ในตลาดที่เต็มไปด้วยความผันผวนและโอกาสที่ผ่านฉับพลัน การมีเครื่องมือวิเคราะห์ที่แม่นยำคือกุญแจสำคัญของการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในรูปแบบกราฟที่นักเทรดระดับมืออาชีพทั่วโลกให้ความเชื่อถือ คือ Flag Pattern หรือที่เรียกกันว่า “รูปแบบธง”

สัญญาณพักตัวเพื่อไปต่อที่นักเทรดต้องรู้
ไม่ใช่แค่รูปทรงที่ดูคล้ายธง แต่ที่มาของสัญลักษณ์นี้คือการคาดการณ์ว่า “แนวโน้มกำลังจะไปต่อ” หลังจากมีการพักตัวชั่วคราว เวลาที่คุณมองเห็น Flag Pattern บนกราฟ นั่นคือสัญญาณว่าตลาดยังไม่ได้จบ แต่กำลังหยุดหายใจก่อนจะวิ่งต่ออย่างรุนแรง
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก Flag Pattern อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีระบุรูปแบบ Bull และ Bear Flag จนถึงแนวทางการเข้า-ออกคำสั่งซื้ออย่างเป็นขั้นตอน และสิ่งสำคัญที่สุดคือข้อผิดพลาดที่มักทำให้แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีความรู้ก็ต้องพลาดกำไรหรือขาดทุนโดยไม่จำเป็น

Flag Pattern คืออะไร? ทำไมถึงน่าสนใจ
Flag Pattern จัดอยู่ในกลุ่ม รูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Pattern) ซึ่งบอกว่า หลังจากที่แนวโน้มเดิมมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงแล้ว ราคาจะหยุดพักชั่วคราว แล้วกลับไปในทิศทางเดิมอีกครั้ง
จุดเด่นของรูปแบบนี้คือ “ความแม่นยำ” เมื่อลักษณะกราฟปรากฏชัดและมีปริมาณการซื้อขายยืนยัน โอกาสที่ราคาจะ “ไปต่อ” ตามสัญญาณนั้นสูงมาก ทั้งนี้เพราะ Flag Pattern สะท้อนจิตวิทยาของตลาดได้ออกมาในรูปแบบที่ชัดเจน
เมื่อราคาเคลื่อนไหวแรง ๆ อย่างรวดเร็ว ผู้เล่นบางส่วนก็เริ่มทำกำไร (Take Profit) ทำให้แรงซื้อหรือแรงขายชั่วคราวลดลง และราคาก็เริ่มเฉื่อยตัว สร้างลักษณะ “พักตัว” ขึ้นมา แต่เมื่อพักตัวเสร็จสิ้น แรงโน้มถ่วงของแนวโน้มจะดึงให้ราคาเดินหน้าต่อ นี่คือจังหวะที่นักเทรดรอเฝ้าอยู่
หากคุณยังใหม่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิค แนะนำให้ทำความเข้าใจหลักพื้นฐานก่อน เช่น แนวโน้ม ปริมาณการซื้อขาย และโครงสร้างกราฟ ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความคลาสสิกเรื่อง Technical Analysis คืออะไร
องค์ประกอบของ Flag Pattern: เข้าใจให้ลึกถึงเสาธงและผืนธง
ก่อนจะใช้งาน Flag Pattern ได้อย่างแม่นยำ ต้องรู้จักกับ 2 ส่วนหลักที่สร้างรูปแบบนี้ขึ้นมา
1. เสาธง (Flagpole)
