ในหมู่เครื่องมือวิเคราะห์กราฟเทคนิค ที่ช่วยให้นักลงทุนจับจังหวะของตลาดได้ดีขึ้น มีหนึ่งอินดิเคเตอร์ที่โดดเด่นเรื่องความ “ครบวงจร” คือ Ichimoku Kinko Hyo หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า Ichimoku Cloud สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจากเครื่องมืออื่นคือ สามารถแสดงทั้งแนวโน้ม โมเมนตัม แนวรับ แนวต้าน และจุดกลับตัวในกราฟเดียว

มองตลาดทะลุปรุโปร่งในภาพเดียว
Ichimoku ถูกออกแบบโดย โกอิจิ โฮโซดะ นักข่าวเศรษฐกิจชาวญี่ปุ่น ระหว่างทศวรรษ 1930s และเปิดเผยต่อสาธารณชนในปี 1969 ด้วยปรัชญา “การมองเห็นภาพรวมตลาดในแวบเดียว” เครื่องมือนี้จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วทั้งในญี่ปุ่นและตลาดโลก
สำหรับนักลงทุนไทย ที่สนใจเพิ่มเกราะป้องกันความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาด Ichimoku คือเครื่องมือที่น่าศึกษา บทความนี้จะพาคุณเข้าใจ Ichimoku แบบเจาะลึก เริ่มจากพื้นฐาน ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในหุ้นไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
Ichimoku คืออะไร? รู้จัก Indicator ที่สมดุลในตัวเดียว
Ichimoku Kinko Hyo (อิจิโมะกุ คินโค เฮียว) มาจากภาษาญี่ปุ่น ความหมายคือ “ตารางความสมดุลที่มองเห็นได้ในทันที” — และชื่อนี้ก็บอกใบ้ได้ดีว่ามันเกิดมาเพื่อ “ลดความซับซ้อน” ของการอ่านกราฟ
แทนที่จะต้องใช้อินดิเคเตอร์หลายตัวเพื่อดูแนวโน้ม โมเมนตัม และจุดซื้อ-ขาย อิจิโมกุให้ข้อมูลทั้งหมดรวมอยู่ในระบบเดียว
แนวทางหลักคือการ “หาจุดสมดุล” ของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งต่างจาก Moving Average ทั่วไปที่ใช้เฉพาะ “ราคาปิด” อิจิโมกุใช้ “ราคาสูงสุด” และ “ต่ำสุด” เพื่อคำนวณจุดกึ่งกลาง ทำให้สะท้อนความสมดุลที่นักเทรดยืนอยู่มากกว่า
เมื่อเข้าใจถูกต้อง อิจิโมกุไม่ใช่แค่เส้นต่าง ๆ ที่ดูรกตา แต่คือระบบวิเคราะห์ที่เชื่อมโยงกันอย่างมีตรรกะ
องค์ประกอบ 5 ส่วนของ Ichimoku Cloud
1. เส้น Tenkan-sen (Conversion Line)
หรือที่เรียกว่า “เส้นรักษา” ทำหน้าที่เป็นตัววัดโมเมนตัมระยะสั้น โดยใช้ราคาสูงสุดและต่ำสุดใน 9 วันล่าสุดมาหาค่าเฉลี่ย
- สูตรคำนวณ: (High 9 วัน + Low 9 วัน) ÷ 2
เส้นนี้ตอบสนองไวต่อการเปลี่ยนแปลงราคา ถ้าชันขึ้น แสดงโมเมนตัมขาขึ้น; ชันลง แสดงโมเมนตัมขาลง เป็นสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้ม
2. เส้น Kijun-sen (Base Line)
เป็นเส้น “ฐาน” หรือระดับแนวโน้มกลาง ใช้ทั้งเป็นข้อมูลทิศทางและเป็นแนวรับ-แนวต้านยามราคาพักตัว โดยอิงจากราคาใน 26 วันล่าสุด
- สูตรคำนวณ: (High 26 วัน + Low 26 วัน) ÷ 2
หากราคาปัจจุบันยังเหนือ Kijun-sen และ Kijun-sen ไต่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นสัญญาณว่ายังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
3. เส้น Senkou Span A (Leading Span A)
หนึ่งในสองเส้นที่ใช้สร้าง “เมฆ” (Kumo) เส้นนี้คือค่าเฉลี่ยระหว่าง Tenkan-sen และ Kijun-sen แต่ถูกขยับ “ไปข้างหน้า” 26 วัน
- สูตรคำนวณ: (Tenkan-sen + Kijun-sen) ÷ 2 (ต่างจากเส้นอื่น ต้องพล็อตไปข้างหน้า 26 วัน)
แสดงถึงแนวรับหรือแนวต้านในอนาคต และความสมดุลของกราฟระยะสั้นถึงกลาง
4. เส้น Senkou Span B (Leading Span B)
อีกเส้นหนึ่งของเมฆ คิดจากค่าเฉลี่ยราคา 52 วัน แล้วพล็อตไปข้างหน้า 26 วัน เช่นเดียวกัน
- สูตรคำนวณ: (High 52 วัน + Low 52 วัน) ÷ 2 (พล็อตไปข้างหน้า 26 วัน)
สะท้อนแนวโน้มระยะยาว และมักเป็นแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญเมื่อราคาเข้าใกล้
5. เส้น Chikou Span (Lagging Span)
เส้นนี้พิเศษมาก เพราะแทนที่จะดู “อนาคต” มันกลับ “ย้อนเวลา” โดยนำ “ราคาปัจจุบัน” มาพล็อตย้อนหลังไป 26 วัน
- สูตรคำนวณ: ราคาปิดวันนี้ (พล็อตย้อนหลัง 26 วัน)
วัตถุประสงค์คือการยืนยันแนวโน้ม — หากเส้นนี้อยู่เหนือแท่งราคาในอดีต แสดงว่าแรงซื้อยังแข็งแกร่ง ยังตามทันราคาและมั่นคง
องค์ประกอบ | ระยะเวลา | หน้าที่หลัก |
---|
Tenkan-sen | 9 วัน | วัดโมเมนตัมระยะสั้น เส้นสัญญาณเร็ว |
Kijun-sen | 26 วัน | แนวโน้มกลาง ใช้เป็นแนวรับ/แนวต้าน |
Seknou Span A | พล็อตไปข้างหน้า 26 วัน | ขอบบนของเมฆ เส้นตอบสนองเร็ว |
Seknou Span B | พล็อตไปข้างหน้า 26 วัน | ขอบล่างของเมฆ เส้นตอบสนองช้า |
Chikou Span | พล็อตย้อนหลัง 26 วัน | ยืนยันแนวโน้มและโมเมนตัม |

ก้อนเมฆ (Kumo) หัวใจของ Ichimoku บอกอะไรเราบ้าง
ก้อนเมฆหรือ Kumo คือพื้นที่ระหว่าง Senkou Span A และ B ที่ถูกแรเงา แสดงเป็น “โซนแนวโน้ม” ล่วงหน้า 26 วัน ทำให้เทรดเดอร์เห็น “แผนที่ตลาด” ในอนาคต หัวใจของ Ichimoku อยู่ที่เมฆนี้เอง
- ตำแหน่งของราคาเทียบกับเมฆ: ถ้าราคาอยู่เหนือเมฆ — เป็นสัญญาณขาขึ้นชัดเจน; ถ้าต่ำกว่าเมฆ — แนวโน้มขาลง; ถ้าอยู่ในเมฆ — ตลาด Sideways หรือกำลังยุ่งเหยิง ควรระมัดระวัง
- สีของเมฆ: เมื่อ Senkou Span A อยู่เหนือ B เมฆจะเป็นสีเขียว (หรือสีใส) — สัญญาณกระทิง; เมื่อ A ตัดลงมาใต้ B เมฆเปลี่ยนเป็นสีแดง (หรือทึบ) — สัญญาณหมี แสดงการพลิกแนวโน้มในอนาคต
- ความหนาของเมฆ: เมฆหนาแสดงว่า แนวรับ-แนวต้านแข็งแกร่ง — ราคาอาจ “ติด” อยู่หรือเบรคยาก; เมฆบาง ๆ คือเส้นที่ “เจาะได้” ง่าย ราคาอาจผ่านไปได้เร็ว
ข้อได้เปรียบของ “เมฆ” คือการมองอนาคตได้นานถึง 26 วัน ทำให้นักเทรดสามารถวางแผนการซื้อขาย เช่น วาง Take Profit หรือ Set Limit Order ได้ล่วงหน้า โดยดูว่าราคาจะไปชนโซนไหน

วิธีอ่านสัญญาณซื้อขายจาก Ichimoku
Ichimoku ให้สัญญาณที่ “ยืนยันซ้ำกัน” จากหลายเส้น สัญญาณที่น่าเชื่อถือมักเกิดจากความสอดคล้องกันขององค์ประกอบทั้งหมด ต่อไปนี้คือกลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้กันทั่วไป
1. สัญญาณ Tenkan-sen ตัด Kijun-sen (TK Cross)
- Golden Cross (เส้นเร็วตัดขึ้น): เมื่อ Tenkan-sen ตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen โดยเฉพาะหากเกิด “เหนือเมฆ” จะยิ่งแข็งแกร่ง — ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น
- Dead Cross (เส้นเร็วตัดลง): เมื่อ Tenkan-sen ตัดลงใต้ Kijun-sen โดยเฉพาะใต้เมฆ — คาดการณ์แนวโน้มขาลง ควรพิจารณาการป้องกันความเสี่ยง
2. ราคาทะลุเมฆ (Kumo Breakout)
- ทะลุขึ้นเหนือเมฆ: บ่งชี้ว่าแรงซื้อเข้มแข็งและเตรียมพุ่ง เมื่อราคาปิดเหนือขอบบนของเมฆ ควรพิจารณาซื้อ ยิ่งถ้าตามด้วย Golden Cross จะยิ่งน่าเชื่อถือ
- ทะลุลงใต้เมฆ: เป็นสัญญาณชัดเจนว่าแนวโน้มเปลี่ยน จากร้อนแรงอาจเข้าสู่ขาลง การกลับมายืนเหนือเมฆอีกครั้งจะยากขึ้น
3. Chikou Span ตัดผ่านชาร์ต
- Chikou อยู่เหนือแท่งราคา: นักเทรดมักพิจารณาว่า ถ้าเส้น Chikou เหนือแท่งราคาในย้อนหลัง แสดงว่าราคาปัจจุบัน “แรงกว่าอดีต” — เป็นแนวโน้มขาขึ้นที่สมบูรณ์
- Chikou ต่ำกว่าแท่งราคา: แสดงแรงขายที่ดุดัน ควรระมัดระวังการถือสถานะ Long ในจุดนี้
4. Kumo Twist (เมฆพลิกทิศ)
เมื่อ Senkou Span A และ B ตัดกันในอนาคต (พล็อตไปข้างหน้า) เมฆจะเปลี่ยนสี นี่คือ “สัญญาณเตือนล่วงหน้า” ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
ตัวอย่าง: เมฆเขียวพลิกเป็นแดง แม้ราคาจะยังเคลื่อนไหวในเมฆ ก็ควรเตรียมตัวสำหรับการ Breakdown
คำเตือน: ไม่ควรพิจารณาเส้นใดเส้นหนึ่งตัดสินใจ ต้องมอง “ภาพรวม” เช่น หุ้นสักตัวจะเข้าเกณฑ์ซื้อรับได้เต็มรูปแบบหาก:
- ราคาอยู่เหนือ Kumo
- เกิด Golden Cross (Tenkan ตัด Kijun)
- Senkou Span A สูงกว่า B
- Chikou Span ลอยอยู่เหนือแท่งราคา

การประยุกต์ใช้ Ichimoku กับตลาดหุ้นไทย (SET)
Ichimoku ไม่ใช่เครื่องมือเฉพาะตลาดญี่ปุ่น แต่ใช้ได้ผลดีในตลาด SET หากเข้าใจลักษณะของหุ้นแต่ละตัว
แม้ค่าพื้นฐาน 9, 26, 52 จะคำนวณจากวันทำการ 6 วัน/สัปดาห์ แต่วันนี้ยังคงเป็นมาตรฐานที่ใช้ได้กับหุ้นไทย
ลองพิจารณาหุ้น AOT (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด) ในกราฟรายวัน:
- ยืนเหนือเมฆสีเขียว หลายรอบ ระหว่างปี 2023 ถึง 2024: ช่วงนี้ราคาเคลื่อนขึ้นต่อเนื่อง โดย Kijun-sen เป็นแนวรับแท้จริง ราคาหลายครั้งย่อลงแต่ดีดกลับ
- Kumo Breakout พร้อม Golden Cross และ Chikou ที่ลอยเหนือ: เป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ที่น่าซื้อเข้าตาม
- การเปลี่ยนทิศ: เมื่อราคาเริ่มอ่อนตัวและหลุดใต้ Kijun-sen พร้อม Senkou B ขึ้นมาเหนือ A เริ่มเห็นเมฆเปลี่ยนสีแดง — เป็นสัญญาณควรพิจารณา Take Profit และลดตำแหน่ง
แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า Ichimoku ทำงานได้ดีที่สุดในหุ้นที่มีแนวโน้มชัดเจน เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน หรือเทคโนโลยีที่ร้อนแรง ส่วนหุ้นกลุ่มรับเหมา หรือหุ้นที่ยืนกรอบ ราคาจะเดินพันอยู่ในเมฆ ทำให้สัญญาณหลอกบ่อย
การใช้ Ichimoku ใน SET ควรเลือกหุ้นมี volume สูง และรวมกับปัจจัยอื่น เช่น เป้าหมายธุรกิจ ผลประกอบการ หรือกระแสข่าว เพื่อยืนยันตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น

3 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ Ichimoku
- ลนลานซื้อเมื่อเห็นสัญญาณ TK Cross ล่าก่อนเวลา: นักลงทุนใหม่บางคนเห็น Tenkan ตัด Kijun ก็รีบกระโดดเข้า แต่ลืมดูว่าราคาอาจยัง “อยู่ใต้เมฆหนา” หรือ Chikou ซ้อนอยู่ต่ำกว่าราคา ซึ่งแปลว่า แรงซื้อไม่แข็งแรง แนะนำให้รอ “การยืนยันครบ” ถึงค่อยเข้าตำแหน่ง
- ใช้ในตลาด Sideways: Ichimoku คือ Trend-Following Indicator หากใช้ในตลาดแบบอัลไซม์ (Sideways) หรือหุ้นที่บีบกรอบ จะเกิด Cross มากมายแต่ราคาไม่ขยับ ทำให้ขาดทุนซ้ำ ๆ ทางที่ดีควร “ยืนยัน Kumo Breakout” ก่อนแล้วค่อยกระโดดตาม
- ไม่ทดสอบค่าพารามิเตอร์ให้เหมาะสม: แม้ค่า 9, 26, 52 จะเป็นมาตรฐาน แต่บางหุ้นไทยอาจเคลื่อนไหวแบบเฉพาะตนเอง นักลงทุนเชิงลึกอาจลอง Backtest ค่าอื่น เช่น 7-21-42 แล้วดูผลลัพธ์ แต่ต้องไม่ใช่ “ปรับเพื่อให้กราฟสวย” แต่ต้องมีหลักการและการย้อนหลังเพียงพอ
ข้อควรจำ: ไม่มี Indicator ตัวใด “เทพ” ไปทุกฉาก แต่การเข้าใจว่า “สิ่งนี้เกิดมาทำไม” จะช่วยให้เราใช้มันได้ถูกสถานการณ์
ควรใช้ Ichimoku ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และจัดการความเสี่ยงอย่างมีวินัย — คือกุญแจที่จะทำให้เครื่องมือนี้เพิ่มคุณค่าให้พอร์ตคุณได้จริง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ichimoku (FAQ)
Ichimoku Cloud คืออะไร?
Ichimoku หรือ Ichimoku Kinko Hyo เป็นอินดิเคเตอร์จากญี่ปุ่นที่รวมหลายองค์ประกอบในหนึ่งกราฟ เช่น แนวโน้ม โมเมนตัม แนวรับ-แนวต้าน และจุดกลับตัว ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมตลาดได้ "ในแวบเดียว"
เส้นหลักใน Ichimoku มีอะไรบ้าง และใช้ทำอะไร?
มีทั้งหมด 5 เส้น ได้แก่ Tenkan-sen, Kijun-sen, Senkou Span A, Senkou Span B และ Chikou Span แต่ละเส้นมีหน้าที่บอกแนวโน้ม ระดับสมดุล และการยืนยันสัญญาณ
Ichimoku ใช้กับหุ้นไทยได้ผลหรือไม่?
ใช้ได้ โดยเฉพาะกับหุ้นที่มีแนวโน้มชัดและสภาพคล่องสูง แต่ควรใช้คู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และอินดิเคเตอร์เสริมอื่นเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
Ichimoku ต่างจาก MACD อย่างไร?
MACD เน้นการวัดโมเมนตัมจากเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้น ขณะที่ Ichimoku ครอบคลุมทั้งแนวโน้มและแนวรับแนวต้านในกราฟเดียว เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “มุมมองแบบองค์รวม” มากกว่าแค่จังหวะตัดกัน
ควรใช้ Ichimoku คู่กับอินดิเคเตอร์ตัวไหน?
มักนิยมใช้ร่วมกับ Stochastic หรือ RSI เพื่อยืนยันสัญญาณ Overbought/Oversold และคู่กับ EMA/MACD เพื่อเสริมการตัดสินใจเรื่องโมเมนตัม