สำหรับนักเทรดในตลาด Forex เป้าหมายหนึ่งที่หลายคนมองหาคือการได้บริหารเงินทุนจำนวนมาก เพื่อขยายความสามารถในการสร้างกำไรอย่างมีนัยสำคัญ แต่การสร้างพอร์ตจากเงินทุนเริ่มต้นส่วนตัวมักต้องใช้เวลาและข้อผิดพลาดมากมาย

เปลี่ยนทักษะการเทรดให้เป็นเงินทุนก้อนใหญ่
ในจุดนี้ “การสอบกองทุน Forex” หรือที่เรียกว่า Prop Firm Challenge จึงกลายเป็นเส้นทางหลักสำหรับเทรดเดอร์ทั่วโลก รวมถึงนักลงทุนชาวไทย ที่ต้องการเปลี่ยนความสามารถในการเทรดให้กลายเป็นโอกาสทางการเงินที่ยิ่งใหญ่
คู่มือนี้จะพาคุณเข้าใจทุกมิติของการสอบกองทุนตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงระดับโปร การเปรียบเทียบผู้ให้ทุนชั้นนำ และการเตรียมตัวสำหรับ “ชีวิตหลังสอบผ่าน” เพื่อช่วยให้คุณก้าวออกจากบทบาทเทรดเดอร์ส่วนตัว และกลายเป็น Funded Trader มืออาชีพรายได้สูง
การสอบกองทุน Forex คืออะไร? เส้นทางสู่เงินทุนขนาดใหญ่
การสอบกองทุน Forex หรือ Proprietary Trading Firm Challenge (Prop Firm) คือกระบวนการคัดเลือกที่บริษัทเทรดต่าง ๆ จัดขึ้น เพื่อประเมินความสามารถและความวินัยของนักเทรดที่ต้องการบริหารเงินทุนของบริษัท
วิธีการคือ บริษัทจะให้คุณใช้บัญชีจำลอง (Demo Account) พร้อม “เงินทุนจำลอง” หนึ่งก้อน เช่น 50,000 หรือ 100,000 ดอลลาร์ และตั้งเงื่อนไขที่คุณต้องทำให้ได้ เช่น กำไรกี่เปอร์เซ็นต์ ภายในระยะเวลากี่วัน โดยต้องไม่ละเมิดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับความเสี่ยง เช่น การขาดทุนรายวันหรือการขาดทุนสะสมสูงสุด
หากสอบผ่าน คุณจะได้รับเงินทุนจริงของบริษัทไปบริหารจริง และนำกำไรที่ได้มาแบ่งกันตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอยู่ที่ 80/20 หรือแม้แต่ 90/10 กล่าวคือ คุณเป็นผู้เทรด ได้กำไร 80-90% ส่วนบริษัทได้ 10-20%
เหตุผลที่เส้นทางนี้ได้รับความนิยมอย่างมากคือ: คุณสามารถบริหารเงินทุนหลักแสนได้ ด้วยเงินลงทุนเพียงหลักพันบาท แทนที่จะต้องสะสมมันเองจากหยดเล็ก ๆ

กติกาพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้ก่อนสมัครสอบ
แต่ละบริษัทอาจมีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อย แต่กติกาหลัก ๆ ที่คุณต้องเจอทุกที่ล้วนมีรูปแบบเดียวกัน นี่คือกฎที่ควรจารึกไว้ในใจ
- เป้าหมายกำไร (Profit Target): คุณต้องทำกำไรได้ตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด เช่น โดยทั่วไปในเฟสแรกจะอยู่ที่ 8–10% ของขนาดบัญชี ส่วนเฟสที่สองอาจลดลงเหลือ 5% เพื่อตรวจสอบความสม่ำเสมอ
- การขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown): คือขีดจำกัดของการขาดทุนรวมทั้งหมดที่ยอมรับได้ โดยคำนวณจากจุดสูงสุดของพอร์ต (Peak Equity) หากบัญชีของคุณขาดทุนเกินกว่านี้ แม้ยังไม่ถึงจุดล้างพอร์ต ก็จะถูกตัดสิทธิ์ทันที โดยปกติจะอยู่ที่ 10%
- ขีดจำกัดขาดทุนรายวัน (Daily Loss Limit): กฎนี้คุมความหุนหันพลันแล่น โดยกำหนดว่าทุกวัน คุณจะขาดทุนเกินกี่เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เช่น สูงสุดไม่เกิน 5% ตามยอดคงเหลือของวันก่อน หากล้มเหลวในวันนั้น จะไม่สามารถเทรดได้อีกจนกว่าจะถึงวันใหม่ (บางบริษัทตัดสิทธิ์ทันที)
- จำนวนวันเทรดขั้นต่ำ (Minimum Trading Days): เพื่อป้องกันนักเทรด “โชคดี” ที่ได้กำไรในวันเดียวแล้วหยุด บริษัทมักกำหนดให้คุณต้องซื้อขายขั้นต่ำ 3-5 วันทำการ
- เลเวอเรจ (Leverage): บริษัทส่วนใหญ่จะจำกัดเลเวอเรจ เช่น 1:30 ถึง 1:100 เพื่อควบคุมความเสี่ยง โดยไม่ให้เปิดขนาด Lot ที่ใหญ่เกินไป
หากคุณยังไม่เข้าใจแนวคิด “Drawdown” อย่างลึกซึ้ง Investopedia อธิบายได้อย่างชัดเจนว่า นี่คือเปอร์เซ็นต์ที่มูลค่าพอร์ต “ตกลงจากจุดสูงสุด” ไม่ใช่จากยอดเริ่มต้น ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่มือใหม่หลายคนยังสับสน

