หากคุณเคยลงทุนในตลาดหุ้น ซื้อขาย TFEX หรือ Forex แน่นอนว่าคุ้นเคยกับคำว่า “แนวโน้ม” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Trend เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการวิเคราะห์ด้วยกราฟเทคนิค แต่ปัญหาคือ เมื่อแนวโน้มไม่ชัดเจน ราคาวนเวียนขึ้นลงไม่ไปไหน ไม่ขึ้นไม่ลง แบบนี้ควรทำอย่างไร?

โอกาสทำกำไรในวันที่ตลาดหยุดพัก
สภาวะแบบนี้เรียกว่า ตลาด Sideway — สถานการณ์ที่นักลงทุนจำนวนมากอาจรู้สึกสับสนหรือรอคอยเฉยๆ แทนที่จะมองหาโอกาส บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Sideway คืออะไร ทั้งลักษณะ การสังเกต และที่ขาดไม่ได้คือกลยุทธ์ 5 ข้อที่จะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรแม้ในยามที่ตลาดไร้ทิศทาง

ตลาด Sideway คืออะไร? เข้าใจพฤติกรรมราคาไร้แนวโน้ม
ตลาด Sideway หรือที่เรียกกันว่า “ตลาดออกข้าง” คือสภาวะที่ราคาสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สกุลเงิน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ วิ่งขึ้นลงในลักษณะแนวนอน โดยจำกัดตัวเองอยู่ภายใน “กรอบราคา” ที่ชัดเจน กรอบดังกล่าวประกอบด้วยเส้นแนวรับ (Support) ที่อยู่ด้านล่าง และเส้นแนวต้าน (Resistance) ที่อยู่ด้านบน
ภาพเปรียบเทียบที่เข้าใจง่ายคือ รถไฟที่วิ่งไป-กลับระหว่างสถานี A และ B เท่านั้น โดยไม่ก้าวต่อไปยังจุดหมายอื่น แบบเดียวกับราคาในตลาด Sideway ที่จะดีดตัวขึ้นไปชนแนวต้าน ก่อนดิ่งกลับลงมาแตะแนวรับ แล้วดีดกลับขึ้นอีกครั้ง สลับกันไปแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Sideway คือ แรงซื้อและแรงขายมีภาวะสมดุลกัน เมื่อไม่มีฝ่ายใดเหนือกว่า ราคาจึงไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) หรือจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) ได้อย่างต่อเนื่อง และมักสังเกตเห็นได้ว่าปริมาณการซื้อขายในช่วงนี้มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ตลาดมีแรงส่งตัวชัดเจน

3 รูปแบบแนวโน้มหลักของตลาด: Uptrend, Downtrend และ Sideway
การวิเคราะห์แนวโน้มตลาดอย่างถูกต้องคือพื้นฐานสำคัญของการลงทุน โดยทั่วไป แนวโน้มสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลัก ซึ่งแต่ละแบบต้องการกลยุทธ์การจัดการที่ต่างกัน
1. แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
เป็นช่วงที่ราคาขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีลักษณะเด่นคือ การสร้างจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) และจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ (Higher Low) สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งกว่าแรงขาย นักลงทุนส่วนใหญ่จึงมองหาจังหวะ “ซื้อ” ในช่วงปรับตัวลงเล็กน้อย
2. แนวโน้มขาลง (Downtrend)
ตรงข้ามกับแนวโน้มขาขึ้น สถานการณ์นี้เห็นราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีการสร้างจุดต่ำสุดใหม่ตลอดเวลา (Lower Low) และจุดสูงสุดใหม่ที่ต่ำลงเรื่อยๆ (Lower High) แสดงถึงแรงขายที่มีอิทธิพลเหนือกว่า และเป็นช่วงที่เทรดเดอร์ใช้กลยุทธ์ “ขาย” (Short) มากกว่า
3. แนวโน้มออกข้าง (Sideway)