เป็นแท่งราคาแนวตั้งที่เกิดจากการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแรงขึ้นในช่วงขาขึ้นหรือแรงลงในช่วงขาลง ส่วนนี้เรียกว่า “เสาธง” เพราะเป็นพลังผลักดันหลักที่สร้างโมเมนตัมให้ทั้งรูปแบบ
ในทางปฏิบัติ ส่วนนี้ควรมีความเร็วสูงและแทบไม่มีการย่อตัวมากเกินไป มีลักษณะเป็นแท่งราคานาน ๆ หรือแท่งเทียนต่อเนื่องที่เกือบจะเส้นตรงแนวทแยง
2. ผืนธง (Flag)
หลังจากเสาธง ราคาจะเริ่มชะลอตัวและเดินในลักษณะ “แนวนอนหรือลาดเอียงเล็กน้อย” โดยมักเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ในกรอบแคบ ๆ มีลักษณะคล้ายช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้างเสาธง
ที่สำคัญ “ผืนธง” มักเคลื่อนที่สวนทางหรือตรงข้ามกับทิศทางของเสาธงเล็กน้อย เช่น เงยขึ้นในช่วงขาลง (ใน Bear Flag) หรือลดลงเล็กน้อยในช่วงขาขึ้น (ใน Bull Flag)

Bull Flag และ Bear Flag: สองรูปแบบหลักที่ต้องรู้
Flag Pattern ไม่ใช่สัญญาณแบบตายตัว มันมีสองรูปแบบสำคัญที่แสดงสัญญาณตรงข้ามกัน ขึ้นอยู่กับแนวโน้มเดิมของตลาด
Bull Flag (ธงกระทิง)
เกิดในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
เสาธง: ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผืนธง: ราคาพักตัวในกรอบแนวโน้มลงเล็กน้อย (Downward Drift)
สัญญาณ: เมื่อราคาทะลุกรอบด้านบนของผืนธง (Breakout) บ่งบอกว่าแนวโน้มขึ้นอาจเดินหน้าต่อ
กลยุทธ์: ใช้เป็นสัญญาณ “ซื้อ”
กรณีศึกษา: ในหุ้นเทคโนโลยีที่มีข่าวดี ราคาอาจพุ่งขึ้น 20-30% ภายในไม่กี่วัน จากนั้นเริ่มแกว่งตัวในกรอบแคบ ช่วงนี้คือ “ผืนธง” โดยนักเทรดกังวลว่าจะมีการปรับตัวลง ทั้งที่จริงแล้ว แรงซื้อยังคงอยู่ และเมื่อราคา Breakout ออกจากรูปแบบ จะตามด้วยแรงวิ่งขึ้นต่ออีกครั้ง
Bear Flag (ธงหมี)
เกิดในแนวโน้มขาลง (Downtrend)
เสาธง: ราคาดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ผืนธง: ราคาดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในกรอบแคบ ดูเหมือนว่าจะเริ่มฟื้น แต่เป็นเพียงแรงดีดเชิงเทคนิค
สัญญาณ: เมื่อราคาทะลุกรอบด้านล่างของผืนธง บ่งบอกว่าแนวโน้มขาลงกำลังกลับมา
กลยุทธ์: ใช้เป็นสัญญาณ “ขาย” หรือ “เปิดสถานะสั้น”
กรณีศึกษา: ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยอาจร่วงหนัก จากนั้นดีดตัวขึ้น 5-10% โดยนักลงทุนบางส่วนมองว่าเป็นการกลับตัว แต่หากวิเคราะห์เป็น Bear Flag จะเห็นว่าเป็นเพียงการพักตัวก่อนร่วงต่อ
| ลักษณะ | Bull Flag | Bear Flag |
|---|
| แนวโน้มหลัก | ขาขึ้น (Uptrend) | ขาลง (Downtrend) |
| ทิศทางผืนธง | ลงเล็กน้อย (Downward) | ขึ้นเล็กน้อย (Upward) |
