5 pips และไม่มีค่าคอมมิชชั่น

โดยรวมแล้ว การตั้งค่าบัญชีของ ConnextFX ครอบคลุมความต้องการที่แตกต่างกันตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงเทรดเดอร์ขั้นสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรสังเกตว่าแม้ว่าข้อกำหนดการฝากขั้นต่ำจะต่ำมาก แต่โครงสร้างต้นทุนการเทรดของบัญชีแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างมาก และจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบตามกลยุทธ์การเทรดของคุณ

ต้นทุนการเทรดและค่าธรรมเนียมแฝง

การประเมินต้นทุนการเทรดอย่างโปร่งใสเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากสเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่เห็นได้ชัดเจนแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมที่ไม่ใช่การเทรดที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย

ส่วนนี้จะอธิบายค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ ConnextFX อย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณประเมินต้นทุนการเทรดที่แท้จริงได้อย่างครอบคลุม

สเปรดและค่าคอมมิชชั่น (Spreads & Commissions)

ต้นทุนการเทรดหลักของ ConnextFX ประกอบด้วยสเปรดและค่าคอมมิชชั่น ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีที่คุณเลือก

สเปรด (Spreads): สเปรดจะผันผวน สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการต้นทุนการเทรดต่ำที่สุด บัญชี Ultra จะมีสเปรดขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 0.6 pips แต่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น สำหรับผู้ใช้ที่ชอบโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่เรียบง่าย บัญชี Standard จะมีสเปรดเริ่มต้นที่ 1.2 pips ซึ่งกว้างกว่า แต่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ จากความคิดเห็นของผู้ใช้ชาวไทย สเปรดอาจกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่มีความผันผวนของตลาดอย่างรุนแรง เช่น ช่วงการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนการเทรดอย่างมาก

ค่าคอมมิชชั่น (Commissions): เฉพาะบัญชี Ultra เท่านั้นที่เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นการเทรด ซึ่งมาตรฐานอยู่ที่ 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อการเทรดมาตรฐาน 1 ล็อตแบบไปกลับ บัญชีประเภทอื่น รวมถึง Micro, Standard และ No Swap จะไม่มีค่าคอมมิชชั่น

ค่าธรรมเนียม Swap (Overnight Fees)

เมื่อคุณถือครองตำแหน่งข้ามคืน โบรกเกอร์จะเรียกเก็บหรือจ่ายค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยข้ามคืน (หรือที่เรียกว่า Rollover Fee) ยกเว้นบัญชี No Swap ที่ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์อิสลาม

บัญชีประเภทอื่นๆ ของ ConnextFX ทั้งหมดจะเกิดค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยข้ามคืน อัตราที่แน่นอนจะแตกต่างกันไปตามเครื่องมือการเทรดและอัตราดอกเบี้ยของตลาด เทรดเดอร์ระยะยาวควรพิจารณาต้นทุนนี้ด้วย

ค่าธรรมเนียมที่ไม่ใช่การเทรดที่อาจเกิดขึ้น (Potential Non-Trading Fees)

นอกเหนือจากต้นทุนการเทรดข้างต้น ยังมีค่าธรรมเนียมบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์เฉพาะ:

ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน (Inactivity Fee): นี่เป็นค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างแอบแฝง จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ใช้ชาวไทยในฟอรัม Pantip พบว่าบัญชีของเขาได้รับแจ้งการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานหลังจากไม่มีการเทรดเป็นเวลานาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ConnextFX มีนโยบายการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนี้

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์อย่างเป็นทางการไม่ได้ระบุจำนวนเงินและเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานอย่างชัดเจนในตำแหน่งที่เห็นได้ง่าย ผู้ใช้จำเป็นต้องอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจรายละเอียด

ค่าธรรมเนียมการฝาก/ถอน (Deposit/Withdrawal Fees): ConnextFX อ้างว่ามี “ค่าธรรมเนียมการโอนเป็นศูนย์” บนเว็บไซต์ ซึ่งโดยปกติหมายความว่าโบรกเกอร์เองไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากและถอน

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่ากระบวนการทั้งหมดจะฟรี ผู้ใช้อาจยังคงต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยผู้ประมวลผลการชำระเงินภายนอก เช่น ค่าธรรมเนียมธนาคารตัวกลางสำหรับการโอนเงินผ่านธนาคาร ค่าธรรมเนียมเครือข่ายสำหรับสกุลเงินดิจิทัล ฯลฯ ดังนั้น จำนวนเงินที่ได้รับจริงอาจแตกต่างจากจำนวนเงินที่ร้องขอในการถอน

สรุปได้ว่า โครงสร้างต้นทุนของ ConnextFX มุ่งเป้าไปที่การดึงดูดเทรดเดอร์ประเภทต่างๆ แต่ความโปร่งใสยังคงต้องได้รับการปรับปรุง โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าธรรมเนียมแอบแฝงที่ไม่ได้ประกาศอย่างกว้างขวาง เช่น ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน และค่าธรรมเนียมของบุคคลที่สามที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการถอนเงิน ซึ่งอาจลดผลกำไรของเทรดเดอร์โดยไม่รู้ตัว

สินค้าที่สามารถเทรดได้และความยืดหยุ่นของระบบ

จำนวนและประเภทของสินค้าที่โบรกเกอร์นำเสนอ รวมถึงคุณภาพของการดำเนินการคำสั่ง มีผลโดยตรงต่อความหลากหลายของกลยุทธ์ของเทรดเดอร์และผลลัพธ์การเทรดที่แท้จริง