คือช่วงที่ตลาด “หยุดนิ่ง” หรือ “รอการตัดสินใจ” ราคาวนเวียนอยู่ในกรอบจำกัด ไม่สามารถฝ่าแนวรับหรือแนวต้านหลักออกไปได้ แม้ว่าจะดูน่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีโอกาสกำไร — เพียงแต่ต้องใช้เทคนิคเฉพาะที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้

สังเกต Sideway อย่างไร? 4 วิธีระบุกรอบตลาดด้วยตัวเอง
การวิเคราะห์ว่าตลาดกำลังเข้าสู่หรืออยู่ในภาวะ Sideway คือกุญแจสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อขายผิดจังหวะ หรือเสี่ยงขาดทุนจากการคาดการณ์ทิศทางผิด สำหรับนักเทรดมือใหม่ การเข้าใจเรื่อง “Free Margin คืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ สำหรับนักเทรด Forex มือใหม่” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้คุณบริหารเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทาง ด้านล่างนี้คือวิธีที่สามารถใช้ได้ทั้งมือใหม่และนักลงทุนระดับสูง
1. ลากเส้นหากรอบราคา
วิธีพื้นฐานที่สุดคือการสังเกตการแกว่งตัวของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วระบุจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ชัดเจน
- ลาก แนวรับ โดยใช้จุดต่ำสุดอย่างน้อย 2 จุดที่ราคาเคยลงมาแล้วดีดกลับ แสดงว่ามีแรงซื้อเข้าหนุน
- ลาก แนวต้าน โดยใช้จุดสูงสุดอย่างน้อย 2 จุดที่ราคาขึ้นไปแล้วถูกผลักกลับ แสดงถึงแรงขายที่เข้มแข็ง
เมื่อเกิดเส้นขนานทั้งสองขึ้นและราคาเวียนตัวอยู่ภายในนั้นอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าเราอาจอยู่ใน “กรอบ Sideway”
2. ใช้ Bollinger Bands เพื่อดูความผันผวน
Bollinger Bands เป็นเครื่องมือที่เหมาะกับการวิเคราะห์ตลาด Sideway อย่างยิ่ง เนื่องจากมีลักษณะเป็นช่องว่างเคลื่อนที่รอบเส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average) โดยราคาจะเด้งไป-มา ระหว่างขอบบนและขอบล่างของช่องนี้ ซึ่งเสมือนขอบเขตแนวรับแนวต้านแบบไดนามิก
ในช่วง Sideway ช่อง Bollinger Bands มักแคบลง แสดงถึงความผันผวนที่ลดต่ำลง นี่คือสัญญาณเตือนว่าตลาดอาจอยู่ในภาวะ “สะสมตัว” ก่อนจะทะลุกรอบในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จากแหล่งความรู้ด้านการลงทุนที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
3. วัดความแข็งแรงของทิศทางด้วย ADX
ADX (Average Directional Index) คืออินดิเคเตอร์ที่ใช้ประเมิน “ความแรง” ของแนวโน้ม ไม่ใช่ทิศทาง ค่านี้จะเคลื่อนที่ตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดยมีแนวทางตีความดังนี้
- ADX ต่ำกว่า 25: แสดงว่าแนวโน้มอ่อนแอหรือตลาดไร้ทิศทาง (Sideway)
- ADX สูงกว่า 25: เริ่มเห็นแนวโน้มที่ชัดเจน
ดังนั้น ถ้าคุณเห็นค่า ADX ต่ำกว่า 25 ตลอดหลายวัน คุณควรเปลี่ยนจากกลยุทธ์ “ตามเทรนด์” มาเป็น “เทรดในกรอบ” หรือ “รอจังหวะทะลุ” แทน
4. สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume)
อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยยืนยัน Sideway คือ Volume ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรง นักลงทุนส่วนใหญ่นิ่งตัว รอสัญญาณจากข่าวสาร ข้อมูล หรือปัจจัยใหม่ๆ ที่จะมาเปลี่ยนมุมมองร่วมกัน