| สัญญาณ Breakout | ทะลุกรอบบน | ทะลุกรอบล่าง |
| การกระทำ | ซื้อ (Buy) | ขาย (Sell) |
| ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ | ยืนราคาขึ้นต่อ | ยืนราคาลงต่อ |

วิธีเทรด Flag Pattern อย่างเป็นขั้นตอน
แม้การมองรูปแบบดูเหมือนง่าย แต่การนำไปใช้จริงต้องมีระเบียบวินัยและระบบชัดเจน นี่คือแนวทางสำหรับมือโปรที่อยากใช้สัญญาณนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันแนวโน้มและเสาธง
อย่าเพิ่งนับ “ธง” จากการพักตัวเพียงอย่างเดียว ต้องดูว่ามี “เสาธง” ที่ชัดเจนมาก่อนหรือไม่ การพุ่งขึ้นหรือลงต้องมีความเร็วสูงและแทบไม่ย้อนกลับมาก นี่คือการยืนยันว่ามีโมเมนตัมจริง
ขั้นตอนที่ 2: วาดกรอบธง
ใช้เครื่องมือ เส้นแนวโน้ม (Trendline) วาดสองเส้นขนานกัน โดยใช้เส้นบนคั่นจุดสูงสุด และเส้นล่างคั่นจุดต่ำสุดในช่วงพักตัว ควรมีอย่างน้อย 2 จุดสูงสุดและ 2 จุดต่ำสุดเพื่อความแม่นยำ
การอ่านกราฟแท่งเทียนให้เป็นนั้นช่วยให้การวาดเส้นแม่นยำขึ้น ยิ่งหากคุณสังเกตตำแหน่งของแท่งเทียนปิดในช่วงพักตัว ก็จะเข้าใจดีว่าตลาดยังอยู่ใน “การเก็บของ” หรือ “ทิ้งของ” อยู่ ลองศึกษาเพิ่มเติมจาก วิธีอ่านกราฟแท่งเทียน เพื่อเสริมทักษะนี้
ขั้นตอนที่ 3: รอการ Breakout และยืนยันด้วย Volume
นี่คือจุดสำคัญสุด ๆ การที่ราคาแตะกรอบหรือ “แตะๆ ออก” ยังไม่ใช่สัญญาณที่ชัดเจน คุณต้องรอให้ “แท่งเทียนปิด” อยู่นอกกรอบธงอย่างสมบูรณ์
และที่สำคัญที่สุด: ดูปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- หากราคา Breakout ด้วย Volume สูงมาก → แนวโน้มแรงขับเคลื่อนแรง → น่าเชื่อถือ
- หากราคา Breakout แต่ Volume กลับลด → น่าสงสัย อาจเป็น False Breakout
ขั้นตอนที่ 4: กำหนดจุดเข้า-จุดตัดขาดทุน-เป้าหมาย
ไม่ควรเข้าเทรดโดยไม่มีแผน
- จุดเข้า (Entry): เข้าหลังแท่งเทียนปิดนอกกรอบธงแล้ว หากต้องการเพิ่มความปลอดภัย อาจรอแท่งต่อไปยืนยันอีกครั้งก่อนเข้า
- จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):
– Bull Flag: ตั้งไว้ใต้จุดต่ำสุดของผืนธง
– Bear Flag: ตั้งไว้เหนือจุดสูงสุดของผืนธง - เป้าหมายทำกำไร (Take Profit):
วัดความสูงของ เสาธง จากจุดเริ่มต้นถึงจุดสูงสุด/ต่ำสุด แล้วนำระยะทางนั้นไปวัดจากจุด Breakout
– ตัวอย่าง: เสาธงสูง 50 pip → หลัง Breakout ให้ตั้งเป้า 50 pip จากจุดนั้น

หลีกเลี่ยงกับดัก: 3 ข้อผิดพลาดที่ทำให้นักเทรดพลาด
แม้ Flag Pattern จะน่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะเกิดตามแบบแผน ต่อไปนี้คือความผิดพลาดที่ต้องระวัง
1. เข้าก่อนเวลา หรือ “เห็นรูปแบบก็รีบซื้อ”
นักเทรดมือใหม่มักจะดูกราฟและพูดว่า “โอ้ นี่มันธงแน่นอน” แล้วเข้าทันทีในช่วงกลางผืนธง สิ่งนี้เสี่ยงมาก เพราะคุณยังไม่รู้ว่าราคาจะ Breakout หรือย้อนตัวกลับ
ทางแก้: รอให้รูปแบบสมบูรณ์ก่อน คือรอจังหวะ Breakout และยืนยันด้วย Volume
2. ละเลย Volume ในการยืนยันสัญญาณ
ราคาอาจทะลุกรอบได้ด้วยแท่งเทียนเล็ก ๆ หรือข่าวด้านเดียว ทำให้เกิด “False Breakout” ได้ง่ายหากไม่มีแรงซื้อจริง
ทางแก้: ต้องเห็นแท่งเทียนขนาดใหญ่และปริมาณการซื้อขายพุ่งขึ้นอย่างชัดเจนจึงควรพิจารณาเข้าคำสั่ง
3. ใช้เพียงรูปแบบเดียวโดยไม่ผสมกับเครื่องมืออื่น
แม้รูปแบบจะสมบูรณ์ แต่ถ้าอยู่ในช่วงปลายแนวโน้ม หรือมีแรงขัดแย้งจากข่าวเศรษฐกิจ ก็อาจไม่เป็นไปตามแบบแผน
ทางแก้: ใช้เครื่องมือเสริม เช่น
- RSI: ดูว่าตลาด Overbought หรือ Oversold หรือไม่
- Moving Average เช่น MA(50) หรือ MA(200) เพื่อดูทิศทางแนวโน้มหลัก
- Fibonacci Retracement: ช่วยระบุว่าผืนธงอยู่ในสัดส่วนพักตัวที่เหมาะสม (เช่น 38.2%-50%)
แหล่งข้อมูลการเทรดชั้นนำ เองย้ำว่า การใช้หลายเครื่องมือร่วมกันเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณได้สูงมาก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Flag Pattern (FAQ)
Flag Pattern คืออะไรในทางเทคนิค?
Flag Pattern คือรูปแบบกราฟประเภทต่อเนื่อง (Continuation Pattern) ที่บ่งชี้ว่า หลังจากราคาเคลื่อนไหวรุนแรง (เสาธง) แล้วพักตัวในกรอบแคบ (ผืนธง) มีแนวโน้มสูงที่จะกลับไปในทิศทางเดิมอีกครั้ง
Bear Flag คืออะไร และบ่งบอกอะไร?
Bear Flag เกิดในแนวโน้มขาลง เป็นสัญญาณว่าหลังจากพักตัวชั่วคราว ราคามีแนวโน้มลดลงต่ออย่างรุนแรง โดยดูจากจุด Breakout ด้านล่างของผืนธง
Bull Flag และ Bear Flag แตกต่างกันอย่างไร?
Bull Flag เกิดในแนวโน้มขาขึ้นและให้สัญญาณซื้อ ส่วน Bear Flag เกิดในแนวโน้มขาลงและให้สัญญาณขาย ทิศทางของเสาธงและ Breakout จะตรงข้ามกัน
จะยืนยันการทะลุกรอบ (Breakout) ของ Flag Pattern ได้อย่างไร?
ต้องเห็นแท่งเทียนปิดอยู่นอกกรอบผืนธงอย่างชัดเจน และควรมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) พุ่งสูงขึ้น เพื่อยืนยันแรงขับเคลื่อนของราคา
Flag Pattern ใช้กับตลาดหุ้นได้หรือไม่?
ได้แน่นอน รูปแบบนี้ใช้ได้กับทุกสินทรัพย์ที่มีกราฟราคา เช่น หุ้น คริปโต Forex และตราสารอนุพันธ์ เป็นรูปแบบที่เชื่อถือได้เพราะแสดงพฤติกรรมตลาดแบบพักแล้วไปต่อได้ชัดเจน