ส่วนนี้จะตรวจสอบเครื่องมือการเทรดที่ ConnextFX นำเสนอและประสิทธิภาพการดำเนินการในสภาพแวดล้อมตลาดจริง

ประเภทสินทรัพย์ที่สามารถเทรดได้

ConnextFX เสนอรูปแบบการเทรดแบบสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ซึ่งครอบคลุมหมวดหมู่สินทรัพย์หลักในตลาดการเงิน ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกระจายพอร์ตการลงทุนบนแพลตฟอร์มเดียว

สินค้าที่รองรับส่วนใหญ่ได้แก่:

  • ฟอเร็กซ์ (Forex): มีคู่สกุลเงินให้เลือกมากกว่า 60 คู่ รวมถึงคู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD, USD/JPY และคู่สกุลเงินรองและตลาดเกิดใหม่ต่างๆ
  • โลหะมีค่า (Precious Metals): รองรับการเทรดโลหะมีค่าหลัก เช่น ทองคำ (XAU/USD) และเงิน (XAG/USD)
  • พลังงาน (Energies): มีการเทรด CFD ในสินค้าพลังงาน เช่น น้ำมันดิบ (WTI และ Brent)
  • คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrencies): อนุญาตให้เทรดเดอร์ซื้อขายคู่สกุลเงินดิจิทัลหลักเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น Bitcoin (BTC/USD) และ Ethereum (ETH/USD)

โดยรวมแล้ว แม้ว่าประเภทสินค้าของ ConnextFX จะไม่หลากหลายที่สุดในตลาด แต่ก็ครอบคลุมสินทรัพย์หลักที่เทรดเดอร์รายย่อยสนใจมากที่สุด ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของกลยุทธ์การเทรดทั่วไปส่วนใหญ่

คุณภาพการดำเนินการและยืดหยุ่น

เรื่องของความเร็ว ความเสถียร และความแม่นยำในการดำเนินการคำสั่งนี่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการประเมินว่าโบรกเกอร์ตัวไหนดีจริง แม้ว่า ConnextFX จะอ้างเอาไว้ว่ามี “การดำเนินการที่รวดเร็ว” ในการโฆษณาอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อลงไปดูความคิดเห็นจริงๆ จากเทรดเดอร์ไทยกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย

จากที่ไปเช็คเว็บไซต์รีวิวต่างๆ ในไทย พบว่าผู้ใช้รายงานปัญหาเหล่านี้เกี่ยวกับระบบเทรดของ ConnextFX:

การดำเนินการคำสั่งช้า: โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดผันผวนแรง เช่น ก่อนและหลังข่าวเศรษฐกิจสำคัญออก ความเร็วในการดำเนินการคำสั่งจะลดลงเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เทรดเดอร์อาจพลาด Entry หรือ Exit ที่ดีที่สุด หรือเจอ Slippage ที่ทำให้เสียเงินเพิ่ม

ระบบไม่เสถียร: มีผู้ใช้บางคนรายงานว่ากราฟบนแพลตฟอร์มเทรดมีการ “ค้าง” หรือ “หยุดนิ่ง” ปัญหานี้อันตรายมาก เพราะอาจทำให้เทรดเดอร์ไม่สามารถจัดการ Position ตั้งค่า หรือแก้ไข Stop Loss ได้ทันเวลา ซึ่งจะทำให้เสี่ยงกับความเสียหายในตลาดได้เยอะมาก

ความคิดเห็นเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์หรือ Liquidity ของ ConnextFX อาจมีข้อจำกัด แพลตฟอร์มอาจทำงานได้ตามปกติในช่วงตลาดสงบ แต่พอถึงช่วงเวลาสำคัญที่มี Volume สูงและความผันผวนแรง ความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์อาจไม่เพียงพอ

สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องพึ่งพาการตอบสนองแบบ Real-time และการดำเนินการที่แม่นยำ เช่น พวก Scalper ความไม่แน่นอนในคุณภาพการดำเนินการนี้ถือเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่มาก

แพลตฟอร์มการเทรดและการทดสอบเครื่องมือ

แพลตฟอร์มเทรดเป็นเครื่องมือหลักที่เทรดเดอร์ใช้เข้าถึงตลาด ฟังก์ชันการทำงาน ความเสถียร และ User Experience จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการเทรด ConnextFX เน้นการเลือกแพลตฟอร์มที่ทันสมัย แต่ก็ทิ้งตัวเลือกบางอย่างที่เป็นที่นิยมในตลาดไป

แพลตฟอร์มการเทรดหลัก: MetaTrader 5 (MT5)

แพลตฟอร์มเทรดหลักของ ConnextFX คือ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ ครบ ทั้งเวอร์ชัน Desktop, WebTrader และแอปมือถือ

MT5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันต่อมาจาก MetaTrader 4 มีฟังก์ชันที่ทรงพลังกว่า รองรับ Technical Indicator เพิ่มเติม Timeframe ที่หลากหลายขึ้น และประเภท Order ที่มากขึ้น รวมถึงมีปฎิทินเศรษฐกิจในตัวด้วย การเลือก MT5 เป็นแพลตฟอร์มหลักแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของโบรกเกอร์ในการก้าวทันเทคโนโลยี

แพลตฟอร์มการเทรดแบบโซเชียลและการคัดลอก: ConnextFX Trade

เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ Social Trading ConnextFX ได้เปิดตัวแอปมือถือของตัวเองชื่อ “ConnextFX Trade” แอปนี้ออกแบบมาสำหรับ Copy Trading โดยเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามและคัดลอกกลยุทธ์การเทรดของ Signal Provider กว่า 6,000 รายทั่วโลก