ข้อดีและข้อควรระวังของเส้นทาง Funded Trader
ก่อนตัดสินใจ ควรตรึกตรองอย่างรอบด้าน เพราะทุกโอกาสย่อมมีทั้งด้านบวกและด้านท้าทาย
ข้อดีที่ไม่ควรมองข้าม
- เข้าถึงเงินทุนมหาศาลทันที: คุณบริหาร $100,000 ด้วยเงินสอบเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์ สร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นแบบทวีคูณเมื่อเทียบกับเทรดด้วยทุนส่วนตัว
- บังคับให้คุณมีวินัย: กฎเกณฑ์เข้มงวดอย่าง Daily Loss Limit หรือ Max Drawdown จะทำให้คุณต้องฝึกบริหารความเสี่ยงอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นพื้นฐานของความรอดในตลาด
- จำกัดความเสี่ยงส่วนตัวไว้อยู่แค่ค่าสอบ: ความเสียหายสูงสุดที่คุณเจอคือ “ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ” ไม่ใช่เงินทั้งหมดของคุณ
- โอกาสเติบโตแบบขั้นบันได (Scaling Plan): ถ้าแสดงผลงานดี บริษัทจะเพิ่มทุนให้คุณ เช่น จาก $50k เป็น $100k ถึง $500k สร้างรายได้หลักแสน-หลักล้านบาทต่อเดือนในระยะยาว
ข้อควรระวังที่ต้องตั้งสติ
- สูญเสียค่าธรรมเนียมหากสอบไม่ผ่าน: หากไม่ผ่านในรอบแรก คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายไป ซึ่งอาจหลายพันบาทต่อครั้ง
- กดดันสูงจากกฎและความเร่งด่วน: การถูกจำกัดเวลา และต้องทำกำไรภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้หลายคนที่เทรดเก่งในบัญชีส่วนตัว กลับล้มเหลวเพราะความเครียด
- ข้อจำกัดด้านกลยุทธ์: บางบริษัทห้ามเทรดช่วงข่าวสำคัญ (เมเจอร์นิวส์) หรือห้ามใช้ EA (Expert Advisor) บางประเภท อาจไม่เหมาะกับนักเทรดบางสไตล์

กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงที่ใช้ได้จริงและเป็นรูปธรรม
ข้อเท็จจริงคือ นักเทรดที่สอบล้มเหลวส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะ “กลยุทธ์เทคนิคดี” แต่เพราะ “ล้มเหลวเรื่องการจัดการความเสี่ยง” เราเลยจะมาลงลึกกับโมเดลการคำนวณความเสี่ยงที่ใช้ได้ทันที
หลักการพื้นฐาน: ต้องไม่เสี่ยงในออเดอร์เดียวเกิน 1-2% ของพอร์ต และต้องคำนึงถึง “Daily Loss Limit”
ตัวอย่างการคำนวณ:
- คุณสอบบนบัญชี $50,000
- Daily Loss Limit: 5% = $2,500
- Max Drawdown: 10% = $5,000
คุณเลือกเปิดออเดอร์ใน EUR/USD โดยวาง Stop Loss ที่ 25 pips และตั้งเป้าว่าจะเสี่ยงไม่เกิน $1,000 (2% ของพอร์ต)
คำนวณขนาด Lot
- ค่า 1 pip ของ 1 Lot (Standard) = $10
- ค่า 25 pips ที่ 1 Lot = 25 × $10 = $250
- หากคุณต้องการเสี่ยง $1,000 ต่อครั้ง Lot Size ที่เหมาะสมคือ:
$1,000 / $250 = 4 Lot
แบบนี้ แม้การเทรดครั้งนี้จะผิดพลาด คุณก็เสียเพียง 2% และยังมีโอกาสเทรดต่อได้อีกหลายครั้งในวันนั้น นี่คือ “การบริหารความเสี่ยงระดับมืออาชีพ” ที่ต่างจากการพนัน
เปรียบเทียบ 5 บริษัท Forex Prop Firm ยอดนิยม
การเลือกบริษัทที่เหมาะกับสไตล์การเทรดคุณเป็นกุญแจสำคัญ ด้านล่างคือการเปรียบเทียบบริษัทชั้นนำที่ได้รับความนิยมสูง
| คุณสมบัติ | FTMO | The Funded Trader | Topstep | SurgeTrader |
|---|
| ค่าสอบ (บัญชี $100k) | €540 | $499 | $495/เดือน (Futures) | $700 |
| เป้ากำไร (เฟส 1) | 10% | 10% | 6% ($6,000) | 10% |
| Max Drawdown | 10% | 10% (Relative) | 4% ($4,000) | 6% |
| Daily Loss Limit | 5% | 5% | 2% ($2,000) | 5% |
| ส่วนแบ่งกำไร | เริ่ม 80% (สูงสุด 90%) | เริ่ม 80% (สูงสุด 90%) | เริ่ม 90% | เริ่ม 75% (สูงสุด 90%) |
หมายเหตุ: ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบจากเว็บไซต์ทางการเสมอ
คำแนะนำในการเลือก: ควรพิจารณาจาก “ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ” โดยอ่าน รีวิว FTMO จากผู้ใช้จริง (Trustpilot) เพื่อประเมินว่าบริษัทนั้นมีความโปร่งใสจริงหรือไม่

