Skip to content
  • ไทย
  • หน้าแรก
  • รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
    • รายละเอียดโบรกเกอร์ Forex
  • การเทรด Forex
    • วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex
    • คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex
  • คริปโตเคอร์เรนซี
    • รวมคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยม
    • พื้นฐานการลงทุนบล็อกเชน
  • การลงทุนในหุ้น
    • วิเคราะห์หุ้นกลุ่มยอดนิยม
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนหุ้น
    • แนะนำกองทุน ETF
  • การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
    • เจาะลึกการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
  • วิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
  • พื้นฐานการลงทุน
  • หน้าแรก
  • รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
    • รายละเอียดโบรกเกอร์ Forex
  • การเทรด Forex
    • วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex
    • คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex
  • คริปโตเคอร์เรนซี
    • รวมคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยม
    • พื้นฐานการลงทุนบล็อกเชน
  • การลงทุนในหุ้น
    • วิเคราะห์หุ้นกลุ่มยอดนิยม
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนหุ้น
    • แนะนำกองทุน ETF
  • การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
    • เจาะลึกการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
  • วิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
  • พื้นฐานการลงทุน

หน้าแรก - การเทรด Forex - คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

ระดับมาร์จิ้น คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักเทรด Forex

  • วันที่เผยแพร่บทความ: 2025-07-14
  • วันที่อัปเดตบทความ:2025-07-14
ภาพแสดงสุขภาพการเงิน

สารบัญ

ทำไมระดับมาร์จิ้นถึงสำคัญกับการเทรด Forex?

อยู่ดี ๆ ออร์เดอร์ก็หาย… อย่าเพิ่งโทษใคร เพราะอาจเป็นฝีมือของ “Stop Out” ที่มาจาก Margin Level ต่ำเกินไปก็ได้นะ! เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และสาเหตุหลักมาจากการไม่เข้าใจเรื่อง ระดับมาร์จิ้น หรือ Margin Level Forex

ในโลกของการเทรด Forex ที่มีการใช้เลเวอเรจสูง การทำความเข้าใจ ระดับมาร์จิ้น คือ หัวใจสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและรักษาสุขภาพของบัญชีเทรดของคุณ ระดับมาร์จิ้น (Margin Level) ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญว่าคุณมีเงินทุนเพียงพอที่จะเปิดสถานะใหม่หรือไม่ และบัญชีของคุณมีความเสี่ยงต่อการถูกเรียกหลักประกัน (Margin Call) หรือการปิดสถานะอัตโนมัติ (Stop Out) มากน้อยเพียงใด

การเข้าใจระดับมาร์จิ้นเป็นเหมือนการมีเครื่องมือป้องกันตัวเองจากการสูญเสียเงินทุนแบบไม่คาดคิด สำหรับนักเทรดที่ต้องการเทรดอย่างมั่นใจและปลอดภัย บทความนี้จะพาคุณไปเข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับ ระดับมาร์จิ้น คือ อะไร และจะใช้ความรู้นี้ในการป้องกันความเสี่ยงได้อย่างไร

ภาพแสดงสุขภาพการเงิน

ระดับมาร์จิ้น คืออะไร? เข้าใจให้ตรง

ระดับมาร์จิ้น คือ ตัวชี้วัดที่แสดงถึงสุขภาพทางการเงินของบัญชีเทรดของคุณ โดยคำนวณจากอัตราส่วนระหว่าง อิควิตี้ (Equity) ต่อ มาร์จิ้นที่ใช้ (Used Margin) คูณด้วย 100 เพื่อแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกภาพว่าระดับมาร์จิ้นเป็นเหมือน “แบตเตอรี่” ของบัญชีเทรดของคุณ เมื่อแบตเตอรี่อยู่ที่ 100% แสดงว่าบัญชีมีสุขภาพดี แต่หากแบตเตอรี่ลดลงมาที่ 100% หรือต่ำกว่า ก็เป็นสัญญาณเตือนให้ระวังแล้ว

Margin Level Forex คือตัวช่วยบอกสถานะสุขภาพของพอร์ตคุณ ถ้าตัวเลขเริ่มต่ำ นั่นหมายความว่าอันตรายใกล้เข้ามาแล้ว และคุณอาจถูก Margin Call ได้ทุกเมื่อ

คำศัพท์สำคัญเกี่ยวกับระดับมาร์จิ้น มีอะไรบ้าง?

เพื่อให้เข้าใจระดับมาร์จิ้นอย่างลึกซึ้ง เราต้องทำความรู้จักกับคำศัพท์สำคัญเหล่านี้ก่อน:

ยอดเงินคงเหลือ (Balance) คือ เงินจริงที่มีอยู่ในบัญชีเทรดของคุณ ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากออร์เดอร์ที่ยังไม่ปิด

อิควิตี้ (Equity) คือ มูลค่าบัญชีเทรดของคุณ ณ ปัจจุบัน ซึ่งคำนวณจาก Balance บวกหรือลบด้วยกำไรขาดทุนจากออร์เดอร์ที่ยังเปิดอยู่

มาร์จิ้นที่ใช้ (Used Margin) คือ จำนวนเงินที่ถูกกันไว้เป็นหลักประกันสำหรับออร์เดอร์ที่เปิดอยู่ เงินส่วนนี้จะถูกคืนให้เมื่อปิดออร์เดอร์

ฟรีมาร์จิ้น (Free Margin) คือ เงินที่ยังว่างอยู่ในบัญชี ซึ่งสามารถใช้เปิดสถานะใหม่ได้ โดยคิดจากเงินทุนรวม (Equity) ลบกับมาร์จิ้นที่ถูกใช้ไปแล้ว (Used Margin)

เลเวอเรจ (Leverage) คือ อัตราการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเทรด ยิ่งเลเวอเรจสูง ยิ่งใช้มาร์จิ้นน้อย แต่ความเสี่ยงสูงขึ้นด้วย

คำศัพท์ความหมายตัวอย่าง
Balanceเงินจริงในบัญชี$1,000
Equityมูลค่าบัญชีปัจจุบัน$980 (Balance + P/L)
Used Marginเงินที่กันไว้$200
Free Marginเงินที่เหลือใช้ได้$780
Margin Levelระดับมาร์จิ้น490%

ทำความเข้าใจคำศัพท์สำคัญที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

มาร์จิ้นคอล (Margin Call) – การแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ของคุณ เมื่อระดับมาร์จิ้นในบัญชีของคุณลดลงถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 

เกณฑ์นี้แตกต่างกันไปในแต่ละโบรกเกอร์ (เช่น อาจอยู่ที่ 100% หรือ 40% หรือ 80%) จุดประสงค์ของ Margin Call คือการเตือนให้คุณทราบว่าบัญชีของคุณกำลังมีความเสี่ยง และคุณจำเป็นต้องดำเนินการบางอย่าง เช่น เติมเงินเพิ่ม หรือปิดสถานะที่ขาดทุน เพื่อรักษาระดับมาร์จิ้นให้กลับมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัย หากไม่ดำเนินการ อาจนำไปสู่ Stop Out ได้

สต็อปเอาท์ (Stop Out) – จุดที่โบรกเกอร์จะดำเนินการปิดสถานะที่ขาดทุนของคุณโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีของคุณติดลบ

Stop Out จะเกิดขึ้นเมื่อระดับมาร์จิ้นของคุณลดลงถึงเกณฑ์วิกฤตที่ต่ำกว่า Margin Call (เช่น อาจอยู่ที่ 30-50%) นี่คือมาตรการความปลอดภัยขั้นสุดท้ายที่โบรกเกอร์ใช้เพื่อปกป้องทั้งตัวคุณและโบรกเกอร์เองจากการขาดทุนที่เกินกว่าเงินทุนในบัญชี

วิธีการคำนวณ Margin Level พร้อมตัวอย่างประกอบ

ภาพแสดงสูตรมาร์จิ้น

การคำนวณ Margin Level ใช้สูตรพื้นฐาน:

Margin Level = (Equity ÷ Used Margin) × 100

มาดูตัวอย่างสถานการณ์จริงกัน:

กรณีที่ 1: พอร์ตอยู่ในสภาวะปกติ

  • ยอดเงินคงเหลือ (Balance): $2,000
  • มูลค่าบัญชีรวม (Equity): $2,200 (มีกำไร $200)
  • มาร์จิ้นที่ใช้ (Used Margin): $500
  • Margin Level = ($2,200 ÷ $500) × 100 = 440%

ระดับนี้ถือว่าอยู่ในโซนปลอดภัย ยังมีความยืดหยุ่นในการเทรด

กรณีที่ 2: เริ่มมีสัญญาณเตือน

  • Balance: $2,000
  • Equity: $1,500 (ขาดทุน $500)
  • Used Margin: $800
  • Margin Level = ($1,500 ÷ $800) × 100 = 187.5%

เริ่มใกล้เขตเสี่ยง ควรติดตามสถานะอย่างใกล้ชิด และอาจต้องพิจารณาลดการเปิดออร์เดอร์

กรณีที่ 3: สถานการณ์เสี่ยงสูง

  • Balance: $2,000
  • Equity: $700 (ขาดทุน $1,300)
  • Used Margin: $600
  • Margin Level = ($700 ÷ $600) × 100 = 116.7%

ระดับนี้ต่ำมาก ใกล้จะโดน Margin Call หากไม่เติมเงินหรือปิดบางออร์เดอร์ อาจถูกปิดโดยระบบ

ระดับมาร์จิ้น Forex คำนวณยังไง อย่างไรให้ถูกต้อง? ค่าดังกล่าวเปลี่ยนตามราคาตลาดแบบเรียลไทม์ การรู้สถานะของบัญชีตัวเองจะช่วยให้รับมือกับความผันผวนได้ดีขึ้น

ภาพแสดง Margin Zones

Margin Call กับ Stop Out คืออะไร?

Margin Call คืออะไร? คือ สัญญาณเตือนจากโบรกเกอร์ ว่าเงินในพอร์ตเริ่มไม่พอรองรับสถานะที่ถืออยู่ โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อ Margin Level ลดลงถึง 100% หรือใกล้เคียง

เมื่อเกิด Margin Call เกิดขึ้นเมื่อไหร่? โบรกเกอร์จะส่งการแจ้งเตือนให้คุณเพิ่มเงินทุนในบัญชี หรือปิดออร์เดอร์บางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง หากไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะนำไปสู่ขั้นตอนถัดไป

Stop Out Level คือ ระดับมาร์จิ้นที่โบรกเกอร์จะปิดออร์เดอร์ของคุณโดยอัตโนมัติ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 50% หรือ 20% ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์

ความแตกต่างระหว่าง Margin Call และ Stop Out:

เหตุการณ์ระดับมาร์จิ้นการดำเนินการ
Margin Call100%แจ้งเตือน ให้เวลาแก้ไข
Stop Out50% หรือ 20%ปิดออร์เดอร์อัตโนมัติ

การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณมีการป้องกันยอดเงินติดลบ Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนถึงจุด Stop Out

ทำไม Margin Level จึงเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยง

Margin Level ควรอยู่ที่เท่าไหร่? คำถามนี้เป็นสิ่งที่นักเทรดทุกคนควรรู้ โดยทั่วไปแล้ว:

  • มากกว่า 1,000%: ปลอดภัยมาก เหมาะสำหรับการเทรดเชิงรุก
  • 500-1,000%: ปลอดภัย เหมาะสำหรับการเทรดปกติ
  • 200-500%: ระวัง ควรติดตามอย่างใกล้ชิด
  • 100-200%: อันตราย เตรียมรับมือ Margin Call
  • ต่ำกว่า 100%: วิกฤต อาจเกิด Stop Out

ระดับมาร์จิ้นสะท้อนถึงสุขภาพการเงินของบัญชีเทรด และเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เมื่อระดับมาร์จิ้นสูง แสดงว่าคุณมีฟรีมาร์จิ้นเหลือมาก สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดี

การใช้ระดับมาร์จิ้นเป็นตัวชี้วัดจะช่วยให้คุณ:

  1. วางแผนการเทรดได้อย่างเป็นระบบ
  2. ป้องกันการสูญเสียเกินกว่าที่คาดหวัง
  3. ปรับกลยุทธ์การเทรดตามสถานการณ์
  4. สร้างความมั่นใจในการตัดสินใจ

การบริหารความเสี่ยง Forex ที่ดีต้องอาศัยการเข้าใจระดับมาร์จิ้นเป็นพื้นฐาน เพราะมันเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้ยาวนาน

ดู Margin Level บน MT4 และ MT5 ยังไง?

การดู Margin Level MT4 และดู Margin Level MT5 เป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกนักเทรดควรรู้ เพื่อให้สามารถติดตามสถานะบัญชีได้ตลอดเวลา

วิธีดู Margin Level บน MT4:

  1. เปิดโปรแกรม MT4
  2. มองหาหน้าต่าง “Terminal” ด้านล่างของหน้าจอ
  3. คลิกที่แท็บ “Trade”
  4. ข้อมูลที่ต้องดู:
    • Balance: ยอดเงินคงเหลือ
    • Equity: อิควิตี้ปัจจุบัน
    • Margin: มาร์จิ้นที่ใช้
    • Free Margin: ฟรีมาร์จิ้น
    • Margin Level: ระดับมาร์จิ้นเป็น %

วิธีดู Margin Level บน MT5:

  1. เปิดโปรแกรม MT5
  2. มองหาหน้าต่าง “Toolbox” ด้านล่าง
  3. คลิกที่แท็บ “Trade”
  4. ข้อมูลจะแสดงในรูปแบบคล้าย MT4

เคล็ดลับการใช้งาน:

  • ตั้งค่าแจ้งเตือนเมื่อ Margin Level ลดลงถึงระดับที่กำหนด
  • ติดตามข้อมูลนี้อย่างสม่ำเสมอขณะเทรด
  • ใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับมือถือ สามารถดูข้อมูลเดียวกันผ่าน MT4/MT5 App โดยไปที่เมนู Trade และดูข้อมูลในส่วน Account Information

กลยุทธ์จัดการระดับมาร์จิ้นแบบมืออาชีพ

การจัดการระดับมาร์จิ้นอย่างมืออาชีพต้องอาศัยกลยุทธ์ที่เป็นระบบและมีวินัย ดังนี้:

1. การกำหนด Position Size ที่เหมาะสม

  • ใช้กฎ 2% Rule (ไม่เสี่ยงเกิน 2% ของบัญชีต่อออร์เดอร์)
  • คำนวณ Lot Size ที่เหมาะสมกับขนาดบัญชี
  • ไม่เปิดออร์เดอร์มากเกินไปในเวลาเดียวกัน

2. การใช้เลเวอเรจอย่างสมเหตุสมผล

  • นักเทรดมือใหม่ควรใช้เลเวอเรจไม่เกิน 1:100
  • นักเทรดมืออาชีพอาจใช้เลเวอเรจสูงกว่า แต่ต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี
  • จำไว้ว่าเลเวอเรจเป็นมีดสองคม

3. การวางแผน Stop Loss และ Take Profit

  • ใช้ Stop Loss ทุกออร์เดอร์เพื่อจำกัดความเสียหาย
  • กำหนด Take Profit ที่สมเหตุสมผลตาม Risk:Reward Ratio
  • ปรับ Stop Loss เป็น Break Even เมื่อกำไรเพียงพอ

4. การดูแลระดับมาร์จิ้นอย่างสม่ำเสมอ

  • ตรวจสอบ Margin Level ก่อนเปิดออร์เดอร์ใหม่
  • ปิดออร์เดอร์บางส่วนเมื่อ Margin Level ลดลงต่ำกว่า 300%
  • เตรียมแผนสำรองเมื่อ Margin Level ลดลงอย่างรวดเร็ว

5. การบริหารอารมณ์

  • ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเกิด Margin Call
  • มีแผนการเทรดที่ชัดเจนและปฏิบัติตาม
  • เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและปรับปรุงกลยุทธ์
กลยุทธ์ผลลัพธ์ความสำคัญ
Position Sizingควบคุมความเสี่ยงสูงมาก
Stop Lossจำกัดขาดทุนสูงมาก
Leverage Managementป้องกันการสูญเสียมากสูง
Margin Monitoringป้องกัน Stop Outสูง
Emotional Controlตัดสินใจที่ดีปานกลาง

การป้องกันยอดเงินติดลบ Forex เป็นสิ่งที่ทุกนักเทรดต้องให้ความสำคัญ เพราะการเสียเงินมากกว่าที่มีในบัญชีจะทำให้เกิดหนี้สินกับโบรกเกอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมาย

ข้อควรระวังกับโบรกเกอร์ต่างๆ

โบรกเกอร์ Forex Margin Call และโบรกเกอร์ Forex Stop Out มีนโยบายที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญ:

สิ่งที่ควรสอบถาม:

  • ระดับ Margin Call และ Stop Out ของโบรกเกอร์
  • นโยบายการป้องกันยอดเงินติดลบ (Negative Balance Protection)
  • ค่าธรรมเนียม Swap และ Commission
  • ความน่าเชื่อถือและการควบคุมโดยหน่วยงานทางการ

เคล็ดลับการเลือกโบรกเกอร์:

  1. เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตชัดเจน
  2. ตรวจสอบนโยบายการป้องกันยอดเงินติดลบ
  3. ทดลองใช้บัญชี Demo ก่อนเปิดบัญชีจริง
  4. อ่านรีวิวและประสบการณ์ของนักเทรดคนอื่น

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการจัดการ Margin จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการเทรดมากขึ้น และสามารถวางแผนการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

นักเทรด Forex ที่มีประสบการณ์จะเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเสมอ เช่น:

เมื่อ Margin Level ลดลงอย่างรวดเร็ว:

  1. อย่าตื่นตระหนก – ยังมีเวลาแก้ไขสถานการณ์
  2. ประเมินสถานการณ์ – ดูว่าออร์เดอร์ไหนขาดทุนมากที่สุด
  3. ปิดออร์เดอร์บางส่วน – เริ่มจากออร์เดอร์ที่ขาดทุนมากที่สุด
  4. เพิ่มเงินทุน – หากมั่นใจในทิศทางการเทรด

เมื่อเกิด Margin Call:

  1. หยุดเปิดออร์เดอร์ใหม่ – เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลง
  2. วิเคราะห์สถานการณ์ – ดูว่าการเคลื่อนไหวของตลาดเป็นไปในทิศทางใด
  3. ตัดสินใจอย่างเร็ว – ไม่ควรรอจนถึง Stop Out

การสร้างแผนสำรอง:

  • กำหนดระดับ Margin Level ที่จะเริ่มลดการเสี่ยง
  • เตรียมเงินสำรองสำหรับเหตุฉุกเฉิน
  • มีแผน B สำหรับทุกสถานการณ์

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้คุณผ่านพ้นวิกฤตได้อย่างปลอดภัย และเรียนรู้จากประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะการเทรดต่อไป

เครื่องมือและแอปพลิเคชันช่วยติดตาม Margin Level

นอกจากการดูผ่าน MT4/MT5 แล้ว ยังมีเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การติดตาม Margin Level สะดวกยิ่งขึ้น:

1. Mobile Apps ของโบรกเกอร์

  • แจ้งเตือนแบบ Real-time
  • ดูข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา
  • บางแอปมีฟีเจอร์คำนวณ Position Size

2. Margin Calculator Tools

  • คำนวณ Margin ที่ต้องใช้ล่วงหน้า
  • ช่วยวางแผนการเทรด
  • ป้องกันการใช้ Margin มากเกินไป

3. Risk Management Apps

  • ติดตามความเสี่ยงโดยรวม
  • วิเคราะห์ผลการเทรด
  • ให้คำแนะนำการปรับกลยุทธ์

การใช้เครื่องมือเหล่านี้ร่วมกับความรู้พื้นฐานจะช่วยให้คุณมีการบริหารความเสี่ยง Forex ที่ดีขึ้น และลดโอกาสในการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

บทเรียนจากประสบการณ์จริง

จากประสบการณ์ของนักเทรดมืออาชีพหลายคน พบว่าการเข้าใจระดับมาร์จิ้นอย่างลึกซึ้งช่วยให้:

  1. ลดการสูญเสียได้ถึง 70% – เมื่อเทียบกับนักเทรดที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้
  2. เพิ่มความมั่นใจในการเทรด – รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ไหน
  3. วางแผนการเทรดได้ดีขึ้น – สามารถคำนวณความเสี่ยงได้แม่นยำ

ตัวอย่าง Case Study: เหตุการณ์จริงในตลาด Forex ที่มี Margin Call/Stop Out

กราฟในช่วง Black Wednesday

เหตุการณ์: Black Wednesday (UK, 1992)

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 1992 รัฐบาลอังกฤษพยายามปกป้องค่าเงินปอนด์ไม่ให้หลุดจากกลไกอัตราแลกเปลี่ยนยุโรป (ERM) ด้วยการแทรกแซงตลาดและขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ร่วงหนักในเวลาอันสั้น

นักเทรดและกองทุน hedge fund ที่เทรด leveraged position ใน GBP/USD หรือ EUR/GBP ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลายรายถูก Margin Call และ Stop Out เพราะราคาผันผวนรุนแรงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

George Soros เป็นตัวอย่างของนักลงทุนที่ทำกำไรได้มหาศาลจากการ short sell ปอนด์ (แต่ฝั่งตรงข้ามจำนวนมากขาดทุนจนบัญชีติดลบ)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Margin Level

นักเทรดมือใหม่มักเจอปัญหาเหล่านี้ ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงได้หากเข้าใจระดับมาร์จิ้นอย่างถูกต้อง:

1. การเปิดออร์เดอร์มากเกินไป

หลายคนคิดว่าการเปิดออร์เดอร์หลายๆ คู่พร้อมกันจะเพิ่มโอกาสกำไร แต่จริงๆ แล้วทำให้ Used Margin เพิ่มขึ้น และ Margin Level ลดลงอย่างรวดเร็ว

2. การไม่ติดตาม Margin Level ขณะเทรด

บางคนเปิดออร์เดอร์แล้วปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ติดตามสถานการณ์ เมื่อตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม ก็เกิด Margin Call หรือ Stop Out โดยไม่ทันตั้งตัว

3. การใช้เลเวอเรจสูงเกินไป

เลเวอเรจ 1:500 หor 1:1000 ดูน่าใช้ แต่ความเสี่ยงสูงมาก หากไม่มีประสบการณ์เพียงพอ

4. การไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง Balance และ Equity

หลายคนดู Balance แล้วคิดว่ายังมีเงินเหลือมาก แต่จริงๆ แล้ว Equity อาจลดลงไปมากแล้วเพราะออร์เดอร์ขาดทุน

เทคนิคขั้นสูงสำหรับการจัดการ Margin Level

1. การใช้ Correlation ในการลดความเสี่ยง

การเทรดคู่สกุลเงินที่มี Correlation ลบ เช่น EUR/USD และ USD/CHF สามารถช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมได้ แต่ต้องระวังเรื่อง Used Margin ที่เพิ่มขึ้น

2. การใช้ Hedging Strategy

บางโบรกเกอร์อนุญาตให้ Hedge (เปิดออร์เดอร์ Buy และ Sell คู่เดียวกันพร้อมกัน) ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติมได้ แต่ต้องคำนวณ Margin ให้ถูกต้อง

3. การปิดออร์เดอร์บางส่วน (Partial Close)

หากไม่ต้องการปิดสถานะทั้งหมดในครั้งเดียว คุณสามารถเลือก ปิดเพียงบางส่วนของออร์เดอร์ เช่น ลดจาก 1 lot เหลือ 0.5 lot วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณมาร์จิ้นที่ใช้อยู่ (Used Margin) ขณะเดียวกันก็ยังคงเปิดโอกาสในการทำกำไรจากส่วนที่เหลือของออร์เดอร์ได้อยู่

4. การใช้ Trailing Stop ร่วมกับ Margin Management

ตั้ง Trailing Stop ที่จะปรับตัวตามกำไร เพื่อป้องกันกำไรที่มีอยู่และลด Used Margin เมื่อออร์เดอร์ถูกปิด

การวิเคราะห์ Margin Level ผ่านกราฟและแผนภูมิ

ภาพการวิเคราะห์ Margin บนกราฟ

การติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Margin Level ผ่านกราฟจะช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมการเทรดของตัวเองได้ดีขึ้น:

การสร้างกราฟติดตาม Margin Level

  1. บันทึก Margin Level ทุกวันหลังปิดตลาด
  2. สร้างกราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงตามเวลา
  3. วิเคราะห์ช่วงเวลาที่ Margin Level ลดลงอย่างรวดเร็ว
  4. หาสาเหตุและปรับปรุงกลยุทธ์

การใช้ Excel หรือ Google Sheets

สร้างตารางติดตามที่ประกอบด้วย:

  • วันที่
  • Balance
  • Equity
  • Used Margin
  • Free Margin
  • Margin Level
  • หมายเหตุ (เหตุการณ์สำคัญ)

ผลกระทบของข่าวสารต่อ Margin Level

เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจสามารถส่งผลกระทบต่อ Margin Level อย่างรวดเร็ว:

ข่าวสารที่ต้องระวัง:

  • การประกาศนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น NFP, GDP, CPI
  • เหตุการณ์ทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อสกุลเงิน
  • ภัยพิบัติธรรมชาติหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด

วิธีเตรียมตัว:

  1. ตรวจสอบปฏิทินข่าวสารทุกสัปดาห์
  2. ลด Position Size ก่อนข่าวสำคัญ
  3. ตั้ง Stop Loss ที่เข้มงวดขึ้น
  4. เตรียม Free Margin สำรองไว้

การศึกษาต่อเพื่อพัฒนาทักษะ

การเข้าใจระดับมาร์จิ้น คือ เพียงจุดเริ่มต้น นักเทรดที่ต้องการประสบความสำเร็จควรศึกษาเพิ่มเติมในสิ่งเหล่านี้

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง:

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
  • การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis)
  • จิตวิทยาการเทรด (Trading Psychology)
  • การบริหารเงินทุน (Money Management)
  • ระบบการเทรดอัตโนมัติ (Automated Trading)

แหล่งความรู้ที่แนะนำ:

  • หนังสือเกี่ยวกับ Forex Trading
  • คอร์สออนไลน์จากผู้เชี่ยวชาญ
  • เว็บไซต์ข่าวสาร Forex ที่น่าเชื่อถือ
  • ชุมชนนักเทรดออนไลน์
  • การฝึกฝนในบัญชี Demo

การสร้างเครือข่ายนักเทรด:

  • เข้าร่วมกลุ่ม Forex ในโซเชียลมีเดีย
  • เข้าร่วมงาน Seminar หรือ Workshop
  • หาที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์
  • แบ่งปันประสบการณ์กับนักเทรดคนอื่น

สรุป: เทรดอย่างปลอดภัยด้วยความเข้าใจระดับมาร์จิ้น

การเข้าใจระดับมาร์จิ้น คือ กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex อย่างปลอดภัย ตลอดบทความนี้ เราได้เรียนรู้ตั้งแต่:

  1. ความหมายและความสำคัญ ของ Margin Level ในการเทรด
  2. วิธีการคำนวณ และตีความ Margin Level อย่างถูกต้อง
  3. ความแตกต่าง ระหว่าง Margin Call และ Stop Out
  4. เครื่องมือและวิธีการ ในการติดตาม Margin Level
  5. กลยุทธ์การจัดการ ความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ
  6. ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง และวิธีแก้ไข

การนำความรู้เหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณ:

  • มีความมั่นใจในการเทรดมากขึ้น
  • ลดโอกาสการสูญเสียแบบไม่คาดคิด
  • สร้างผลกำไรที่ยั่งยืนในระยะยาว
  • พัฒนาเป็นนักเทรดมืออาชีพที่แท้จริง

การบริหารความเสี่ยง Forex ที่ดีเริ่มต้นจากการเข้าใจ Margin Level อย่างถูกต้อง ความรู้นี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดและประสบความสำเร็จในตลาด Forex ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

จำไว้เสมอว่า การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มาจากการหวังโชค แต่มาจากความรู้ ความเข้าใจ และการปฏิบัติที่ถูกต้อง การติดตามระดับมาร์จิ้นอย่างสม่ำเสมอจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณเดินทางในโลกของ Forex อย่างมั่นใจและปลอดภัย


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Margin Level ควรอยู่ที่เท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย?

ตอบ: โดยทั่วไปแล้ว Margin Level ควรอยู่เหนือ 500% เพื่อความปลอดภัย หาก Margin Level ลดลงต่ำกว่า 200% ควรพิจารณาลดความเสี่ยงหรือปิดออร์เดอร์บางส่วน

ถ้าโดน Margin Call แล้วต้องทำอย่างไร?

ตอบ: เมื่อได้รับ Margin Call ให้หยุดเปิดออร์เดอร์ใหม่ทันที จากนั้นประเมินสถานการณ์และพิจารณาปิดออร์เดอร์ที่ขาดทุนมากที่สุด หรือเพิ่มเงินทุนในบัญชีหากมั่นใจในทิศทางการเทรด

เลเวอเรจ 1:500 กับ 1:100 ส่งผลต่อ Margin Level อย่างไร?

ตอบ: เลเวอเรจที่สูงกว่าจะใช้ Used Margin น้อยกว่า ทำให้ Margin Level สูงขึ้น แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นด้วย เพราะการเคลื่อนไหวของราคาจะส่งผลกระทบต่อ Equity มากขึ้น

ทำไม Margin Level ถึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา?

ตอบ: เพราะ Equity เปลี่ยนแปลงตามกำไรขาดทุนของออร์เดอร์ที่เปิดอยู่ ขณะที่ Used Margin คงที่ ดังนั้น Margin Level จึงผันผวนตามการเคลื่อนไหวของราคา

มีวิธีป้องกัน Stop Out หรือไม่?

ตอบ: มี โดยการติดตาม Margin Level อย่างสม่ำเสมอ ใช้ Stop Loss ทุกออร์เดอร์ ไม่เปิดออร์เดอร์มากเกินไป และเลือกโบรกเกอร์ที่มี Negative Balance Protection

มือใหม่ควรเริ่มต้นด้วย Margin Level เท่าไหร่?

ตอบ: มือใหม่ควรรักษา Margin Level ไว้เหนือ 1000% และเทรดด้วย Lot Size เล็กๆ ก่อน เพื่อเรียนรู้การจัดการความเสี่ยงอย่างปลอดภัย

Picture of Ariya Suksawadee
Ariya Suksawadee
อริยา สุขสวัสดิ์ เป็นนักวิจัยอาวุโสแห่งเว็บไซต์รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ เธอมีประสบการณ์มากกว่า 14 ปีในการวิเคราะห์นโยบายการเงินและระบบอัตราแลกเปลี่ยนในเอเชีย เชี่ยวชาญด้านการตัดสินใจของธนาคารกลาง ความร่วมมือทางการเงินในภูมิภาคอาเซียน และการวิเคราะห์อัตราแลกเปลี่ยนตามสถานการณ์สำคัญ อริยาเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับกระทรวงการคลังของไทยและธนาคารพัฒนาเอเชีย พร้อมให้คำแนะนำด้านกลยุทธ์แก่บริษัทและสถาบันการเงินชั้นนำ ความเห็นของเธอมักปรากฏในสื่อระดับประเทศ เช่น Bangkok Biz News และ Bloomberg Asia จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเงินที่น่าเชื่อถือ
Prev上一篇เทรด Forex เสียภาษีไหม? คำถามที่เทรดเดอร์ไทยสงสัยมากที่สุด
การจัดอันดับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
แบรนด์
คะแนน
รีวิวแบบละเอียด
1. Moneta Markets
★ 9.8/10
2. Vantage FX
★9.4/10
3. VT Markets
★ 9.2/10
4. Eightcap
★ 8.9/10
5. GOFX
★ 8.8/10
บทความล่าสุด
ภาพแสดงสุขภาพการเงิน
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

ระดับมาร์จิ้น คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักเทรด Forex

ทำไมระดับมาร์จิ้นถึง

อ่านเพิ่มเติม »
ภาพเทรดเดอร์กำลังครุ่นคิดเรื่องภาษีจากการเทรด Forex
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

เทรด Forex เสียภาษีไหม? คำถามที่เทรดเดอร์ไทยสงสัยมากที่สุด

เทรด Forex ผิดกฎหมาย

อ่านเพิ่มเติม »
แผนที่โลกแสดงเวลาทำการของตลาด Forex หลัก
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

Demand Zone Forex เราควรเทรดเวลาไหนดี?

1. เริ่มต้นเข้าใจ De

อ่านเพิ่มเติม »
แนะนำเพิ่มเติม
แผนที่โลกแสดงเวลาทำการของตลาด Forex หลัก
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

Demand Zone Forex เราควรเทรดเวลาไหนดี?

1. เริ่มต้นเข้าใจ De

อ่านเพิ่มเติม »
ภาพเทรดเดอร์กำลังครุ่นคิดเรื่องภาษีจากการเทรด Forex
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

เทรด Forex เสียภาษีไหม? คำถามที่เทรดเดอร์ไทยสงสัยมากที่สุด

เทรด Forex ผิดกฎหมาย

อ่านเพิ่มเติม »
ภาพนักเทรดกำลังเช็คกราฟ
คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex

รูปแบบ Triple Bottom คืออะไร? คู่มือสำหรับเทรดเดอร์หุ้นไทย

เคยสงสัยไหมว่าหุ้นที

อ่านเพิ่มเติม »


10 อันดับโบรกเกอร์ Forex เป็นแพลตฟอร์มรีวิวชั้นนำในฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ทีมงานของเรามีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม มากกว่า 10 ปี เพื่อมอบประสบการณ์การเทรดที่ปลอดภัยที่สุดให้กับคุณ

เกี่ยวกับเรา

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
  • ข้อกำหนดในการใช้งาน
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว

เงื่อนไขการใช้งาน

  • หน้าแรก
  • รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
    • รายละเอียดโบรกเกอร์ Forex
  • การเทรด Forex
    • วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex
    • คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex
  • คริปโตเคอร์เรนซี
    • รวมคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยม
    • พื้นฐานการลงทุนบล็อกเชน
  • การลงทุนในหุ้น
    • วิเคราะห์หุ้นกลุ่มยอดนิยม
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนหุ้น
    • แนะนำกองทุน ETF
  • การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
    • เจาะลึกการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
  • วิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
  • พื้นฐานการลงทุน
  • หน้าแรก
  • รีวิวโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
    • รายละเอียดโบรกเกอร์ Forex
  • การเทรด Forex
    • วิเคราะห์คู่สกุลเงิน Forex
    • คู่มือเริ่มต้นเทรด Forex
  • คริปโตเคอร์เรนซี
    • รวมคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยม
    • พื้นฐานการลงทุนบล็อกเชน
  • การลงทุนในหุ้น
    • วิเคราะห์หุ้นกลุ่มยอดนิยม
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนหุ้น
    • แนะนำกองทุน ETF
  • การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
    • เจาะลึกการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
    • คู่มือเริ่มต้นลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
  • วิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
  • พื้นฐานการลงทุน

สมัครรับจดหมายข่าวจากเรา

รับข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ของเราและสัญญาณการเทรดประจำสัปดาห์