เทคโนโลยีเบื้องหลังแอปนี้ขับเคลื่อนโดย Pelican ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการกำกับดูแลโดย FCA ของสหราชอาณาจักร ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและน่าเชื่อถือให้กับกลไกการ Copy Trade นี่เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของผู้อื่น หรือสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ที่ต้องการสร้างรายได้จากการแบ่งปันกลยุทธ์ของตน

แพลตฟอร์มทางเลือกที่อาจเป็นไปได้: cTrader

ใน Google Play Store จะเจอแอปชื่อ “Connext cTrader” ซึ่งตัว cTrader เองถือว่าเป็นแพลตฟอร์มเทรดระดับมืออาชีพที่หลายคนชื่นชม จุดเด่นคือมี ฟีเจอร์กราฟขั้นสูง (Advanced Charting), DOM (Depth of Market) ที่โปร่งใส และ หน้าตาใช้งานง่าย เหมาะกับสายเทรดจริงจัง

แม้ว่าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ConnextFX จะไม่ได้โปรโมท cTrader เป็นแพลตฟอร์มหลัก แต่การมีแอปดังกล่าวบ่งชี้ว่า cTrader อาจมีให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้บางราย เทรดเดอร์ที่สนใจอาจต้องสอบถามฝ่ายบริการลูกค้าโดยตรงเพื่อยืนยันความพร้อมใช้งาน

ข้อจำกัดที่สำคัญ: ไม่รองรับ MetaTrader 4 (MT4)

ข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดในกลยุทธ์แพลตฟอร์มของ ConnextFX คือการไม่รองรับ MetaTrader 4 (MT4) อย่างสมบูรณ์ แม้ว่า MT5 จะมีความก้าวหน้าทางเทคนิคมากกว่า แต่ MT4 ได้ครองตลาดมานานกว่าทศวรรษ โดยมีฐานผู้ใช้ที่ภักดีจำนวนมาก และระบบนิเวศของ Custom Indicator และ Expert Advisors (EAs) ที่ไม่สามารถเทียบเคียงได้

สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่มีประสบการณ์ ส่วนใหญ่ยังใช้ MT4 เป็นหลัก เพราะมี EA (กลยุทธ์อัตโนมัติ) และ เครื่องมือเทรดเก่า ๆ ที่พัฒนาบน MT4 อยู่แล้ว พอ ConnextFX ไม่รองรับ MT4 ก็เท่ากับว่าถ้าย้ายมาต้องเสียเวลาและต้นทุนในการปรับระบบค่อนข้างสูง รายงานรีวิวในไทยเองก็บอกตรงกันว่า “ไม่รองรับ MT4” คือจุดอ่อนหลักของโบรกนี้ สะท้อนว่ากลยุทธ์ของบริษัทอาจยังไม่ตอบโจทย์ตลาดไทยในบางกลุ่ม

ขั้นตอนการฝากและถอนเงิน และประสบการณ์การทดสอบ

ความสะดวก ความรวดเร็ว และความน่าเชื่อถือของการเข้าถึงเงินทุนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์พิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ สำหรับผู้ใช้ชาวไทย การรองรับวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นและความราบรื่นของกระบวนการถอนเงินเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์ม

การฝากเงิน

ข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำของ ConnextFX อยู่ที่เพียง 10 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยลดต้นทุนเริ่มต้นในการเทรดได้อย่างมาก ในส่วนของวิธีการฝากเงิน จากข้อมูลบนแพลตฟอร์มบุคคลที่สาม Myfxbook ระบุว่า ConnextFX รองรับสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ USDT เป็นหนึ่งในวิธีการฝากเงิน สำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับการทำธุรกรรม Crypto นี่เป็นวิธีที่รวดเร็วในการหลีกเลี่ยงระบบธนาคารแบบดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้ชาวไทยจำนวนมาก ข้อจำกัดที่สำคัญคือในข้อมูลสาธารณะทั้งหมด ไม่พบหลักฐานว่า ConnextFX รองรับวิธีการชำระเงินที่นิยมใช้ในไทย ซึ่งรวมถึง Thai QR Payment, PromptPay หรือการโอนเงินผ่านธนาคารภายในประเทศ

ปัจจุบัน เครื่องมือการชำระเงินที่สะดวกเหล่านี้ได้กลายเป็นกระแสหลักสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการทำธุรกรรมออนไลน์ของคนไทย การขาดการรองรับช่องทางการชำระเงินในท้องถิ่นเหล่านี้ ย่อมสร้างความไม่สะดวกและอุปสรรคเพิ่มเติมในกระบวนการฝากเงินสำหรับผู้ใช้ชาวไทย

ผู้ใช้อาจต้องแลกเปลี่ยน THB เป็น USD หรือสกุลเงินดิจิทัลก่อนจึงจะสามารถฝากเงินได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับต้นทุน Exchange Rate เพิ่มเติมและความซับซ้อนในการดำเนินการ

การถอนเงิน

การถอนเงินคือ “Litmus Test” ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ ConnextFX อ้างว่ามี “ค่าธรรมเนียมการโอนเป็นศูนย์” บนเว็บไซต์ ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทเองไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการถอน อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้จะได้รับเงินเต็มจำนวนที่ถอน เนื่องจากอาจมีค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงินภายนอกเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการ

ที่สำคัญกว่านั้นคือเวลาในการดำเนินการถอนเงิน แม้ว่าทางแพลตฟอร์มจะไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับเวลาการดำเนินการที่ชัดเจน แต่ความคิดเห็นเชิงลบจากชุมชนผู้ใช้ชาวไทยกลับสอดคล้องกัน

เว็บไซต์รีวิวและฟอรัมในท้องถิ่นของไทยหลายแห่งระบุอย่างชัดเจนว่า กระบวนการถอนเงินของ ConnextFX “ใช้เวลานานพอสมควร” หรือ “ล่าช้า” ความล่าช้านี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อ Liquidity และประสิทธิภาพการใช้เงินทุน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ มันบั่นทอนความมั่นใจของเทรดเดอร์ในความปลอดภัยของเงินทุนบนแพลตฟอร์มอย่างรุนแรง

สำหรับเทรดเดอร์ทุกคน การไม่สามารถถอนเงินของตนเองได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ ถือเป็น Red Flag ที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง

โดยรวมแล้ว ประสิทธิภาพของ ConnextFX ในด้านการฝากและถอนเงิน โดยเฉพาะสำหรับตลาดไทย มีข้อบกพร่องที่ชัดเจน การพึ่งพา Crypto และการขาดวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นสร้างความไม่สะดวกในการฝากเงิน ในขณะที่รายงานของผู้ใช้เกี่ยวกับการถอนเงินที่ล่าช้าเป็นความท้าทายอย่างรุนแรงต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานและความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม

คุณภาพของฝ่ายบริการลูกค้าและการสนับสนุนผู้ใช้งาน

เมื่อเทรดเดอร์ประสบปัญหาการใช้งานแพลตฟอร์ม ปัญหาเรื่องเงินทุน หรือข้อผิดพลาดทางเทคนิค การบริการลูกค้าที่ตอบกลับเร็ว มีประสิทธิภาพ และสื่อสารง่ายเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ส่วนนี้จะประเมินคุณภาพการสนับสนุนลูกค้าของ ConnextFX โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ชาวไทย

ช่องทางการติดต่อและภาษาที่รองรับ

ConnextFX มีช่องทางการติดต่อที่ทันสมัยหลายช่องทาง จากข้อมูลบน Myfxbook ผู้ใช้สามารถติดต่อทีม Customer Service ผ่านทางโทรศัพท์ อีเมล Whatsapp และ Facebook ได้ ในส่วนของ Language Support เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแพลตฟอร์มและ Trading Interface มีเวอร์ชันภาษาไทย ซึ่งดูเหมือนจะมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ชาวไทย

อย่างไรก็ตาม มีช่องว่างใหญ่ระหว่างการแปลเว็บไซต์เพียงผิวเผินกับ Local Service ที่ลึกซึ้ง จากประสบการณ์จริงของผู้ใช้ชาวไทย รายงานการประเมินในท้องถิ่นที่ละเอียดระบุอย่างชัดเจนว่าแพลตฟอร์มนี้ไม่มี Live Chat เป็นภาษาไทยแบบ Real-time

ซึ่งหมายความว่าเมื่อผู้ใช้ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน พวกเขาไม่สามารถรับการสนับสนุนด้วยภาษาแม่ผ่านช่องทางที่รวดเร็วที่สุดได้ และต้องเลือกการสื่อสารทางอีเมลที่ไม่ใช่แบบ Real-time หรือพยายามสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่มีความสามารถทางภาษาที่จำกัด

ประสิทธิภาพการตอบกลับและความสามารถในการแก้ไขปัญหาของฝ่ายบริการลูกค้า

นอกเหนือจากอุปสรรคทางภาษาแล้ว ประสิทธิภาพการตอบกลับและความสามารถในการแก้ไขปัญหาของฝ่ายบริการลูกค้าก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้ชาวไทยเช่นกัน รายงานการประเมินดังกล่าวระบุว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่รายงานว่าการสนับสนุนลูกค้าของ ConnextFX “ตอบกลับช้าและไม่ตรงคำถาม”

ประสบการณ์นี้บ่งชี้ว่า ConnextFX อาจยังไม่ได้จัดตั้งทีมสนับสนุนในท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญและผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีในไทยหรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฝ่ายบริการลูกค้าอาจอยู่ในเขตเวลาอื่น ทำให้การตอบกลับไม่ทันเวลา หรือทีมอาจขาดความเข้าใจที่เพียงพอเกี่ยวกับปัญหาเฉพาะของผู้ใช้ในท้องถิ่น เช่น ปัญหาการฝากและถอนเงินผ่านระบบธนาคารไทย จึงไม่สามารถให้วิธีแก้ไขปัญหาที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพได้

โดยรวมแล้ว ฝั่งบริการลูกค้าของ ConnextFX ยังเป็นแค่ Surface-level Localization คือมีหน้าเว็บภาษาไทยก็จริง แต่ยังไม่มีทีมซัพพอร์ตในไทยจริง ๆ เวลาเกิดปัญหาต้องรอติดต่อกับส่วนกลางเอง

สำหรับเทรดเดอร์ที่ดำเนินงานในตลาดการเงินที่มีการแข่งขันสูง ระบบการบริการลูกค้าที่ตอบกลับช้าและสื่อสารไม่ชัดเจน ไม่เพียงแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ยังจะเพิ่มความวิตกกังวลและความไม่ไว้วางใจของผู้ใช้เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก

เครื่องมือการศึกษาและวิเคราะห์ตลาด

สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการพัฒนาตัวเอง แหล่งเรียนรู้และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่เรื่องนี้ ConnextFX ยังให้การสนับสนุนที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะปัญหาเรื่องภาษาที่เป็นอุปสรรคใหญ่

ช่วงต้นปี 2024 บริษัทได้เปิดตัวเว็บไซต์การศึกษาชื่อ Campus.connextfx.com ซึ่งเป็นความพยายามที่จะช่วยเทรดเดอร์ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แสดงให้เห็นว่าบริษัทพยายามลงทุนในส่วนการศึกษาเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่

แต่จากมุมมองของเทรดเดอร์ไทย ทรัพยากรที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอจริงๆ เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ยังเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สออนไลน์หรือ e-book ต่างๆ สำหรับมือใหม่ที่ภาษาอังกฤษไม่แรง อาจต้องไปหาเนื้อหาภาษาไทยจากที่อื่นมาช่วย

ในส่วนของเครื่องมือวิเคราะห์ตลาด ConnextFX ยังไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ของค่ายดังอย่าง Trading Central หรือ Autochartist มาให้ใช้งานโดยตรง ส่วนในแพลตฟอร์ม MT5 เองก็มี อินดิเคเตอร์เทคนิค กับ เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ ครบพอสมควร

แต่ถ้าเป็นเรื่อง วิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental), มุมมองตลาด (Market Sentiment) หรือ สัญญาณเทรดแบบมืออาชีพ ยังถือว่าอ่อนอยู่ เทรดเดอร์เลยต้องหาข้อมูลจากแหล่งอื่นมาช่วยประกอบการตัดสินใจเอง

โดยรวมแล้ว การลงทุนของ ConnextFX ในด้านการศึกษายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แม้จะมีเว็บไซต์การศึกษาแล้ว แต่การปรับให้เข้ากับผู้ใช้ท้องถิ่นและความลึกของเนื้อหายังต้องพัฒนาอีกเยอะ สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องการทั้งการเรียนรู้และการวิเคราะห์แบบ all-in-one โดยเฉพาะมือใหม่ สิ่งที่ ConnextFX มีให้อาจยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่

จุดเด่นของแพลตฟอร์มและความแตกต่าง

นอกจากการเทรดปกติแล้ว ฟีเจอร์พิเศษบางอย่างก็สามารถเป็นจุดขายที่ดึงดูดเทรดเดอร์กลุ่มเฉพาะได้ ConnextFX เน้นไปที่ social trading และเงื่อนไขการเทรดที่แข่งขันได้ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องระวัง

จุดเด่นหลัก: การซื้อขายแบบโซเชียลและการคัดลอกการเทรด (Social & Copy Trading)

จุดขายที่โดดเด่นสุดของ ConnextFX คือการให้ความสำคัญกับ social trading ผ่านแอปมือถือเฉพาะ “ConnextFX Trade” แพลตฟอร์มนำเสนอระบบ copy trading ที่ครบครัน ผู้ใช้สามารถเข้าถึง signal providers กว่า 6,000 รายทั่วโลก และสามารถ copy กลยุทธ์ของพวกเขาได้แบบเรียลไทม์และอัตโนมัติ

ฟีเจอร์นี้ดึงดูดเทรดเดอร์สองกลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือมือใหม่ที่ไม่มีเวลาหรือประสบการณ์ในการวิเคราะห์ตลาดเอง สามารถ “ยืนบนไหล่ยักษ์” ได้ด้วยฟีเจอร์นี้ อีกกลุ่มคือเทรดเดอร์มากประสบการณ์ที่มี track record ดี สามารถเป็น signal provider และสร้างรายได้เพิ่มจากการแชร์กลยุทธ์

ฟีเจอร์นี้ได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจาก Pelican ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA ในสหราชอาณาจักร ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ

เงื่อนไขการเทรดที่น่าดึงดูดใจและข้อจำกัด

อีกหนึ่งจุดขายสำคัญของ ConnextFX คือเงื่อนไขการเริ่มต้นและ trading setup ที่แข่งขันได้:

ไม่มีค่าคอมมิชชั่นและตัวเลือกสเปรดต่ำ: แพลตฟอร์มเสนอทั้งรูปแบบ “ไม่มีคอมมิชชั่น” อย่างบัญชี Standard และรูปแบบ “สเปรดต่ำ + คอมมิชชั่น” อย่างบัญชี Ultra ตอบโจทย์เทรดเดอร์ที่มีความชอบด้านค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน ความยืดหยุ่นนี้ทำให้ผู้ใช้เลือกแผนที่ประหยัดที่สุดตามความถี่ในการเทรดของตนเอง

เลเวอเรจสูงและเงินฝากขั้นต่ำต่ำ: leverage สูงสุดถึง 1:1000 และข้อกำหนดฝากขั้นต่ำเพียง 10 ดอลลาร์ ลดอุปสรรคการเข้าตลาดได้มาก ทำให้เทรดเดอร์ที่มีทุนน้อยสามารถเข้าร่วมตลาดโลกได้

แต่เบื้องหลังเงื่อนไขที่ดูน่าสนใจเหล่านี้ ก็มี trade-offs ที่ต้องระวัง เช่น “ไม่มีคอมมิชชั่น” มักหมายถึงสเปรดที่กว้างขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายจริงๆ ถูกซ่อนอยู่ในนั้น และ leverage สูงเป็นดาบสองคม ขยายกำไรที่อาจเกิดขึ้นในขณะเดียวกันก็ขยายความเสี่ยงในอัตราเดียวกัน สำหรับเทรดเดอร์ไม่มีประสบการณ์ การใช้ leverage สูงเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการขาดทุนอย่างรวดเร็ว

