สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการหาทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนจากตลาดการเงิน คำว่า “Forex” หรือ “เทรดฟอเร็กซ์” อาจเคยผ่านหูมาบ้าง แต่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าจริงๆ แล้วคืออะไร แตกต่างจากการซื้อหุ้นหรือกองทุนรวมอย่างไร และมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน บทความนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณเข้าใจตลาดฟอเร็กซ์อย่างแท้จริงในปี 2025 ช่วยสร้างกรอบคิดที่มั่นคงก่อนตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เทรดฟอเร็กซ์ คืออะไร? อธิบายง่ายใน 2 นาที
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศและต้องนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินดอลลาร์ อียูโร หรือเยน ตรงจุดนี้แหละ คือการแลกเปลี่ยนทางการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน หรือที่เรียกว่าตลาด ฟอเร็กซ์ (Forex)
หัวใจสำคัญของ Trading Forex คือการ “เก็งกำไร” จากความเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงิน เปรียบเหมือนการซื้อสกุลเงินหนึ่งในขณะที่ขายอีกสกุลหนึ่ง โดยหวังว่าสกุลที่คุณซื้อจะ “แข็งค่าขึ้น” เมื่อเทียบกับอีกสกุล แล้วขายกลับเพื่อเก็บกำไรจากส่วนต่าง
ต่างจากตลาดหุ้น ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มี “ศูนย์ซื้อขายกลาง” เช่น ตลาดหลักทรัพย์กลาง แต่เป็นตลาดกระจายอำนาจ (Decentralized) หรือที่เรียกว่า Over-the-Counter (OTC) ซึ่งหมายถึงการซื้อขายเกิดขึ้นผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธนาคารชั้นนำ สถาบันการเงิน และเทรดเดอร์ทั่วโลก ทำให้ตลาดนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ติดต่อกันข้ามเวลาและทวีป
ตลาดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร?
เนื่องจากไม่มีศูนย์กลาง การขับเคลื่อนของตลาดฟอเร็กซ์หลักมาจากระบบของธนาคารระดับโลกหรือที่เรียกว่า “ตลาดระหว่างธนาคาร” (Interbank Market) ซึ่งเป็นจุดหลักที่มีการซื้อขายสกุลเงินกันในปริมาณมหาศาล ผู้เข้าร่วมมีทั้งธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ บริษัทข้ามชาติที่ต้องการแลกเงินเพื่อธุรกิจ และแม้แต่นักลงทุนทั่วไปอย่างเรา
อัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลักดังนี้:
- ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค: เช่น จีดีพี ตัวเลขว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ หรือดุลการค้า ซึ่งบ่งบอกสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ
- นโยบายการเงินของธนาคารกลาง: การขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีผลโดยตรงต่อความน่าสนใจของสกุลเงินนั้น
- เสถียรภาพทางการเมืองและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน: ตัวอย่างเช่น การเลือกตั้ง การประกาศสงคราม ภัยธรรมชาติ หรือวิกฤตการเงิน ล้วนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสกุลเงินนั้นๆ
ทั้งหมดนี้ล้วนกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงิน ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน ซึ่งเปิดช่องทางให้นักเทรดสามารถเข้าซื้อขายเพื่อทำกำไรได้ตลอดเวลา

คำศัพท์พื้นฐานที่นักเทรดมือใหม่ต้องรู้
ก่อนเริ่มเทรด การทำความเข้าใจศัพท์เฉพาะทางจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ตลาด อ่านกราฟ และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
คู่สกุลเงิน (Currency Pairs)
ทุกการซื้อขายในฟอเร็กซ์เกิดในรูป “คู่สกุลเงิน” โดยสกุลเงินตัวแรกคือ Base Currency และตัวหลังคือ Quote Currency เช่น คู่ EUR/USD = 1.0850 หมายถึง 1 ยูโรแลกได้ 1.0850 ดอลลาร์สหรัฐ
- Major Pairs (คู่หลัก): คู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุด เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY ซึ่งมีสภาพคล่องดีมาก
- Minor Pairs (คู่รอง): เป็นการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐ เช่น EUR/GBP หรือ AUD/NZD
- Exotic Pairs (คู่เกิดใหม่): คือการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักกับสกุลเงินประเทศ新兴 อย่าง USD/THB (ดอลลาร์สหรัฐ กับ บาทไทย) มีสเปรดสูงกว่าและสภาพคล่องต่ำ
Pip, Point และ Lot
- Pip (Percentage in Point): คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลนเล็กที่สุดของราคา ทั่วไปคือทศนิยมตำแหน่งที่สี่ (เช่น จาก 1.0850 เป็น 1.0851 คือ 1 pip) แต่สำหรับคู่ที่เกี่ยวข้องกับเยน (JPY) ใช้ทศนิยมตำแหน่งที่สอง
- Point: หน่วยย่อยกว่า Pip โดย 1 Pip = 10 Points (ตำแหน่งทศนิยมที่ 5)
- Lot Size: คือขนาดของการซื้อขาย 1 Standard Lot = 100,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของแต่ละ Pip และกำไรขาดทุนที่คุณจะได้รับ
เลเวอเรจและมาร์จิ้น (Leverage & Margin)
สองคำนี้คือหัวใจและจุดแข็งของฟอเร็กซ์ แต่ก็เป็นดาบสองคม
- Leverage: หรือ “คานงัด” คือการที่โบรกเกอร์ให้คุณยืมทุนเพื่อเปิดคำสั่งซื้อขายที่ใหญ่กว่าเงินทุนจริง เช่น เลเวอเรจ 1:100 หมายถึง คุณมีเงิน $1,000 แต่สามารถควบคุมออเดอร์ได้ถึง $100,000
- Margin: คือ “เงินประกัน” ที่คุณต้องวางไว้ในบัญชีเพื่อเปิดสถานะโดยใช้เลเวอเรจ
ข้อควรระวัง: เลเวอเรจสามารถทำให้กำไรคูณตัว แต่ถ้าตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง การสูญเสียก็จะรุนแรงมาก นักเทรดมือใหม่จึงควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะเมื่อเริ่มกับเงินจริง
ข้อดีและความเสี่ยงของการเทรดฟอเร็กซ์
ทุกการลงทุย่อมมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง การรู้เท่าทันทั้งสองด้านคือกุญแจสำคัญ
ข้อดี (Pros) | ความเสี่ยง (Risks) |
---|
ตลาดฟอเร็กซ์มีสภาพคล่องสูงมาก เนื่องจากเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยข้อมูลล่าสุดจาก Bank for International Settlements (BIS) ในปี 2022 ระบุว่ามีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ทำให้การซื้อขายทำได้อย่างรวดเร็วและแทบไม่มีปัญหาเรื่องการหาคู่สัญญา | ความผันผวนสูง: จากข่าวด่วน ประกาศอัตราดอกเบี้ย หรือเหตุการณ์โลก ค่าเงินอาจดีดสูงหรือร่วงแรงในไม่กี่วินาที ทำให้ขาดทุนเร็วได้หากควบคุมไม่ดี |
เปิดทำการ 24 ชั่วโมง: เหมาะสำหรับคนที่ไม่ว่างในเวลากลางวัน เพราะตลาดเปิดต่อเนื่องทั่วโลกตั้งแต่ซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอน จนถึงนิวยอร์ก | เสี่ยงจากเลเวอเรจ: แม้จะเพิ่มโอกาสทำกำไรได้มาก แต่ก็อาจทำให้ “ล้างพอร์ต” ได้ในเวลาอันสั้นหากใช้เลเวอเรจสูงโดยไม่มีแผนบริหารความเสี่ยง |
ต้นทุนการซื้อขายต่ำ: โบรกเกอร์สั่วนใหญ่ไม่คิดค่าคอมมิชชั่น ส่วนใหญ่จะกิน “สเปรด” (ส่วนต่างซื้อ-ขาย) ซึ่งค่อนข้างต่ำสำหรับคู่หลัก | ความซับซ้อนของปัจจัย: ราคาเงินขึ้นกับหลายอย่าง ทั้งเศรษฐกิจโลก นโนบายรัฐ ภูมิรัฐศาสตร์ เข้าใจยากสำหรับมือใหม่ |
เริ่มต้นทุนน้อย: มีโบรกเกอร์หลายแห่งที่เปิดบัญชีได้แค่ยอดเงิน $10-$100 พร้อมใช้เลเวอเรจช่วยขยายโอกาส | ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: ต้องเลือกโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากองค์กรชั้นนำเพื่อความปลอดภัย ไม่เช่นนั้นอาจไม่มีหน่วยงานคุ้มครอง |
เทรดฟอเร็กซ์ ต่างจากการลงทุนในหุ้นไทยอย่างไร?