ความผันผวนที่น้อยและ Volume ที่เบา จึงเป็นภาพสะท้อนของ “ความลังเล” ในตลาด ซึ่งเป็นอาการบ่งชี้ว่าราคาอาจ “ออกข้าง” ไปอีกระยะหนึ่ง

5 กลยุทธ์ทำกำไรในตลาด Sideway แม้ไร้ทิศทาง
อย่ารอเฉยหากตลาดเข้าสู่ภาวะ Sideway เพราะแม้ไม่มีแนวโน้ม แต่ยังมีโอกาส! ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ที่นักลงทุนใช้จริงเพื่อสร้างผลตอบแทนจากช่วงเวลานี้
1. ซื้อที่แนวรับ ขายที่แนวต้าน (Range Trading)
เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน Sideway โดยใช้แนวคิดง่ายๆ ว่า “ถอยเข้ามาตรงนี้ แล้วก็จะดีดกลับ”
- เมื่อราคาลงมาใกล้ แนวรับ และเริ่มมีสัญญาณดีดตัว เช่น เกิดแท่งเทียนเขียวปิดเหนือระดับต่ำสุด หรือเกิดรูปแบบ Bullish Reversal เช่น Hammer หรือ Engulfing — ให้พิจารณาเข้าซื้อ
- เมื่อราคาขยับขึ้นใกล้ แนวต้าน และมีสัญญาณกลับตัว เช่น เกิดแท่งเทียนแดงขนาดใหญ่หรือ Shooting Star — ให้พิจารณาขายทำกำไร
กลยุทธ์นี้ทำงานได้ดีที่สุดในกรอบที่แข็งแรงและทดสอบซ้ำหลายครั้ง
2. ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) อย่างเคร่งครัด
ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือ “ตลาด Sideway อาจจบลงทุกเมื่อ” หากคุณไม่มีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน อาจเสียหายหนักเมื่อเกิดการทะลุกรอบอย่างรุนแรง
- ถ้าซื้อใกล้แนวรับ ควรตั้ง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าระดับนั้นเล็กน้อย (เช่น 0.5-1%) เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
- เช่นเดียวกับการขายใกล้แนวต้าน ควรตั้ง Stop Loss ไว้สูงกว่าแนวต้านเพื่อลดความเสี่ยงจากการ Breakout
No Stop Loss = การเสี่ยงที่ไม่ควบคุม — อย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด
3. รอจังหวะ Breakout
ไม่ใช่ทุกคนที่เลือกเทรดในกรอบ — นักลงทุนหลายรายเลือก “รอ” ให้ตลาดตัดสินใจเองว่าจะไปทางใด แล้วค่อยตามเข้าไป
สัญญาณ Breakout ที่น่าเชื่อถือได้แก่
- ราคาปิด เหนือแนวต้าน อย่างมั่นคง (หรือต่ำกว่าแนวรับ สำหรับขาลง)
- ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในแท่งเทียนที่ทะลุ
- เกิดแท่งเทียนขนาดใหญ่ที่แสดงแรงส่ง
นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ และเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ที่รอคอย
4. ลดขนาดการลงทุน (Position Sizing)
แม้จะมีกลยุทธ์ที่ดี แต่ความไม่แน่นอนใน Sideway สูงกว่าแนวโน้มปกติ การกระจายความเสี่ยงจึงสำคัญ
แทนที่จะใช้เงิน 10% ของพอร์ตในการเทรดหนึ่งครั้ง ลองพิจารณาลดสัดส่วนลงเหลือ 3-5% เพื่อจำกัดความเสียหายในกรณีที่ตลาดหักมุม
ยิ่งในช่วงที่ ADX ต่ำและ Bollinger Bands แคบ ควรมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการ Breakout มักเกิดขึ้นแบบไม่มีสัญญาณเตือน
5. ใช้ Option หรือกลยุทธ์ค้าความผันผวน (Volatility Play)
สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ (เช่น TFEX) การใช้ กลยุทธ์ Strangle หรือ Iron Condor เพื่อเก็บ Premium จากค่าความผันผวนที่สูงในขณะที่คาดว่าราคาต้น underlying asset จะไม่ขยับมาก ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก
กลยุทธ์แบบนี้เหมาะกับคนที่เข้าใจ Option เป็นอย่างดี แต่ให้ผลตอบแทนดีในสภาวะ “ไซด์เวย์” ที่ราคาเคลื่อนไหวจำกัด
กรณีศึกษา: วิเคราะห์กราฟ AOT ช่วงตลาดออกข้าง
เพื่อให้เห็นภาพจริง ลองพิจารณาหุ้น AOT (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 202X
ในช่วงดังกล่าว ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 60.00 บาท ถึง 65.00 บาท โดยทดสอบระดับเหล่านี้ซ้ำหลายครั้ง
- แนวรับ ถูกระบุที่ 60.00 บาท เนื่องจากราคาลงมาแล้วถูกดีดกลับทุกครั้ง
- แนวต้าน อยู่ที่ 65.00 บาท ที่ราคามักหยุดและหงายกลับ
นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ Range Trading จึงสามารถซื้อใกล้ 60.00 บาท แล้วขายทำกำไรที่ 64.00-65.00 บาทได้โดยสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน สัญญาณ Stop Loss ถูกตั้งที่ 59.50 บาท เพื่อป้องกันกรณีราคาหลุดกรอบ
และแล้วในเดือนเมษายน ราคาก็พุ่งทะลุ 65.00 บาท พร้อม Volume ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ — นี่คือการ Breakout ที่ชัดเจน
นักลงทุนที่เตรียมตัวรอจังหวะนี้ไว้สามารถเข้าซื้อตาม เพื่อเข้าร่วมแนวโน้มขาขึ้นใหม่ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการตัดสินใจผิดในช่วงออกข้าง
กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า การวิเคราะห์ Sideway ไม่ใช่แค่การ “รอเวลา” แต่คือการ “จับจังหวะ” ให้ถูกต้อง นักลงทุนควรเรียนรู้วิธีสังเกตแนวรับ-แนวต้าน และเตรียมแผนรับมือทั้งกรณีที่ราคายังแกว่งตัวอยู่ในกรอบ และกรณีที่เกิดการ Breakout จริง เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมกับสภาวะตลาด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตลาด Sideway (FAQ)
Sideway คืออะไร?
ตลาด Sideway คือช่วงที่ราคาวิ่งออกข้างในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ชัดเจน โดยยังไม่มีทิศทางขาขึ้นหรือขาลงที่เด่นชัด เหมาะกับการเทรดในกรอบ (Range Trading) หรือรอจังหวะ Breakout
สังเกต Sideway ได้อย่างไร?
ดูได้จาก 1) การลากกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ทดสอบซ้ำหลายครั้ง 2) Bollinger Bands แคบลง 3) ค่า ADX ต่ำกว่า ~25 สะท้อนแนวโน้มอ่อน 4) ปริมาณซื้อขาย (Volume) เบาลงเมื่อเทียบช่วงก่อนหน้า
อินดิเคเตอร์อะไรเหมาะกับตลาด Sideway?
Bollinger Bands สำหรับเด้งบน-ล่างของกรอบ, RSI/Stochastic เพื่อหา Overbought-Oversold ในกรอบ, ADX เพื่อตรวจสอบความแรงของเทรนด์ (ต่ำมักบ่งชี้ Sideway)
กลยุทธ์ทำกำไรในตลาด Sideway มีอะไรบ้าง?
1) ซื้อแถวแนวรับ-ขายแถวแนวต้าน 2) ตั้ง Stop Loss เคร่งครัดเผื่อหลุดกรอบ 3) รอ Breakout แล้วตามเทรนด์ 4) ลดขนาดโพสิชัน 5) ใช้กลยุทธ์ Options/Volatility เช่น Strangle หรือ Iron Condor (เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญ)
รู้ได้อย่างไรว่าตลาด Sideway กำลังจะจบ?
สังเกตการ Breakout ที่น่าเชื่อถือ: แท่งเทียนปิดนอกกรอบอย่างมั่นคง + Volume เพิ่มขึ้นชัดเจน บ่งชี้การเริ่มเทรนด์ใหม่