สรุปได้ว่า จุดเด่นของ ConnextFX อยู่ที่การผสม copy trading ที่สะดวกเข้ากับเงื่อนไขการเริ่มต้นที่ยืดหยุ่นมาก แต่ในขณะที่ผู้ใช้ถูกดึงดูดด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ก็ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและข้อจำกัดที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างค่าใช้จ่ายและการใช้ leverage

สรุปและคำแนะนำในการเลือกใช้

จากการวิเคราะห์ ConnextFX อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ประวัติบริษัท สถานะการกำกับดูแล เงื่อนไขการเทรด ไปจนถึงความคิดเห็นของผู้ใช้งาน เรามองได้ค่อนข้างชัดว่า ConnextFX เป็นโบรกเกอร์นอกชายฝั่งทั่วไปที่ดึงดูดลูกค้าด้วยข้อกำหนดเริ่มต้นที่ต่ำและฟังก์ชันที่ทันสมัย แต่ความลึกและความน่าเชื่อถือของบริการ โดยเฉพาะสำหรับตลาดไทย มี trade-offs และความเสี่ยงที่สำคัญ

ข้อดีและข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น:

  • ข้อได้เปรียบ: จุดดึงดูดที่ใหญ่ที่สุดของแพลตฟอร์มคือข้อกำหนดเริ่มต้นที่ต่ำมาก (ฝาก 10 ดอลลาร์) และการรองรับแพลตฟอร์มที่ทันสมัย (MT5 และแอป copy trading) ให้จุดเริ่มต้นที่สะดวกสำหรับมือใหม่ที่มีงบจำกัดและผู้ที่อยากลอง copy trading
  • ความเสี่ยง: แต่ข้อได้เปรียบเหล่านี้มาพร้อมกับความเสี่ยงสำคัญหลายประการที่เพิกเฉยไม่ได้
    • ประการแรก ธุรกิจหลักของบริษัทอยู่ภายใต้การกำกับดูแลนอกชายฝั่งของ FSA ของเซเชลส์ ให้ระดับการคุ้มครองนักลงทุนที่ต่ำกว่าหน่วยงานกำกับดูแล Tier-1 ทั่วไปมาก
    • ประการที่สอง และเป็นสิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับผู้ใช้ไทย คือความคิดเห็นเชิงลบที่สอดคล้องกันจากชุมชนท้องถิ่นเกี่ยวกับการถอนเงินที่ล่าช้าและคุณภาพการบริการลูกค้าที่ไม่ดี ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของเงินทุนและความน่าเชื่อถือของบริการเป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุด

คำแนะนำในการเลือกสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย:

จากการวิเคราะห์ข้างต้น เรามีคำแนะนำตามเงื่อนไขสำหรับเทรดเดอร์ไทยประเภทต่างๆ ดังนี้:

ไม่แนะนำให้ผู้ใช้ต่อไปนี้เลือก ConnextFX:

  • เทรดเดอร์มือใหม่: ผู้เริ่มต้นต้องการความปลอดภัยของเงินทุนและการสนับสนุนลูกค้าที่เชื่อถือได้มากที่สุด ConnextFX มีความไม่แน่นอนสูงในทั้งสองด้าน ไม่เหมาะที่จะเป็นตัวเลือกแรกสำหรับมือใหม่
  • เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนจำนวนมาก: สำหรับผู้ใช้ที่ลงทุนเงินทุนการเทรดส่วนใหญ่ การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลระดับสูงสุดและมีชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญ ConnextFX ด้วยโครงสร้างการกำกับดูแลนอกชายฝั่งไม่สามารถให้การรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนที่เพียงพอได้
  • ผู้ใช้ที่พึ่งพาการสนับสนุนแบบเรียลไทม์และ MT4: หากคุณต้องการฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทยแบบเรียลไทม์เพื่อแก้ไขปัญหา หรือกลยุทธ์การเทรดของคุณพึ่งพาเครื่องมือที่กำหนดเองบนแพลตฟอร์ม MT4 อย่างมาก ConnextFX จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการหลักของคุณได้

ผู้ใช้ที่อาจพิจารณาใช้ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด:

  • เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และรับความเสี่ยงสูง: หากคุณเข้าใจความเสี่ยงของการกำกับดูแลนอกชายฝั่งอย่างถ่องแท้ และต้องการทดสอบประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มหรือ copy trading feature ด้วยเงินทุนจำนวนน้อยที่ “สามารถยอมรับความสูญเสียได้” (เช่น 10-50 ดอลลาร์) คุณอาจพิจารณาว่าเป็นแพลตฟอร์มทดลอง
    • ในกรณีนี้ ขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณทำการถอนเงินจำนวนน้อยหนึ่งครั้งก่อนที่จะลงทุนในการเทรดจริง เพื่อสัมผัสถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือด้วยตัวเอง

โดยรวมแล้ว สำหรับเทรดเดอร์ไทยส่วนใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเงินทุนและคุณภาพการบริการ มีโบรกเกอร์จำนวนมากที่ได้รับการกำกับดูแล Tier-1 (เช่น ASIC, FCA) และมีประวัติการให้บริการที่ดีในตลาดไทย ก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้าย ขอแนะนำให้คุณเปรียบเทียบหลายๆ แพลตฟอร์ม โดยพิจารณาความเข้มงวดของการกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือในการถอนเงินเป็นอันดับแรก