ชีวิตหลังสอบผ่าน: เมื่อความท้าทายเริ่มต้น
หลายคนอาจคิดว่า “ผ่านรอบสอบ” คือจุดสิ้นสุด แต่ในความเป็นจริง มันคือ “จุดเริ่มต้น” ของบทใหม่ ที่มีความกดดันและจิตวิทยาที่ซับซ้อนมากขึ้น
ความกดดันที่ไม่มีในบัญชีจำลอง
เมื่อคุณได้กำไรในบัญชีจริง แม้จะไม่ใช่เงินตัวเองโดยตรง แต่ความรู้สึกกับ “เงินจริง” ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความกลัวที่จะเสียกำไร อาจทำให้คุณหลุดวินัย เช่น ปิดออเดอร์เร็วเกินไป หรือไม่กล้าเข้าเทรดแม้มีสัญญาณชัดเจน นี่คือการทดสอบ “จิตวิทยาการลงทุน” ที่แท้จริง
โอกาสกับ Scaling Plan
บริษัทชั้นนำมีแผน “เพิ่มทุน” ให้เทรดเดอร์ที่ทำผลงานดี เช่น หากทำกำไรได้ 8-10% ใน 3 เดือน คุณอาจถูกเสนอให้บริหารพอร์ตที่ใหญ่ขึ้นสองเท่า เรียกว่า “ก้าวไปสู่เจ็ดหลักต่อเดือน” ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
การถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด
เมื่อคุณบริหาร “เงินจริง” บริษัทจะเข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมคุณมากขึ้น หากเริ่มเทรดแบบเสี่ยงเกินควร หรือมีรูปแบบการเทรดที่ผิดแปลกจากที่ใช้สอบ อาจถูกตั้งคำถาม และอาจถูกยึดบัญชีคืน
คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น: หากยังใหม่กับตลาด Forex ควรสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงก่อนด้วยการเรียนรู้จาก คู่มือการเทรด Forex สำหรับมือใหม่ เพื่อปูพื้นที่มั่นคงก่อนก้าวเข้าสู่สนามสอบจริง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสอบกองทุน Forex (FAQ)
การสอบกองทุน Forex คืออะไร?
เป็นระบบทดสอบที่บริษัท Prop Firm จัดขึ้นเพื่อคัดเลือกนักเทรดที่มีวินัยและทักษะมาบริหารเงินทุนของบริษัท ผู้ที่ผ่านจะได้รับเงินทุนจริงและแบ่งกำไรตามข้อตกลง
ควรเลือก Prop Firm ที่ไหนดี?
ควรเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น FTMO หรือ The Funded Trader และพิจารณาจากเงื่อนไขการสอบ ส่วนแบ่งกำไร ค่าธรรมเนียม และรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เพื่อหาที่เหมาะกับสไตล์คุณที่สุด
สอบกองทุน Forex ยากไหม?
ยากในแง่ของวินัย ไม่ใช่ในแง่ของเทคนิค การผ่านต้องอาศัยแผนการเทรดที่ชัดเจน วินัยในการจัดการความเสี่ยง และความมืออาชีพในการทำกำไรแบบสม่ำเสมอ
มีคนรวยจากเทรด Forex จริงไหม?
มีจริง แต่เป็นน้อยมาก คนที่สำเร็จมักมอง Forex เป็น “ธุรกิจ” มีระบบซ้ำได้ (trading plan) และบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม ไม่ใช่เรื่องของโชคหรือการพนัน
วิธีตรวจสอบความน่าเชื่อถือของ Prop Firm หรือโบรกเกอร์?
ตรวจสอบได้จาก: รีวิวจากผู้ใช้งานจริง (เช่น TrustPilot), ความโปร่งใสของเงื่อนไขการถอนเงิน, ระยะเวลาดำเนินธุรกิจ, และการตอบสนองของทีมสนับสนุนลูกค้า การวิจัยเพิ่มเติมก่อนลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก