เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2025 (วันอังคาร) ตลาดโลหะมีค่าปั่นป่วนอย่างไม่คาดคิด ทองคำและเงินซึ่งเพิ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ พลิกกลับร่วงลงแรงภายในวันเดียว ความเร็วของแรงขายทำให้นักลงทุนจำนวนมากตั้งตัวไม่ทัน
เคยไหม? พอร์ตเพิ่งเห็นกำไรเป็นสีเขียว แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมากลับติดลบยับเยิน — นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนทองคำในวันนั้น ทองคำร่วงกว่า 6.3% หนักที่สุดในรอบ 12 ปี ส่วนเงินทรุด 8.7% ทะลุแนวสำคัญ 50 ดอลลาร์/ออนซ์ ถือเป็น “สึนามิทางเทคนิค” อย่างแท้จริง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เป็นเพียงการพักฐาน หรือสัญญาณของปัญหาเชิงโครงสร้างที่ลึกกว่านั้น? มาดูกันแบบละเอียดเหมือนถอดเครื่องกลไกเรือนเวลา ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการร่วงครั้งนี้

ภาพรวมตลาดวันที่ 21 ตุลาคม: ทองคำ–เงิน ร่วงแรงสุดในรอบหลายปี
ย้อนกลับไปก่อนหน้าเพียงวันเดียว 20 ตุลาคม ทองคำยังพุ่งขึ้นแตะ 4,381.52 ดอลลาร์/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล บรรยากาศตลาดเต็มไปด้วยความมั่นใจและมองข้ามความเสี่ยง
แต่เช้าวันต่อมา ทุกอย่างกลับตาลปัตร แรงขายถาโถมเข้ามาราวหิมะถล่ม ทองคำร่วงลงถึง 4,082.03 ดอลลาร์/ออนซ์ ลบกำไรที่สะสมมาหลายสัปดาห์ในวันเดียว ถือเป็นการปรับฐานแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2013
- ทองคำ (XAU/USD): ร่วง -6.3% หลุดแนว 4,100 ดอลลาร์ แนวรับทางเทคนิคถูกเจาะต่อเนื่อง
- เงิน (XAG/USD): ดิ่ง -8.7% ต่ำสุดที่ 47.89 ดอลลาร์ ทะลุแนวจิตวิทยา 50 ดอลลาร์
ไม่เพียงเท่านี้ โลหะมีค่าอื่น ๆ เช่น แพลทินัม และ พัลลาเดียม ก็ร่วงพร้อมกันกว่า 7% ทั้งกระดานโลหะมีค่าล้มครืน

ทำไมทองคำ–เงินถึงร่วงแรง? เจาะ 3 ปัจจัยหลักของ “พายุตลาด”
การเคลื่อนไหวของราคามักมีเหตุผลเสมอ การร่วงครั้งนี้คือการระบายแรงกดดันที่สะสมมานาน 3 ปัจจัยใหญ่ซ้อนกันกลายเป็นพายุสมบูรณ์แบบ
1. สัญญาณเทคนิค “ซื้อมากเกินไป” และแรงขายทำกำไร
ตั้งแต่ต้นปีถึงกลางตุลาคม ทองคำพุ่งขึ้นกว่า 65% ติดต่อกัน 9 สัปดาห์โดยแทบไม่พัก กราฟแท่งเทียนแทบไม่มีจังหวะย่อ การขึ้นรัว ๆ แบบนี้ ใคร ๆ ก็อยากขายทำกำไรเมื่อถึงยอดดอย
RSI พุ่งเกิน 80 เข้าสู่โซนซื้อมากเกินไป (Overbought) เมื่อราคาทดสอบระดับ 4,380 ดอลลาร์ สองครั้งแล้วยังไม่ผ่าน นักลงทุนที่มีกำไรจึงเริ่มทยอยปิดสถานะ จุดชนวนให้เกิดแรงขายลูกโซ่
และที่รุนแรงขึ้นคือ อัลกอริทึมเทรด (Program Trading) ที่ตั้งจุดขายอัตโนมัติไว้ ทำให้แรงเทขายขยายตัวเป็นวงกว้าง เกิดเป็นวัฏจักร “ยิ่งลง–ยิ่งขาย”
2. ปัจจัยพื้นฐาน: ดอลลาร์แข็งค่า กดดันทองคำ
พร้อมกันนั้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ก็แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แตะระดับ 98.82
เนื่องจากทองคำถูกตั้งราคาเป็นดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น นักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นต้องใช้เงินมากขึ้นในการซื้อทอง ทำให้ ความต้องการลดลงทันที คล้ายกับเวลาที่เงินบาทอ่อนตัวแล้วราคารถนำเข้าแพงขึ้น คนก็เลื่อนการซื้อออกไป
นอกจากนี้ ตลาดเริ่มลดความคาดหวังต่อการ “ลดดอกเบี้ย” ของเฟด ทำให้สินทรัพย์ที่ไม่มีดอกผลอย่างทองคำขาดแรงดึงดูดในระยะสั้น
3. ช่องโหว่ข้อมูล: รายงาน CFTC หยุดเผยแพร่
นี่คือจุดที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันสังเกต แต่มีผลอย่างยิ่ง — รัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์ ทำให้ CFTC ต้องหยุดเผยแพร่รายงาน Commitments of Traders (COT) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญแสดงสถานะการถือครองของกองทุนใหญ่
รายงานนี้เปรียบเสมือน “เอกซเรย์ของตลาด” บอกได้ว่ากองทุนถือฝั่งซื้อหรือฝั่งขายมากแค่ไหน เมื่อข้อมูลขาดหาย เท่ากับนักลงทุนทุกคนต้องเทรด “แบบปิดตา”
นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank เตือนว่า:“เมื่อคุณไม่เห็นว่าตลาดเก็งกำไรร้อนแรงแค่ไหน ความผันผวนทุกครั้งจะยิ่งรุนแรงขึ้น” ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ตลาดเข้าสู่โหมดตื่นตระหนกได้ง่ายมาก

วิเคราะห์ทางเทคนิค: สัญญาณ “Double Top” ในทองคำ – เงินหลุดแนวรับสำคัญ
หากปัจจัยพื้นฐานคือแรงลม ด้านเทคนิคก็คือคลื่น และตอนนี้คลื่นกำลังเริ่มกลับทิศ
ทองคำ: รูปแบบ “Double Top” เริ่มชัด
กราฟราคาทองคำในกรอบชั่วโมงแสดงให้เห็นชัดเจนว่าราคาทดสอบระดับ 4,380 ดอลลาร์ สองครั้งแต่ไม่ผ่าน เป็นสัญญาณคลาสสิกของ “รูปแบบสองยอด (Double Top)” ซึ่งมักบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
แนวรับสำคัญที่นักเทรดกำลังจับตา:
- เส้นค่าเฉลี่ย 100 ชั่วโมง: ประมาณ 4,270 ดอลลาร์
- เส้นค่าเฉลี่ย 200 ชั่วโมง: ประมาณ 4,163 ดอลลาร์
หากหลุดเส้น 200 ชั่วโมง มีโอกาสสูงที่นักเทรดเทคนิคจะเปิดชอร์ตเพิ่ม ทำให้ราคาทองอาจร่วงต่อ
เงิน: ตัวชี้นำที่ร่วงก่อนตลาด
เงินมักถูกมองว่าเป็น “ตัวชี้นำ” ของทอง และครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน เงินร่วงแรงกว่าและหลุดแนวรับก่อน
การหลุด 50 ดอลลาร์/ออนซ์ ถือเป็นสัญญาณเสียรุนแรง เพราะโครงสร้างขาขึ้นในระยะสั้นพังทันที เส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 ชั่วโมงเริ่มตัดกันลงเป็นรูปแบบ Death Cross ซึ่งเป็นสัญญาณลบ
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่า เมื่อเงินหลุดแนวรับ มักจะลากราคาทองคำลงตาม — “ถ้าน้องชายล้ม พี่ชายก็มักไม่รอด”
มุมมองระยะถัดไป: จุดเข้าซื้อ หรือสัญญาณหนี?
คำถามที่ยากที่สุดตอนนี้คือ — นี่คือจังหวะ “เข้าซื้อ” หรือ “หนีเอาตัวรอด”?
ฝ่ายระมัดระวัง เช่น Citi มองว่าแนวโน้มยังมีช่องให้ลงต่อ โดยคงเป้าหมายทองคำไว้ที่ 4,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก XTB ชี้ว่า แม้ปัจจัยบวกระยะยาวอย่างการซื้อทองของธนาคารกลางทั่วโลกยังอยู่ แต่ระยะสั้นราคาถูกประเมินค่าสูงเกินไป
ขณะเดียวกัน UBS กลับมองต่าง — พวกเขาเชื่อว่ายังมีนักลงทุนอีกมากที่ “ยังไม่ได้ขึ้นรถไฟขบวนทองคำ” การย่อตัวแบบนี้อาจเป็นโอกาสให้เม็ดเงินใหม่ไหลเข้าซื้อ
Saxo Bank สรุปไว้น่าสนใจว่า
“ตลาดกระทิงที่แข็งแรงไม่กลัวการพักฐาน”
พวกเขาเชื่อว่าการย่ออย่างมีสุขภาพดีจะช่วยล้างแรงเก็งกำไรส่วนเกิน ทำให้แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวยั่งยืนกว่าเดิม
จุดโฟกัสต่อไปอยู่ที่ ข้อมูล CPI และ PMI เดือนกันยายนของสหรัฐฯ (24 ตุลาคม) หากเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มเย็นลง ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยอาจกลับมาอีกครั้ง และราคาทอง–เงินอาจรีบาวด์แรง
แต่หากตัวเลขออกมาดีเกินคาด ดอลลาร์แข็งต่อ — การปรับฐานรอบนี้อาจเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ทำไมราคาทองคำถึงร่วงแรงในครั้งนี้?
มี 3 ปัจจัยซ้อนกัน:
(1) ราคาขึ้นแรงเกินไปจนเข้าสู่โซนซื้อมากเกินไป (Overbought) นักลงทุนแห่ขายทำกำไร
(2) ดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ความต้องการทองคำลดลง
(3) ข้อมูล CFTC หยุดเผยแพร่เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดหน่วยงาน ทำให้ตลาดขาดข้อมูลสำคัญและเกิดความตื่นตระหนก
ทำไมราคาของเงินถึงร่วงแรงกว่าทองคำ?
เพราะเงินมีความผันผวนสูงกว่าทองคำ ถูกขนานนามว่า “ทองคำของคนจน” เมื่อเกิดแรงขายเชิงระบบ เงินมักร่วงแรงกว่า อีกทั้งรอบนี้เงินหลุดแนว 50 ดอลลาร์ และเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญพร้อมกัน ทำให้เกิดแรงขายอัตโนมัติและการปิดสถานะของผู้ใช้เลเวอเรจ
ตอนนี้เหมาะจะ “ช้อนซื้อ” ทองคำไหม?
ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของคุณ หากคุณเชื่อในแนวโน้มระยะยาว การปรับฐานอาจเป็นจังหวะสะสม แต่หากคุณเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น ควรรอดูแนวรับ 4,163 ดอลลาร์ (เส้น EMA 200 ชม.) ก่อน หากหลุดแนวนี้ อาจมีแรงขายต่อเนื่อง
ทำไมการ “ชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ” ถึงกระทบราคาทอง?
เพราะรายงาน COT ของ CFTC เป็นเครื่องมือสำคัญที่เปิดเผยพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่ การขาดข้อมูลนี้ทำให้ตลาด “มองไม่เห็น” ว่าใครถือสถานะมากหรือน้อยเกินไป ส่งผลให้เกิดความกลัวและแรงขายขยายตัว
แนวรับสำคัญถัดไปของทองคำ–เงินอยู่ตรงไหน?
ทองคำ: แนวรับ 4,270 ดอลลาร์ (EMA100) และ 4,163 ดอลลาร์ (EMA200) หากหลุด อาจลงต่อถึงโซน 4,000 ดอลลาร์
เงิน: แนวรับถัดไปอยู่แถว 47.12 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนที่มีปริมาณการซื้อขายหนาแน่นในตลาดล่วงหน้า (COMEX Silver)