คู่มือขั้นตอนการเปิดบัญชี

หากคุณได้ทำความเข้าใจเรื่องความเสี่ยงครบถ้วนแล้ว และยังคงตัดสินใจที่จะเปิดบัญชีกับ ConnextFX เราจะพาคุณไปดูขั้นตอนการลงทะเบียนและการยืนยันตัวตนกันทีละขั้น พร้อมกับเทคนิคที่ควรรู้เพื่อให้ผ่านการอนุมัติได้รวดเร็ว

ขั้นตอนที่ 1: กรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน

เริ่มต้นด้วยการเข้าไปที่เว็บไซต์หลักของ ConnextFX (connextfx.com) แล้วคลิกปุ่ม “เปิดบัญชีจริง” หรือ “Open a Real Account”

ในหน้าแรกนี้ คุณจะเจอแบบฟอร์มลงทะเบียนที่ต้องกรอกข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์, และประเทศที่อยู่อาศัย

จากนั้นก็สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่งสำหรับบัญชีของคุณ แนะนำให้ใช้รหัสผ่านที่ผสมตัวเลข ตัวอักษรใหญ่-เล็ก และสัญลักษณ์พิเศษ

ภาพขั้นตอนการเปิดบัญชี ConnectFX 1

ภาพขั้นตอนการเปิดบัญชี ConnectFX 2

ภาพขั้นตอนการเปิดบัญชี ConnectFX 3

ขั้นตอนที่ 2: กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและการตั้งค่าบัญชี

เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้ว ให้เข้าสู่ระบบ Back Office ของลูกค้าที่เพิ่งสร้างขึ้น

ในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องกรอกรายละเอียดส่วนตัวเพิ่มเติม เช่น วันเกิด, ที่อยู่เต็ม รวมถึงตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์การเทรดและฐานะทางการเงินของคุณ นี่เป็นกระบวนการมาตรฐานที่ทุกโบรกเกอร์ต้องทำตามกฎหมาย เพื่อประเมินความเหมาะสมในการรับความเสี่ยงของลูกค้า

ในจุดนี้ คุณยังสามารถเลือกประเภทบัญชีที่ต้องการ เช่น Micro, Standard, หรือ Ultra และระดับเลเวอเรจที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ

ภาพขั้นตอนการเปิดบัญชี ConnectFX 4

ภาพขั้นตอนการเปิดบัญชี ConnectFX 5

ขั้นตอนที่ 3: อัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตน (KYC)

เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน AML (Anti-Money Laundering) และ KYC (Know Your Customer) คุณจำเป็นต้องอัปโหลดเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนและที่อยู่ โดยต้องเตรียมเอกสารสองประเภทหลัก:

หลักฐานยืนยันตัวตน: เลือกเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการและมีรูปถ่ายที่ชัดเจนเพียงหนึ่งฉบับ

  • เอกสารที่ยอมรับ: หนังสือเดินทาง, บัตรประจำตัวประชาชน, ใบขับขี่
  • ข้อกำหนด: เอกสารต้องยังไม่หมดอายุ และข้อมูลทั้งหมด (ชื่อ, วันเกิด, ลายเซ็น, รูปภาพ) ต้องมองเห็นได้ชัดเจน

หลักฐานยืนยันที่อยู่: เลือกเอกสารที่ออกไม่เกินสามเดือน ซึ่งแสดงชื่อและที่อยู่ของคุณอย่างชัดเจนเพียงหนึ่งฉบับ

  • เอกสารที่ยอมรับ: Statement ธนาคาร, บิลค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ, ค่าไฟฟ้า, ค่าอินเทอร์เน็ต), หนังสือราชการ
  • ข้อกำหนด: ชื่อและที่อยู่บนเอกสารต้องตรงกับที่กรอกในใบสมัครทุกตัวอักษร และวันที่ออกเอกสารต้องไม่เกินสามเดือน

ภาพขั้นตอนการเปิดบัญชี ConnectFX 6

ภาพขั้นตอนการเปิดบัญชี ConnectFX 7

ขั้นตอนที่ 4: รอการอนุมัติและการฝากเงิน

หลังจากอัปโหลดเอกสารครบถ้วนแล้ว ทีม Compliance ของ ConnextFX จะเข้ามาตรวจสอบ โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันทำการ

เมื่อผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว บัญชีของคุณจะเปิดใช้งานได้เต็มรูปแบบ คุณจะสามารถเข้าสู่ระบบ Back Office เลือกวิธีการฝากเงิน และเริ่มต้นการเทรดได้ทันที

คำถามที่พบบ่อยและสาเหตุความล่าช้า:

เอกสารไม่ชัดเจน: นี่คือปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดในการถูกปฏิเสธ ควรใช้สแกนเนอร์หรือถ่ายภาพความละเอียดสูง หลีกเลี่ยงแสงสะท้อนและภาพเบลอ

หลักฐานที่อยู่ไม่ตรงกัน: ความแตกต่างเล็กน้อยในที่อยู่ระหว่างเอกสารหลักฐานกับที่กรอกตอนลงทะเบียน อาจทำให้การยืนยันไม่ผ่าน

เอกสารหมดอายุ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารทุกฉบับที่ส่งยังไม่หมดอายุ

ความล่าช้าในการส่งเอกสารเพิ่มเติม: หากเอกสารไม่ผ่านเกณฑ์ ระบบจะแจ้งให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมทางอีเมล ซึ่งจะทำให้เวลาในการตรวจสอบยาวขึ้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

  • Q: ConnextFX ปลอดภัยไหม? น่าเชื่อถือไหม?

    A: ความปลอดภัยของ ConnextFX เป็นประเด็นที่มีข้อถกเถียงอยู่มาก โบรกเกอร์นี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FSA เซเชลส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลนอกชายฝั่งที่ให้ระดับการคุ้มครองนักลงทุนต่ำกว่าหน่วยงาน Tier-1 อย่าง FCA ของอังกฤษ หรือ ASIC ของออสเตรเลียอย่างชัดเจน

    สิ่งที่ควรระวังคือ แม้ว่าจะมีการโฆษณาเรื่องพันธมิตรที่ได้รับการกำกับดูแลโดย FCA แต่พันธมิตรเหล่านี้ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บรักษาเงินทุนของลูกค้า ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของเงินคุณ

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากผู้ใช้ไทยบางรายเกี่ยวกับปัญหาการถอนเงินที่ล่าช้า โดยรวมแล้วมีความเสี่ยงสูงกว่าเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลระดับ Tier-1

  • Q: ConnextFX รองรับแพลตฟอร์ม MT4 หรือไม่?

    A: ไม่รองรับ ConnextFX ไม่มี MetaTrader 4 (MT4) ให้ใช้งาน แต่จะรองรับ MetaTrader 5 (MT5) ที่ทันสมัยกว่า, แพลตฟอร์ม cTrader และแอปคัดลอกการเทรดของตัวเอง "ConnextFX Trade"

  • Q: ใช้เวลานานแค่ไหนในการถอนเงิน?

    A: ทางแพลตฟอร์มไม่ได้ระบุเวลาดำเนินการถอนเงินอย่างชัดเจน แต่จากรีวิวของผู้ใช้ไทยในเว็บไซต์รีวิวและฟอรัมต่างๆ กระบวนการถอนเงินของ ConnextFX มักถูกประเมินว่า "ใช้เวลานานพอสมควร" หรือ "ล่าช้า"

    แนะนำให้ทดสอบกระบวนการถอนเงินด้วยจำนวนเงินเล็กน้อยก่อนที่จะลงทุนเงินจำนวนมาก

  • Q: ฉันสามารถใช้การโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศของไทยหรือ QR Code ในการฝากเงินได้หรือไม่?

    A: ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า ConnextFX รองรับการโอนเงินผ่านธนาคารไทย, Thai QR Payment หรือ PromptPay รวมถึงวิธีการชำระเงินในประเทศอื่นๆ

    วิธีการฝากเงินที่ทราบแน่ชัดคือการใช้สกุลเงินดิจิทัล เช่น USDT สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่คุ้นเคยกับการใช้บริการธนาคารในประเทศ อาจรู้สึกไม่สะดวกสำหรับเรื่องนี้

  • Q: ConnextFX มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทยหรือไม่?

    A: เว็บไซต์และแพลตฟอร์มของ ConnextFX รองรับภาษาไทย แต่สำหรับการบริการลูกค้า ผู้ใช้รายงานว่าไม่มีฝ่ายบริการลูกค้าแบบเรียลไทม์เป็นภาษาไทย (Live Chat)

    คุณสามารถติดต่อผ่านอีเมลหรือแบบฟอร์มได้ แต่อาจต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ได้รับการตอบกลับที่มีประสิทธิภาพ และความเร็วในการตอบกลับค่อนข้างช้า

  • Q: ConnextFX มีโบนัสการฝากเงินหรือโปรโมชั่นหรือไม่?

    A: มี จากข้อมูลในเว็บไซต์รีวิวไทย ConnextFX มีโบนัสเงินฝาก 50% สูงสุด 500 ดอลลาร์สหรัฐ และอาจจัดกิจกรรมโบนัสกับโปรโมชั่นสำหรับสมาชิกเป็นระยะๆ

    ควรอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขของโบนัสอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจข้อจำกัดในการถอนเงิน

  • Q: แพลตฟอร์มนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?

    A: แม้ว่า ConnextFX จะมีข้อกำหนดฝากขั้นต่ำเพียง 10 ดولลาร์สหรัฐ และมีบัญชี Micro ที่ดูเหมือนจะเหมาะสำหรับมือใหม่ แต่เมื่อพิจารณาถึงการกำกับดูแลที่อ่อนแอ, ประสิทธิภาพการถอนเงินที่ไม่แน่นอน และการขาดการสนับสนุนภาษาไทยแบบเรียลไทม์

    แพลตฟอร์มนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเงินทุนและบริการที่เชื่อถือได้เป็นอันดับแรก

    แนะนำให้มือใหม่พิจารณาโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลระดับสูงและมีชื่อเสียงที่ดีในตลาดไทยก่อน

บทความเด็ดจากConnext
การจัดอันดับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
แบรนด์
คะแนน
รีวิวแบบละเอียด
1. Moneta Markets
9.8/10
2. Vantage FX
9.4/10
3. VT Markets
9.2/10
4. Eightcap
8.9/10
5. GOFX
8.8/10
บทความล่าสุด
แนะนำเพิ่มเติม

สำหรับผู้โชคดีเท่านั้น!

ยินดีด้วย! บัญชีของคุณได้รับเลือกจากระบบ
เพื่อรับรางวัลอัปเกรดสุดพิเศษ!

?
?
?
?
?

โปรดทราบ: หากปิดหรือออกจากหน้านี้จะถือว่าสละสิทธิ์ทันที