สำหรับชาวไทย การเปรียบเทียบตลาดฟอเร็กซ์กับตลาดหุ้นในประเทศจะช่วยให้เข้าใจความแตกต่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
คุณสมบัติ | ตลาดฟอเร็กซ์ | ตลาดหุ้นไทย (SET) |
---|
สินทรัพย์ที่เทรด | อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างคู่สกุลเงิน | หุ้นของบริษัทจดทะเบียน |
ลักษณะตลาด | กระจายอำนาจ (OTC) โดยไม่ผ่านตลาดกลาง | ตลาดหุ้น: ตรงกันข้ามกับฟอเร็กซ์ โดยมีศูนย์กลางการซื้อขายที่ชัดเจน เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) |
เวลาทำการ (เวลาไทย) | เปิด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ | 09:30-12:30 น. และ 14:30-16:30 น. |
การใช้เลเวอเรจ | ใช้ได้สูง เช่น 1:100, 1:200 หรือมากกว่า | จำกัดมาก ใช้ได้เฉพาะในบัญชี Margin หรือ TFEX |
แหล่งที่มาของผลกำไร | ทำได้ทั้งในภาวะตลาดขึ้น (Buy) และตลาดลง (Sell) | เน้นซื้อแล้วขายในราคาแพง + เงินปันผล |
ปัจจัยที่มีผล | เศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินระดับประเทศ เหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ | ผลประกอบการบริษัท งบการเงิน เศรษฐกิจในประเทศ และอารมณ์ทางการลงทุน |
4 ขั้นตอนเริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์สำหรับคนไทย
เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานแล้ว นี่คือแผนก้าวแรกที่มั่นคงสำหรับมือใหม่
- ศึกษาความรู้พื้นฐาน: ความรู้คือที่คั่นหนังสือของความสำเร็จ ควรเรียนรู้ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิค (กราฟ เทคนิคการอ่านแท่งเทียน) การวิเคราะห์พื้นฐาน (ข้อมูลเศรษฐกิจ) และเรื่องจิตวิทยาการเทรด เพื่อควบคุมอารมณ์
- เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ: ควรตรวจสอบว่าได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับระดับโลก เช่น FCA (สหราชอาณาจักร) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย) เพื่อรับประกันความปลอดภัยของเงินและการรักษาผลประโยชน์ของลูกค้า
- เปิดบัญชีทดลอง (Demo Account): ห้ามข้ามขั้นตอนนี้! บัญชี Demo ใช้เงินจำลอง แต่ตลาดและความผันผวนเหมือนจริง 100% เป็นเวทีฝึกฝนที่ปลอดภัยในการทดสอบกลยุทธ์และเรียนรู้แพลตฟอร์ม
- วางแผนและบริหารความเสี่ยง: ก่อนใช้เงินจริง ต้องมี Trading Plan ชัดเจน ระบุว่าจะเข้า-ออกเมื่อไหร่ ตั้ง Take Profit และ Stop Loss เสมอ และกำหนดขนาดคำสั่งซื้อที่ไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนต่อครั้ง
หากคุณเป็นมือใหม่และอยาก เริ่มต้นเทรด Forex ได้อย่างมั่นใจ รวมถึงอยากเข้าใจการใช้ Leverage ในการเทรด, หรือกำลังสงสัยว่า Forex ดีหรือไม่, รวมถึงวิธีการ เป็นเทรดเดอร์ Forex อย่างมืออาชีพ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความเหล่านี้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เทรดฟอเร็กซ์ในไทยถูกกฎหมายหรือไม่?
ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับหรือให้ใบอนุญาตบริษัทโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์สำหรับรายย่อย อย่างไรก็ตาม บุคคลทั่วไปสามารถเทรดผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่จำเป็นต้องรับผิดชอบเองหากเกิดปัญหา เพราะจะไม่ได้รับการคุ้มครองจาก ก.ล.ต. ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีการดูแลโดยหน่วยงานที่เชื่อถือได้
ต้องใช้เงินเริ่มต้นเท่าไหร่?
โบรกเกอร์หลายแห่งเปิดบัญชีได้ตั้งแต่ $10-$100 (ประมาณ 350–3,500 บาท) แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มีทุน $200–$500 ขึ้นไป เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการควบคุมความเสี่ยงและการจัดการล็อต
ตลาดฟอเร็กซ์เปิดเมื่อไหร่ตามเวลาไทย?
ตลาดเปิดต่อเนื่องตามโซนเวลาหลักทั่วโลก โดยประมาณเวลาไทย (GMT+7) ดังนี้:
ซิดนีย์: 05:00 – 14:00 น.
โตเกียว: 07:00 – 16:00 น.
ลอนดอน: 14:00 – 23:00 น.
นิวยอร์ก: 19:00 – 04:00 น.
ช่วงเวลาที่ลอนดอนและนิวยอร์กทับซ้อนกัน (19:00 – 23:00 น.) มักเป็นช่วงที่มีปริมาณการเทรดหนาแน่นที่สุด
บัญชี Demo สำคัญอย่างไร?
บัญชีทดลองหรือ Demo Account คือเครื่องมือชี้ชะตาความสำเร็จของมือใหม่ เพราะคุณสามารถฝึกใช้แพลตฟอร์ม ทดลองวิเคราะห์ และซ้อมการควบคุมอารมณ์ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจริง
วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ดี?
ควรพิจารณาจาก:
มีใบอนุญาตจากหน่วยงานระดับนานาชาติ
ค่าสเปรดและค่า Swap แข่งขันได้
แพลตฟอร์ม (เช่น MT4/MT5) เสถียรและรองรับภาษาไทย
วิธีการฝาก-ถอนเงิน รองรับธนาคารในไทยไหม ใช้เวลาเร็วไหม
มีฝ่ายดูแลลูกค้าที่ติดต่อได้จริงและพูดภาษาไทยไหม
เทรดผ่านมือถือได้ไหม?
ได้แน่นอน ปัจจุบันโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีแอปพลิเคชันซื้อขายทั้ง iOS และ Android คุณสามารถดูกราฟ วางคำสั่ง ตัดขาดทุน หรือแม้แต่ตั้งแจ้งเตือนได้ทุกที่ ทุกเวลา แค่ปลายนิ้วสัมผัส